.
สำนักข่าว บีบีซี ออกมาเปิดเผยประวัติของแข้งเทพแห่งกาฬทวีปที่เอ่ยชื่อไปน้อยคนนักที่จะร้องอ๋อ แข้งเทพผู้นี้มีนามว่า แพททริค ′เอส′ นอนท์โซเลนโก (Patrick Pule ′ace′ Ntsoelengoe)
เหล่าบรรดานักกีฬาแอฟริกาใต้ช่วงยุค 70-80 อยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่าการกีดกันทางการกีฬา เหล่านักกีฬาหญิง ชายที่มีพรสวรรค์มากมายไม่มีโอกาสที่จะได้โชว์ทักษะของตัวเอง
หนึ่งในนั้นคือนักเตะพรสวรรค์นามว่า แพททริค ′เอส′ นอนท์โซเลนโก กองกลางที่วนเวียนเล่นอยู่ในทีม ไคเซอร์ ชีพ ในลีกของแอฟริกาใต้กับลีกอเมริกันเหนือโดยและใช้เวลาเกือบ 11 ปีเล่นให้กับอีกหลายทีมอาทิ ไมอามี่ โตรอส, เดนเวอร์ ไดนาโม, มิเนโซตา คิกส์ และโตรอนโต บลิซาร์ด
เขาไปสร้างชื่อเสียงให้คนรู้จักมากที่สุดกับทีมมิเนโซตา คิกส์ในช่วงปี 1976-1980 ลีลาของเขาเป็นที่ตื่นตาตื่นใจ แม้แต่โค้ชจากทีมคู่ปรับ คู่แค้นยังต้องออกมาปรบมือให้เมื่อเห็นลูกยิงนอกกรอบที่โค้งมาเข้าเสาไกลอย่างสวยงาม เมื่อโอกาสมาถึงเขาก็ไปค้าแข้งอยู่ในอเมริกาแม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้มีโอกาสไปโชว์เพลงแข้งเทียบชั้นกับเหล่าตำนานอย่าง เปเล่ และ โยฮัน ครัฟฟ์
หากดูสถิติในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขามีเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นที่เขาไม่ได้ถ้วยอะไรเลย นั่นเป็นที่ยืนยันได้ว่าเขายอดเยี่ยมแค่ไหน
หนึ่งในเพื่อนสนิทของ เอส ในช่วงที่เล่นด้วยกันในอเมริกาคือ อลัน เมอริค อดีตปราการหลังทีมเวสต์แฮมกล่าวว่า โค้ชของทีมให้เขาไปจับคู่ด้วยกันเพราะในช่วงแรกๆเขาดูจะเป็นคนที่ขี้อาย แต่เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมพอๆกับผู้เล่นชั้นนำของโลกในช่วงเวลานั้นอย่าง จอร์จ เบส, โยฮัน ครัฟฟ์ และ ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ เล่นกับลูกฟุตบอลได้อย่างที่คนอื่นทำไม่ได้
หลังจากที่แขวนสตั๊ดในช่วงกลางยุค 80 เขากลับมาเป็นผู้ดูแลให้กับการพัฒนาทีมเยาวชนของไคเซอร์ ชีพ สโมสรอันเป็นที่รักของเขา และในบางครั้งก็ดูแลทีมแอฟริกาใต้ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปีอีกด้วย
เอสเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่ออายุได้ 50 ปี หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วก็ได้รับการสดุดีสูงสุดในการยกย่องพลเมืองที่เป็นผู้มีความเป็นเลิศในด้านศิลปะ วัฒนธรรม วรรณกรรมและกีฬา
นอกจากนี้เขายังเป็นชาวแอฟริกาใต้คนเดียวที่มีชื่อเข้าไปอยู่ในหอเชิดชูเกียรตฺ (Hall of Fame) ของฟุตบอลอเมริกัน และยังเป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่แอฟริกาเคยมีโดยแฟนๆและผู้เล่นจากทั้งสองฝั่งแอตแลนติก