(เคย) ว่ากันว่า ไก่เดือยทอง ท็อทแน่ม ฮอทสเปอร์คือเจ้าแห่งรายการฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษอย่าง FA Cup ด้วยสถิติครองแชมป์มากที่สุดถึง 8 สมัย และเมื่อครานั้น เด็กตาดำๆคนนึง ช่างภูมิใจในเกรียติยศอันนี้เหลือเกิน
และเฝ้าติดตามการแข่งขันรายการนี้ของทีมรักมาตลอด และหวังว่าจะได้ใส่เสื้อทีมรักที่ซื้อมาราคาถูกๆ หน้าจอทีวี นั่งกินขนมขบเคี้ยวตอนกลางคืนดึก ตามประสาเด็ก จากการถ่ายทอดทาง ฟรีทีวี ซักครั้ง แต่แล้วก็ผิดหวังมาตลอด นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็รวมระยะเวลา 16 ปีเต็ม ยังไม่ได้เห็นทีมรักของตัวเอง ได้ก้าวเข้าไปเหยียบ เวมบลีย์ ในฐานะคู่ชิง เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เป็นสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นความฝันอย่างนึงของของแฟนบอลคนนึงที่อยากเห็นนักเตะของตัวเองเดินใส่สูท ลงสนามท่ามกลางธงสีขาวกรม มีตราสโมสรสเปอร์ส โบกไปมา ทั่วทั้งสนามแล้วมีเสียงร้องเพลงเชียร์ดั่งกระหี่มกับเขาบ้าง ต้องย้อนกลับไปถึงปี 1991 ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่ได้ติดตามมากนัก แต่ก็ต้องการจะเห็นภาพอย่างนั้นเหลือเกิน ทุกคนที่เชียร์สเปอร์สอยู่ทุกวันนี้ เชื่อได้เลยว่า มาจากปีนั้นเยอะพอสมควร และคงไม่มีใครลืมบุรุษที่มืชื่อว่า พอล แกซคอยส์ หรือ แกรี่ ลินิเกอร์ ได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าปี 1992 สเปอร์สจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศอีกครั้งก็ตาม แต่ก็ต้องผิดหวังไปไปถูกอาเซน่อลล้างแค้นไปได้ เพราะปี 1991 สเปอร์สเอาชนะอาเซน่อลได้แบบสะใจแฟนบอล โดยเฉพาะลูกยิงฟรีคิกของพอลแกซซ่า หลายคนสมัยนั้นคงจำกันได้
หลังจากนั้นปี 1994 สเปอร์สก็ต้องผิดหวังเมื่อต้องกระเด็นตกรอบ 4 ด้วยการแพ้ต่ออิสวิท ทาวน์ แต่ว่าปี 1995 สเปอร์สเค้นฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้ง ในยุคของ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ดาเรน แอนเดอร์ตัน และ เจ้าฉลามขาว เจอร์เก้น ครินสมัน ในยุคของ เจอรี่ฟานซิส เราสามารถผ่านทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศ ได้อีกครั้งด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม ของเจ้าฉลามขาวที่ตอนนี้เป็นไอดอลและเป็นนักเตะในใจของแฟนไก่หลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นการทำแฮทริกในรอบ 4 ด้วยการเอาชนะซันเดอร์แลนด์ หรือการยิงประตูเด็กปีกหงส์ในรอบรอง แต่ปีนั้นที่สะใจแฟนบอลมากที่สุดคงจะเป็นนัดที่เอาชนะเซาแธมตันไปได้ 6-2 ที่เล่นนอกบ้านสวมชุดสีเหลือง นักเตะที่จำได้ดีเลยคือรอนนี่ โรเซนธาล ที่ยิงแฮทริกได้ทำให้ผมรู้จักนักเตะคนนี้จำชื่อได้แม่นเลยตั้งแต่วันนั้น แต่แล้วแฟนไก่ก็ต้องมาน้ำตาซึมผิดหวัง เมื่อไปแพ้ต่อเอพเวอร์ตันอย่างขาดลอย 1 ต่อ 4 แม่เจ้าฉลามขาวจะยิงจุดโทษได้ลูกนึงก็ตาม
เกือบได้เข้าชิงแล้ว แต่ก็ยังทำไม่ได้
ปี 1996 เป็นปีที่ทำให้ผมไม่มีวันลืม และเป็นปีแรกที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวกไก่เข้าเลือด เป็นยุคที่หน้าหลามได้จากเราไป และมีผู้เล่นยุคใหม่คือยุคของ เชอริงแฮม คริส อาร์มสตรอง เจสัน ดอสเซน รอนนี่ โรเซลทาว ดาเรน แอนเดอร์ตัน ฟ๊อก และผู้รักษาประตูทรงผมเนี้ยบอย่าง เอียน วอร์คเกอร์ และผมก็หวังกับทีมรักมากเพื่อที่จะได้เห็นทีมได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบลึกๆ เหตการณ์ที่ทำให้ผมไม่มีวันลืม นั่นก็คือนัดเจอกับน๊อตติ้งแฮม ฟอเรส และมีนักเตะฟอเรสคนนึงที่ผมไม่มีวันลืม จนถึงทุกวันนี้ เขาผู้นั้นมีนามว่า “เอียน โวน” และปีนั้นสเปอร์สก็เป็นทีมที่ได้ขึ้นชื่อว่า “เจ้าพ่อ รีเพลย์” ตั้งแต่รอบแรกที่เอาชนะทีมเฮียฟอร์ด (มั้งถ้าจำไม่ผิด) บุก
ไปเสมอ ก่อนจะมาอัดที่บ้าน 5-1 ด้วยการยิงแฮทริกของน้าหมี “เชอริงแฮม” ก่อนที่จะเหย้า เยือนกับวูฟแฮมตันอีกครั้งแล้วแมทต์หลังจากนั้นเอง หลายคนที่เชียร์ตอนนั้นคงจะจำกันได้ดี ที่ต้องเล่นรอบ 5 ถึง 3 นัดกับฟอร์เรส นัดแรกเล่นไปได้แค่ 18 นาทีหิมิ ตกหนักต้องเลื่อนเตะ แมทนั้น คริชอาร์สตองยิงนำไปก่อน 2-0 ผมคิดว่า สเปอร์สเราสบายแล้ว และคุ้มค่ากับการมานั่งกอดหมอน หน้าจอทีวีดูผ่านช่อง 7 กับทีวีสีเก่าๆคนเดียว แต่แล้วก็โดนฟรีคิก ของเอียน โวน เข้าไป โดยเฉพาะ ฟรีคิกลูกที่สองของ โวนนั้นทำถึงกับอ้าปากค้าง มันยิงได้ยังไงจากริมเส้น อัดเต็มข้อเสียบสามเหลี่ยมเข้าไป ทำให้ต้องไปรีเพลย์ ที่บ้านเราเอง แต่ดันไปเสมอ 1-1 แล้วก็แพ้จุดโทษไป ผมโมโหที่ต้องอดหลับอดนอนมาดูดึกๆ เอามือทุบทีวี จนพัง และโดนพ่อด่าจนทำให้ไม่ได้ดูบอลไปหลายนัดเหมือนกัน ตกรอบ 5 ไปตามระเบียบ
เอียนโวน ยิงลูกนี้ผมไม่มีวันลืม
แม้ว่ายุคปี 1997 และ 1998 เป็นยุคของ เลส เฟอร์ดินานด์ และ ดาวิด ชิโนล่า สองตำนานของสเปอร์ส โดยเฉพาะความหวือหวาโดดเด่นของ ชิโนล่าจะเข้ามาช่วยให้การเชียร์สเปอร์สของผมดูน่าตื่นเต้นขึ้นอีก แต่ก็ไม่ใช่ปีทองของสเปอร์สสำหรับรายการ FA Cup นี้ต้องกระเด็นตกรอบแรกและรอบสอง ด้วยการแพ้ต่อแมนซิตี้ และ บาร์นสลี่ ตามลำดับ ทำให้รู้สึกว่า FA Cup นั้นจะไม่ใช่ของหวานสำหรับสเปอร์สอีกต่อไป และที่ซ้ำร้ายกว่านั้นถือว่าเป็นยุคทองของ แมนยู และอาเซน่อลที่แซงหน้าสเปอร์สไปด้วย สถืติได้แชมป์ที่ดีกว่า เราก็จอดอยู่แค่ 8 สมัยมานานมากแล้ว
ในยุคปี 1999 แม้ทีมจะไม่มี เชอริงแฮม แต่ทีมก็มีนักเตะอย่างชิโนล่า อีเวอร์เซ่น แอนเดอร์ตัน เชอร์วูด นีลเซ่นเหมือนกัน และเป็นอีกปีที่เราทำได้ดี ด้วยการทะลุผ่านไปถึงรอบรองชนะเลิศด้วยการอัดวิมเบอร์ดัน ลีดส์ ยูไนเต็ด และล้างแค้น บาร์นสลี่ได้สำเร็จ แต่ก็ไปแพ้ต่อ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ที่เป็นยุคทองคำของ อลันเชียร์เรอร์ แต่ปีนี้ สเปอร์สก็ไม่ได้ผิดหวังรายการบอลถ้วยเสมอไป เพราะเราได้แชมป์รายการเล็กคือเวิร์ทธิงตัน ลีกคัพ มาครองได้สำเร็จจากการยิงเข้าประตูของอลัน นีลเซ่น หลายๆคนคงจำกันได้ดี และนั่นก็คือแชมป์อย่างเป็นทางการแชมป์แรกของผมเลยก็ว่าได้ตั้งแต่เชียร์มา
ปี 2000 เป็นอีกปีที่ช้ำชอกใจของผมเป็นอย่างมากเมื่อต้องมาโชคร้ายจับฉลากเจอกับคู่ปรับเก่าอย่างนิวคาสเซิ่ลที่เราแพ้ไปในปี 1999 แต่ก็เป็นโอกาสงามที่จะล้างแค้น แต่แล้วก็ไม่วายตกรอบแรกด้วยการแพ้นิวคาสเซิ่ลหลุดลุ่ยไปถึง 6-1 แม้ชิโนล่าจะยิงมาได้ลูกนึงก็ตาม เป็นอีกปีที่ย่ำแย่ของไก่เราเลยทีเดียว
ปี 2001 เป็นยุคที่ทีมเราไม่ค่อยจะมีนักเตะที่เล่นหวือหวาเอาซะเลย แต่รายการนี้เราก็ไปได้เรื่อยๆ เป็นยุคของเฟอร์ดินาน ทิมเชอร์วูด เรอบรอฟ สตีเว่นคาร์ ลีออนฮาร์ดเซ่น และดาวรุ่งอย่างไซม่อนเดวี่ส์ เราทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจโดยเฉพาะ การเอาชนะคู่แข่งแบบนัดเดียวจบตั้งแต่รอบ สามถึงรอบห้า แต่คู่แข่งก็ต้องบอกว่าเราเหนือกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นลูตั้น ชาตั้น สต๊อกพอร์ส จะมีหนักๆก็รอบ 6 ที่ต้องเจอกับเวสแฮม แต่ตอนนั้น เซอร์เก เรบรอฟ ของขึ้นช่วยทีมยิงสองลูกเอาชนะเวสแฮมไปได้ 3-2 และทำให้เราผ่านทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศอีกครั้ง ด้วยการเจอคู่ปรับเก่าอย่างอาเซน่อล และผลก็เป็นไปตามความคาดหมายว่าเราพ่ายแพ้ไป ด้วยประตู 1-2 เราก็ได้แกรี่ โดเฮอร์ตี้ มายิงให้ทีม แกรี่ โอเฮอร์ตี้จะยิงให้สเปอร์ 3 ลูกเลยทีเดียวในรายการนี้
ยุคปี 2002 เป็นยุคของ คริสเตียนซีเก้ โปเย เจมี่ เรดแนปป และเชอริงแฮมกลับคืนสู่เล้าไก่ และก็เป็นปีแรกของ รอบบี้ คีนอีกด้วย ปีนี้เราทำผลงานกันได้ดีแต่ว่าสุดท้ายก็ต้องไปจอดที่รอบ 6 ด้วยการแพ้ต่อเชลซีไปขาดลอย 4-0 ทั้งๆที่รอบแรกๆเราเอาชนะคู่แข่งมาแบบสบายโคเวนทรี โบลตัน และทรานเมียร์ ด้วยการทำประตูแบบคลีนชีต 2-0, 4-0 และ 4-0 ตามลำดับ
ยุคปี 2003 เป็นยุคของ รอบบี้ คีนเต็มตัว และมีนักเตะอย่าง คานูเต้ ปอสติก้า เดโฟ และตัวเก๋าๆอย่าง โปเย และแอนเดอร์ตันก็ยังอยู่ช่วยทีม แต่แม้จะมีนักเตะกองหน้าระดับดีๆ แต่เราก็ไปแพ้เซาแธมตันเละเทะถึง 0-4 ตกรอบแรกไป ส่วนปี 2004 แม้จะชนะคริสตัน พาเลสได้รอบ สามแต่ก็ไปแพ้ต่อแมนซิตี้ รอบสี่แบบสุดมัน 3-4 โดยที่นัดแรกก็เสมอกัน 1-1 มาปี 2005 เราก็ทะลุไปถึงรอบก่อนรอง แต่ไปแพ้ต่อนิวคาสเซิ่ลเช่นเดิม และในปี 2006 เป็นยุคของจีนาส มิโด้ คีน เดโฟ คาริค และได้นักเตะอย่างดาวิดมาช่วย แต่สำหรับรายการ FA Cup ปี 2006 นี้เรากลับตกรอบแรก ด้วยการแพ้ต่อเลสเตอร์ ซิตี้ 2-3
ยุคปี 2007 กับ 2008 เป็นยุคทองของสเปอร์สในบอลพรีเมียร์เนื่องจากทำผลงานได้ดี แต่ว่าในบอลรายการ FA cup เราก็ต้องรอต่อไปเหมือนเดิม แม้ยุคนี้เราจะ
มีนักเตะอย่าง รอบบี้ คีน และดิมิทรา เบอร์บาตอฟ เป็นตัวชูโรงก็ตาม ในปี 2007 นั้นเราทะลุไปถึงรอบก่อนรอง ด้วยการเอาชนะทั้งคาร์ดิฟ เซาแธมตัน และฟูแล่ม ก่อนที่เราจะไปพลาดท่าแพ้ต่อเชลซีด้วยการรีเพลย์ ถ้าใครจำได้คงจะชอกช้ำระกำทรวงจริงๆ เพราะว่านัดนี้เราน่าจะเป็นฝ่ายเอาชนะเชลซีไปได้แล้ว แต่เราก็มาโดน มิคาเอลเอสเซียง ตามตีเสมอได้ในนาทีท้าย แบบเจ็บกระดองใจ ส่วนปี 2008 แม้ว่าเราจะล้างแค้น เชลซีด้วยการได้แชมป์คาริงคัพไปได้และเป็นแชมป์รายการที่สองของผมตั้งแต่เชียร์ไก่มา แต่เราก็ยังผิดหวังเช่นเดิมกับ FA Cup ด้วยการผูกขาดแพ้แต่ แมนยูไป 1-3
ปี 2009 แฟนไก่คงเกรียดผีเข้าใส้ไม่ว่าจะแพ้นัดชิง คาริงคัพ และก็กระเด็กตกรอบด้วยน้ำมือของ แมนยูที่ผูกขาดชนะทีมเรามาตลอด ปีนี้นักเตะดังๆอย่าง รอบบี้ คีน กับเบอร์บาตอฟก็ย้ายไปลิเวอร์พูล และแมนยูตามลำดับด้วย และเป็นปีที่วิกฤตของเราเลยก้ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นอันดับในตารางรวมไปถึงผลงานบอลถ้วยก็ย้ำแย่ และยังผูกขาดแพ้อีกด้วย ยุคนี้ทุกคนก็คงทราบดีว่าเป็นยุคของ สากทองคำ ดาเรนเบนท์ และพาฟิวเชนโก้ แม้หลังฤดูกาลเราจะได้ คีน และเดโฟกลับมาก็ตาม รายการ FA Cup ในปีนี้เราก็ตกรอบตามระเบียบ
ดังนั้น ปีนี้ 2010 เป็นปีที่เรา เหล่าสกวกยิดอาร์มี่ ก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นปีทองของเรา ทั้งผลงานที่แจ่มด้วยการคุมทีมของจ่า แฮรี่ เรดแนปป์ ด้วยผลงานของฟุตบอล FA Cup ที่เราเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้แม้ว่าจะเป็นเจ้าพ่อรีเพลย์ แต่ว่าเราก็โชคดีเหลือเกิน และมีโอกาสมากเหลือเกินที่จะได้เข้าไปชิงชนะเลิศ ผมเองก็ได้แต่หวังว่า 16 ปีที่รอคอยมา จะเป็นความจริงซักที ไม่ได้แต่หวังลมๆแล้งๆ หรือว่าไม่ได้แต่เสียวไปเสียวมา อย่างน้อยการเจอทีมทีมที่ มีปัญหาภายในอย่างปอร์สมัธ และอันดับตารางองพวกเขาอยู่อันดับสุดท้าย จะสามารถทำให้เราผ่านเข้าไปสู่นัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จซักครั้ง เชียร์มาหลายปี ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไป จากเด็กตัวดำๆ ต่างจังหวัดนั่งเชียร์ฟุตบอลทีมอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว ทุบทีวีตัวเองเพราะแพ้จุดโทษ เพราะตกรอบ FA cup ตอนนี้ขอซักครั้ง ขอได้เข้าชิง แม้ว่านัดชิงต่อไปจะเป็นยังไงผมก็ไม่ได้เสียดาย เพราะปีนี้ ผมภูมิใจกับนักเตะชุดนี้มากมาย ความหวัง 16 ปีที่รอคอย มันไกล้จะมาเป็นความจริงแล้ว