สิงห์สองแดง!พ่ายเรือคาบ้านเละ2-4

สิงห์สองแดง!พ่ายเรือคาบ้านเละ2-4

แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่างร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานหลังตามเชียร์บุกมาโชว์ฟอร์มสุดยอดทุบเอาชนะ เชลซี เละเทะ 4-2 จากการยิงของ คาร์ลอส เตเวซ และ เคร็ก เบลลามี่ คนละสองลูก ส่วนเจ้าบ้านได้สองลูกจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทั้งสองลูกเช่นกัน แต่ว่าเจ้าบ้านต้องเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนจากการโดนใบแดงของ ชูเลียโน่ เบลเลตติ และ มิชาเอล บัลลัค ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา




ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ


วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553


เชลซี 2 - 4 แมนฯ ซิตี้

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์


 


สิงห์บลูส์ เชลซี ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 5 ของตาราง
 

ทีมสิงห์บลูส์ของ คาร์โล อันเชลอตติ เจอข่าวร้ายเมื่อ ปีเตอร์ เช็ก โกลมือ 1 เจ็บน่องต้องพักอย่างน้อย 1 เดือน ทำให้ เอ็นริเก้ อิลาริโอ ได้ลงเฝ้าเสา เช่นเดียวกับแบ็กซ้ายที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ได้เล่นตามเดิม ส่วน โจ โคล เบียด ซาโลมง กาลู ลงผนึกกำลัง นิโกล่าส์ อเนลก้า และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา
 

ฝั่งกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ของ เรือใบสีฟ้า เพิ่งพาทีมตกรอบเอฟเอ คัพ หลังเล่น 120 นาที แพ้โบลตัน 1-3 เมื่อกลางสัปดาห์ และต้องเสีย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ หัวหอกตัวเก่งที่โดนไล่ออก โดนแบนถึง 4 นัด แต่ก็มีข่าวดีคือ คาร์ลอส เตเวซ ดาวยิงกลับมาจากเฝ้าภรรยาคลอดบุตร และลงบู๊ทันที
 

โดยระหว่างที่นักเตะทั้งสองทีมเดินสัมผัสมือกันก่อนลงสนาม ปรากฎว่า เวย์น บริดจ์ ไม่ยอมจับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ ที่ยื่นมือรอ เนื่องจากปัญหาหัวใจของทั้งสอง สาเหตุมาจากกัปตันทีมเชลซีแอบตีท้ายครัวแบ็กซ้ายเพื่อนเลิฟของทีมเยือนนั่นเอง
 

เปิดฉากครึ่งแรกมาเป็นเจ้าบ้านที่เดินเกมรุกเข้ากดดันทีมเยือนทันที น.9 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แบ็กขวาเจ้าถิ่นเติมขึ้นมากดด้วยเท้าขวากว่า 25 หลา ทักทายก่อน แต่บอลยังไม่ผ่าน เชย์ กิฟเว่น
 

สิงห์บลูส์ ยังลุยเข้าใส่แบบต่อเนื่อง น.18 โจ โคล ปีกร่างจิ๋วเจ้าถิ่น ลากหนี ไมกาห์ ริชาร์ดส์ จากซ้ายเข้ามาซัดด้วยเท้าขวาบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ กิฟเว่น ไม่พลาดปัดทิ้งออกมาให้กองหลังช่วยเคลียร์อีกที
 

ทีมเยือนยังตั้งลำไม่ติด น.29 นิโกล่าส์ อเนลก้า หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส ลองสับไกกว่า 30 หลาจากกราบซ้ายไปเข้าซอง กิฟเว่น อีกครั้ง
 

เจ้าถิ่นยังบุกหนัก และก็มาทำได้สำเร็จใน น.42 จากจังหวะที่ โจ โคล ดีดบอลตามช่องให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สอดเข้าไปกดด้วยเท้าขวาในเขตโทษทางขวาเรียดผ่านมือ เชย์ กิฟเว่น เสียบหน้าต่างเข้าไปสุดสวยช่วยให้ เชลซี นำก่อน 1-0
 

แต่สาวกสิงห์บลูส์เฮได้ไม่นาน เพราะช่วงทดเจ็บครึ่งแรก เวย์น บริดจ์ เตะเคลียร์จากหน้าปากประตูตัวเองลอยโด่งมากลางสนามเหมือนไม่มีอะไร แต่ มิเคล โหม่งคืนหลังพลาดไปเข้าทาง คาร์ลอส เตเวซ ลากจี้จากกลางหนี คาร์วัลโญ่ และ เทอร์รี่ เข้าตวัดยิงมุมแคบเขตโทษทางขวาบอลค่อยๆ กลิ้งผ่านมือ อิลาริโอ เข้าเสาไกลแบบเหนือชั้นตีเสมอ 1-1 และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
 

เริ่มครึ่งหลังทั่งสองทีมต่างยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นและนาที 50 ทีมเยือนมาได้ลุ้นประตูก่อนจากการที่ เทอร์รี่ ทำฟาวล์ อดัม จอห์นสัน ระยะประมาณ 20 ด้านขวา บริดจ์ รับหน้าที่ปั่นฟรีคิกแต่ว่าติดกำแพงกระดอนออกมาได้
 

ถัดมาอีกนาทีเดียวแฟนบอลเจ้าถิ่นมีอันต้องอึ้งกันทั้งสนามเมื่อ แกร์เร็ธ แบร์รี่ ตัดบอลได้จากกลางสนาม ก่อนบรรจงเปิดยาวให้ เบลลามี่ ด้านปีกซ้าย และเป็น เบลลามี่ กระชากเข้ากรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจตวัดยิงด้วยเท้าซ้าย บอลเรียดผ่านมือ ฮิลาริโอ เสียบเสาสองสวยงามให้ เรือใบ ออกนำบ้าง 2-1
 

หลังจากเสียประตูที่สองเจ้าบ้านเดินเกมรุกบุกแหลกทันที และมาได้ลุ้นประตูตีเสมอบ้างจากจังหวะฟรีคิกของ ดร็อกบา ระยะ 25 หลา บอลแฉลบกำแพงเปลี่ยนทางผ่าน กิฟเว่น ไปแล้วแต่ว่าเฉี่ยวเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
 

นาทีที่ 60 เจ้าบ้านน่าได้ประตูที่สองเหลือเกินเมื่อ อเนลก้า ได้โขกจ่อๆ หน้าปากประตูระยะ 6 หลาบอลกำลังเสียใต้คานแล้ว แต่ว่า กิฟเว่น ยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกหลังได้อีก อย่างไรก็ดีผู้ตัดสินเป่าฟาวล์แฮนด์บอลของ มิชาเอล  บัลลัค ไปก่อนแล้ว
 

นาที 66 เกมโต้กลับของ เรือใบ เกือบทำแฟนเจ้าถิ่นเซ็งอีกครั้งเมื่อ เบลลามี่ รับบอลยาวจากเพื่อนก่อนควบตะบึงเข้ากรอบเขตโทษ แต่ อิวาโนวิช ยังตามกลับมาแหย่สกัดออกหลังได้ทันเวลา
 

ถัดมาอีกนาทีเดียวเจ้าบ้านตอบโต้บ้าง เมื่อ ดร็อกบา ได้บอลรับยาวในกรอบเขตโทษพักอกหนึ่งครั้งก่อนตวัดยิง แต่ว่า กิฟเว่น ยังไวออกมาปิดมุมไว้ได้ทันเวลา
 

นาที 75 สิงห์บลูส์ มีอันต้องสังเวยประตูที่สามจนได้เมื่อ ชูเลียโน่ เบลเลตติ ตัวสำรองที่ลงมาใหม่เล่นบอลช้าโดน แบร์รี่ ตัดบอลได้แล้วเลี้ยงเข้าเขตโทษและ เบลเลตติ ตามไปทำฟาวล์ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษพร้อมแจกใบแดงไล่กองหลังชาวอิตาเลียนออกไป
 

จากจังหวะดังกล่าว คาร์ลอส เตเวซ รับหน้าที่เป็นผู้สังหารจุดโทษและกองหน้าอาร์เจนไตน์ ไม่พลาดเมื่อเจ้าตัวหลอกหน้าเท้าซัดบอลเสียบเสาซ้ายมือของตัวเองตุงตาข่ายสวยงามได้ แมนฯ ซิตี้ ทิ้งห่าง 3-1
 

หลังจากได้ประตูที่สาม มันชินี่ กุนซือเรือใบ ตัดสินใจส่ง โรเก้ ซานตา ครูซ ลงมาเล่นแทน เวย์น บริดจ์ พร้อมกับอนุญาตให้แบ็กซ้ายตัวเก่งกลับบ้านได้ทันที โดยไม่ต้องอยู่รอจนเกมจบ
 

นาที 80 สถานการณ์ของเจ้าบ้านยิ่งแย่หนักลงไปอีก เมื่อ บัลลัค ฟิวล์ขาดไปไล่เสียบ เตเวซ จากด้านหลัง ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามให้ สิงห์บลูส์ เหลือผู้เล่นในสนามแค่ 9 คน
 

นาที 87 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์เกมโต้กลับอันรวดเร็วและแม่นยำให้แฟนเจ้าถิ่นได้ประจักษ์ เมื่อ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ได้บอลเร็วทางด้านปีกขวาและควบเข้ากลางก่อนจ่ายผ่านหน้า ฮิลาริโอ ไปเสาสองให้ เบลลามี่ วิ่งมาแปด้วยซ้ายเสียบเสาแรกสวยงามให้ยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ทิ้งขาด 4-1
 

นาที 90 เจ้าบ้านได้ลุ้นประตูจากจุดโทษที่ แบร์รี่ ไปขัดขา อเนลก้า ล้มลงในเขตโทษ และเป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด รับหน้าที่สังหารเสียบเสาซ้ายมือของตัวเองให้ เชลซี ไล่มาห่างๆ 2-4 แต่ว่าช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ทำให้จบเกม เชลซี แพ้ 2-4 แต่ยังนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ต่อไป



 


รายชื่อ 11 นักเตะที่ลงสนาม 
เชลซี (4-3-3) : เอ็นริเก้ อิลาริโอ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเคล - นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, โจ โคล
 

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เชย์ กิฟเว่น - ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ - ปาโบล ซาบาเลต้า, ไนเจล เด ยองก์, แกเร็ธ แบร์รี่ - เคร็ก เบลลามี่, คาร์ลอส เตเวซ, อดัม จอห์นสัน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์