อสูรแดงตาตี่จากแดนโสม: ปาร์ค ชี ซอง - ผมอาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์มากมาย แต่ผมไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งใด
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2005 ข่าวการเซ็นสัญญาคว้าตัวนักเตะชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งของยูไนเต็ด สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับแฟนๆไม่น้อย โดยบางคนถึงกับฟันธงไปเลยว่า นี่เป็นการดำเนินธุรกิจเจาะตลาดเอเชียอย่างเดียวเป็นแน่
แต่จนถึงวันนี้ ความสงสัยนั้นก็ได้มลายหายไปหมดสิ้น ผลงาน และความทุ่มเทในสนามของชายหนุ่มหน้าตี๋คนนี้สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆทุกๆครั้งที่ลงสนาม จนกลายเป็นขวัญใจ ที่มักจะยกย่อง ความอึดของเขาที่วิ่งได้ไม่มีหมด และความฉลาดเป็นกรดในการเล่นฟุตบอล
ปาร์ค ชี ซอง
หนังสือ fourfourtwo ฉบับภาษาเกาหลี เดือนตุลาคม ปี 2008 ได้ลงเรื่องราวของปาร์คถึง 40 หน้า แน่นอนว่าหน้าปกย่อมต้องเป็นรูปของปาร์ค และมีคำว่า “Legend of JS Park” เขียนติดอยู่ด้วย นิตยสารฉบับนี้คล้ายเป็นบทสรุปขนาดย่อมของหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเขาเองชื่อว่า “Infinite Challenge”
นิตยสารฉบับนี้ยังได้จัดให้ปาร์คเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการฟุตบอลเกาหลี รองจาก ชุง มุง จูน รองประธานฟีฟ่า
มยุง จา คุณแม่ของปาร์คปักใจเชื่อในตอนนั้นว่าปาร์คจะโตขึ้นมาแข็งแกร่งเหมือนกับมังกรในตำนานของเกาหลี ตามที่เธอได้เคยฝันตอนที่ตั้งท้องปาร์ค แต่รูปร่างของปาร์คตอนเกิดมันกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม และพ่อแม่ของปาร์คก็ต้องประหลาดใจตั้งแต่ที่เขายังเรียนอยู่เกรด 3 ในโรงเรียนประถม เพราะปาร์คกล่าวว่าเขาอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ด้วยความที่ปาร์คนั้นตัวเล็กและบอบบาง จึงคงเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อไปสักหน่อยที่อยากจะเป็นนักฟุตบอล อย่างไรก็ตาม ปาร์คจะไม่ปล่อยความฝันของตนให้หลุดลอยไปเป็นแน่
ซุง ชอง พ่อของปาร์คจึงตัดสินในเลิกทำงานในโรงงานเหล็ก แล้วมาทำงานขายเนื้อ เพื่อให้ลูกชายคนเดียวของเขาได้มีเนื้อหลากหลายชนิดให้เลือกทานบำรุงร่างกาย
ตอนที่เรียนอยู่มัธยม ปาร์คไม่ค่อยได้รับความสนใจจากโค้ช และเพื่อนร่วมทีม เพราะรูปร่างที่เล็กของเขานั่นเอง ทำให้ความฝันแทบจะมลายหายไปเลย แต่แล้วปาร์คก็สูงขึ้น 6 นิ้วในช่วงระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น จนตอนนี้ปาร์คสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว (175 ซม.) นั่นทำให้อุปสรรคในเรื่องรูปร่างของปาร์คนั้นหมดไป และฝีเท้ากับความมั่งมั่นที่น่าชมเชยของปาร์คก็ไปเตะตา ลี ฮัก ชอง ผู้จัดการทีมโรงเรียนมัธยมของปาร์ค และก็เป็นคำแนะนำของชายผู้นี้นี่เองที่ช่วยให้ปาร์คสามารถเข้าไปร่วมทีมของม. มยุง ชี ในโซลได้สำเร็จ
ที่นั่นปาร์คทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อรอโอกาสที่จะเข้ามาหาเขาสักวัน และใน 3 ปีต่อมา ดาวดวงใหม่ก็ได้แจ้งเกิดขึ้นมาในวงการฟุตบอลเกาหลี ปาร์คโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในโอลิมปิก ปี 2000 ที่ซิดนีย์ และ เล่นได้ยอดเยี่ยมให้กับเกียวโต เพอร์เพิ่ล ซังกา ทีมระดับ J2 ในขณะนั้น ปาร์คช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ และนำทีมคว้าแชมป์ Emperor's Cup ได้ จากนั้นปาร์คก็ช่วยให้ทีมชาติเกาหลีใต้ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2002
หลังจากนั้น กุส ฮิดดิ้ง กุนซือผู้นำเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จดังกล่าวก็ได้นำตัวปาร์คและเพื่อนร่วมชาติลี ยอง เปียวไปร่วมทีมพีเอสวี ไฮน์โอเฟ่นด้วย
ช่วงแรกๆกับพีเอสวีนั้น ปาร์คยอมรับว่ามีความรู้สึกไม่อยากได้บอล เพราะแฟนๆมักจะโห่เขาอยู่เสมอ และเขามักจะได้รับบาดเจ็บในช่วงแรกๆ แต่หลังจากเริ่มฤดูกาล 2004-2005 ปาร์คก็ได้รับโอกาสมากขึ้นหลังจากการจากไปของอาร์เจน ร็อบเบน และหลังจากนั้นเขาก็ใช้ผลงานสยบเสียงนกเสียงกาได้สำเร็จ
ปาร์คเป็นขวัญใจของแฟนๆที่นี่ และแฟนๆยังเคยได้แต่งเพลงให้มีชื่อว่า “Song for Park” โดยในเพลงร้องชื่อปาร์คซ้ำทั้งเพลง
“ตอนที่ผมยังเด็กอยู่นั้น ผมพยายามจะเล่นกับทีมที่ระดับสูงๆเสมอ นั่นทำให้ผมพัฒนาฝีมือมากขึ้นเรื่อยๆ และเรียนรู้ที่จะทำประตูได้มากขึ้น โชคดีที่ผมติดทีมชาติตั้งแต่ยังเรียนที่มหาวิทยาลัย จากนั้นผมก็ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างแดนที่พิเอสวี และกุสก็เป็นคนเปลี่ยนชีวิตของผมทุกๆอย่าง เขาเชื่อมั่นในตัวผมมาก และเขาก็ทำให้ผมเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมาเช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักฟุตบอลที่ยังอายุน้อยเลยทีเดียว”
“จากนั้นกุสก็โผล่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับล่าม เขากล่าวว่าผมมีจิตใจที่เข้มแข็งและแน่วแน่ และนั่นจะช่วยทำให้ผมก้าวไปเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งได้แน่นอน”
“ผมอึ้งไปนานทีเดียว และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร พวกเขาก็ออกไปจากห้องแล้ว หัวใจผมเต้นรัว ผมรู้สึกถึงพลังบางอย่างในตัวผม กุสดูเหมือนจะเป็นคนที่ห่างเหิน แต่ถ้าเขาลองเข้ามาหาแล้วพูดแบบนั้นได้ มันก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผมได้มากๆๆเลย ผมอาจจะไม่มีเทคนิก หรือทักษะที่สูงส่ง แต่สิ่งที่ผมมีคือ ผมไม่เคยยอมแพ้ต่ออะไร สิ่งที่กุสพูดมามันรู้สึกดีมากกว่า 10 เท่าเทียบกับถ้ามีคนมาบอกผมว่า ผมเป็นอัจฉริยะทางฟุตบอลเสียอีก”
แต่จนถึงบัดนี้ ไม่มีใครสงสัยในการลงทุนครั้งนี้ของยูไนเต็ดอีกต่อไป แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นการทำเพื่อธุรกิจหลังจากจากไปของเดวิด เบ็คแฮม แต่ผลงานในสนามของปาร์คก็ตอบแทนยูไนเต็ดซะคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
และเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรแบบภาษาเกาหลีจะมีคนส่งข้อความมาแสดงความคิดเห็นถึง 2 ล้านหน้าทุกๆเดือน! และยูไนเต็ดก็ได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลบริหารนครโซลที่จะให้การสนับสนุนจนถึงปี 2011
มิดฟิลด์ชาวเกาหลีใต้วัย 27 ปีกล่าวว่าดาวเตะจากเอเชียไม่ได้รับความเคารพมากเท่าที่ควร และสโมสรต่างๆในพรีเมียร์ ลีก เซเรียอา และลาลีกาสเปนก็มักจะมองข้ามพวกเขาไป ปาร์คแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถลงแข่งในยุโรปได้อย่างสบายตั้งแต่อยู่ที่พีเอสวีแล้ว “ผมพิสูจน์ตนเองได้ในพีเอสวีแต่บางคนก็ดันไปคิดว่าคนเอเชียไม่ดีพอที่จะเล่นในยุโรป จึงเป็นเรื่องท้าท้ายที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนพวกนี้คิดผิด เมื่อตอนที่ผมมาที่ยูไนเต็ดแรกๆผมก็ต้องโชว์ให้เห็นว่าผมมีดีอะไร ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วล่ะว่าผมได้มาอยู่ที่นี่ได้เพราะมาขายเสื้ออย่างเดียว!”
“ที่ผมไม่ได้ลงในนัดชิงมันน่าเศร้าจริงๆ เป็นเรื่องที่ผมผิดหวังมากที่สุดในชีวิตการค้าแข้งเลยทีเดียว แต่ผมก็เปลี่ยนให้ความผิดหวังนี้แหละให้เป็นพลัง” “ผมเชื่อว่ายังไงยูไนเต็ดก็ต้องเข้าชิงอีก และผมก็หวังจะได้ลงสนามด้วย” และในที่สุด ในปีถัดมายูไนเต็ดก็ได้เข้าชิงอีกครั้งกับบาร์เซโลน่า ซึ่งคราวนี้ปาร์คก็ได้ลงเป็นตัวจริงสมใจ แต่ผลการแข่งขันเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจ เมื่อแพ้ไปอย่างหมดสภาพ 0-2
ในฤดูกาลที่แล้ว ปาร์คได้ช่วยนำทีมทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง หลังทุบอาร์เซน่อลได้ทั้งเหย้าและเยือนในรอบรองชนะเลิศ สกอร์รวม 4-1 โดยปาร์คทำประตูได้ในเลกที่สองที่ไปเยือน หลังจากฉกบอลจากคีแรน กิ๊บส์ที่ลื่นล้มได้ และเข้าไปยิง
และแล้วในวันที่ 14 กันยายน 2009 ปาร์คก็ได้เซ็นสัญญากับทีมออกไป 3 ปี โดยค่าเหนื่อยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 65,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
และผลงานระดับโลกอีกครั้งของปาร์คมาจากการช่วยให้ยูไนเต็ดเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการทุบเอาชนะมิลานทั้งเหย้าและเยือน โดยเฉพาะเลกที่ 2 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ถล่มไปอย่างหมดสภาพ 4-0 ในแมตช์นี้ ปาร์คซึ่งรับบทเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางสูงในแผงมิดฟิลด์ 3 คนแสดงให้เห็นถึงพลังที่วิ่งไปทั่วสนามไม่มีหมด ประกบตายอันเดร ปิร์โล จนไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน โชว์ให้เห็นถึงความฉลาดในการเล่นบอลแต่ละลูก และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมในการวิ่งโดยไม่มีบอล และที่สำคัญที่สุดปาร์คสามารถทำประตูได้จากการผ่านบอลของพอล สโคลส์ ถือเป็นการเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปาร์คในการเล่นให้กับยูไนเต็ดเลยทีเดียว
ปาร์คติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ อายุ 19 ปี โดยเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ทัวร์นาเมนต์แรกของเขาคือ ฟุตบอลโอลิมปิก 2000 ที่ซิดนีย์ ในยุคของ Huh Jung-Moo ปาร์คไม่สามารถแจ้งเกิดในทีมได้ แต่เมื่อกุส ฮิดดิ้งเข้ามากุมบังเหียน ปาร์คก็ถูกเปลี่ยนให้ไปเล่นเป็นปีก จึงทำให้ปาร์คกลายเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์ที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงกลาง ปาร์คโชว์ฟอร์มได้ดีในฟุตบอลโลกทั้งสองครั้งที่ผ่านมา โดยในปี 2002 ปาร์คสามารถทำประตูแห่งความทรงจำได้ในแมตช์ที่เขี่ยโปรตุเกสตกรอบแรกไปได้ และช่วยให้เกาหลีใต้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้เป็นครั้งแรก เท่านั้นไม่พอเกาหลีใต้ยังสามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปได้อย่างช็อกวงการฟุตบอลอีกด้วย และในฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมัน ปาร์คก็เล่นได้เยี่ยมอีกครั้งในแมตช์ที่ยิงให้ทีมทำประตูตีเสมอในนัดที่พบกับฝรั่งเศส ในรอบแรก และได้รับการโวตให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ด้วย
ปาร์คซึ่งผ่านการลงเล่นให้กับสโมสรชั้นนำของยูโรปมา 2 สโมสร และได้รับประโยชน์จากสนามซ้อม และการจัดการทางการกีฬาที่ทันสมัยมาก อีกทั้งยังได้เคยเห็นว่าระบบเยาวชนของสโมสรทั้งสองนี้ว่าดีขนาดไหน จึงกระตุ้นให้ดาวเตะเอเชียที่มีแววรุ่งให้มาพัฒนาฝีเท้าที่สโมสรชั้นนำของยุโรปเสีย “ระบบเยาวชนที่ยุโรปนี้ดีกว่าที่เกาหลีมาก ที่นี้เค้าจะเล่นกันบนหญ้าจริง แต่ที่เกาหลี เค้าจะเล่นกันบนพื้นซีเมนต์ หรือบนสนามหญ้าเทียม” “ฟุตบอลเอเชียกำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่คงต้องใช้เวลานานอยู่เหมือนกันที่จะก้าวทันยุโรปเค้า สำหรับผมแล้ว เป็นเรื่องจำเป็นที่นักเตะเอเชียจะต้องเข้ามาแสวงหาประสบการณ์ในยุโรป และคำแนะนำของผมก็คือ: สนุกกับการเล่น และอย่าคิดแม้แต่จะล้มเลิกความฝัน” - อยากให้คนไทยทำให้ได้อย่างนี้บ้างจัง
Popular Korean actress Ha Ji-won reveals that Korean football star Park Ji-sung is the ideal type as her boyfriend. During a KBS interview, Ha Ji-won said that Park is cute and always do his best in his games. http://news.stareastasia.com/2007/04/ha-ji-won-like-football-star-park-ji-sung/
ซารางเฮโย อาจี โอ๊ะ..รักคนเกาหลี
|
เครดิตคุณ สุกิต MK และ www.pantip.com