สโต๊ค ซิตี้กลายเป็นของสแลงสำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปแล้วหลังเปิดบ้านต่อเวลาพลิกล็อกเอาชนะ 3-1 โดยจุดเปลี่ยนอยู่ที่ใบแดงนาที 82 ของอเดบายอร์จนสกอร์ไหลทำให้รอบ 8 ทีมสุดท้ายหลุดไปพบเชลซีที่สแตมฟอร์ดบริดจ์
เอฟเอ คัพ รอบ 5 (นัดรีเพลย์)
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553
สโต็ค ซิตี้ 3 – 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (หลังเสมอใน 90 นาที 1-1)
ประตู : 1-0 เดฟ คิตสัน น.79 , 1-1 เคร็ก เบลลามี่ น.81 , 2-1 ไรอัน ชอว์ครอส น.95 , 3-1 ตุนกาย ซานลี่ น.99
ซิตี้ไร้เงาเตฟ – บายอร์ล่าตาข่ายคู่ถีบจักร
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมเยือนยังคงไม่มีชื่อของคาร์ลอส เตเบซที่โชว์ฟอร์มได้ดีตลอดทั้งฤดูกาลไปอีกหนึ่งนัด โดยโรแบร์โต้ มันชินี่กุนซือชาวอิตาเลี่ยนได้ให้เคร็ก เบลลามี่ลงทำหน้าที่เป็นคู่ขาในแดนหน้าของอเดบายอร์ ส่วนทางฝั่งเจ้าบ้านก็ได้ส่งรอลี่ ดีแลปตัวแสบจากนัดที่แล้วลงสนามเป็นตัวจริงมาคอยทุ่มให้แฟนบอลได้เสียวกัน
ครึ่งแรก
แบร์รี่ซัดบอลยังเบา
เกมส์ดำเนินมาถึงนาทีที่ 11 เป็นทีมเยือนที่ได้โอกาสลุ้นประตูก่อนจากแกเร็ธ แบร์รี่ที่หวดด้วยขาขวาข้างไม่ถนัด จากบริเวณริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายระยะ 12 หลาแต่โทมัส โซเรนเซ่นยังเซฟไว้ได้สบาย
โอนูโอฮาได้ยิงหลุดกรอบ – เบลลามี่ปั่นโคตรงาม โซเรนเซ่นยังเหนียว
นาทีที่ 16 ทีมเยือนได้ลุ้นโอกาสการทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่แกเร็ธ แบร์รี่ปั่นลูกเตะมุมเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลตกมาถึงโอนูโอฮาที่ยืนอยู่บริเวณกรอบเขตโทษด้านขวาห่างจากประตูประมาณ 6 หลาแต่กองหลังดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษดันยิงไม่ดี บอลหลุดกรอบออกไป
ผ่านมาอีก 4 นาทีทีมเยือนที่กำลังบุกอย่างได้ใจเอาอีก คราวนี้เป็นเคร็ก เบลลามี่ที่บรรจงปั่นบอลด้วยขาขวาบริเวณกรอบเขตโทษด้านซ้าย บอลกำลังจะมุดเสียบเสาแต่โซเรนเซ่นนายทวารเจ้าบ้านบินปัดออกไปได้
ดีแลปได้โหม่ง กิฟเว่นรับสบาย
จังหวะการลุ้นประตูครั้งแรกของเจ้าบ้านมาแล้ว โดยเป็นรอลี่ ดีแลปที่ได้โขกบอลบริเวณ 6 หลาแต่กิฟเว่น นายทวารทีมเยือนยังรับไว้ได้สบาย
นานๆมาที ฟูลเลอร์อัดด้วยซ้ายบอลข้ามคาน
นาทีที่ 45 เจ้าบ้านได้จังหวะลุ้นประตูอีกครั้ง คราวนี้เป็นริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ที่ได้ยิงด้วยซ้ายระยะประมาณ 18 หลาแต่บอลเหินโด่งข้ามคานออกไป
ช่วงเวลาที่เหลือในครึ่งแรกทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ ดูจากสถานการณ์แล้วมีโอกาสต้องเล่นกันถึงช่วงต่อเวลาสูงมาก เนื่องจากเกมส์รุกของทั้งสองทีมยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกันเลย
ครึ่งหลัง[/b]
เกมส์ชวนหลับ
ครึ่งหลังผ่านมา 15 นาทีทั้งสองทีมจะไม่เปิดเกมส์รุกสู้กันหน่อยหรืออย่างไร โดยไม่มีจังหวะทำประตูเพิ่ม และมัวแต่ฟาล์วกันเอาฟาล์วกันเอา ยิงกันหน่อยสิลูกพี่
ถีบจักรได้ยิงติดบล็อคชอว์ครอส – แบร์รี่โหม่งข้ามคาน
นาทีที่ 64 เคร็ก เบลลามี่ได้ลุ้นทำประตูโดยการยิงด้วยเท้าซ้ายระยะประมาณ 18 หลาแต่เป็นไรอัน ชอว์ครอสที่วันนี้โชว์ผลงานในเกมส์รับได้โดดเด่นปรี่เข้ามาบล็อคไว้ได้ทัน
ถัดมาอีก 4 นาทีทีมเยือนได้ลุ้นอีก คราวนี้เป็นแกเร็ธ แบร์รี่ที่เทคตัวขึ้นโหม่งบอลในกรอบ 6 หลาแต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกไป
ตุนกายวอลเล่ย์ข้ามคาน
นาทีที่ 74 ตุนกาย ซานลี่หัวหอกของเจ้าบ้านพยายามหาโอกาสยิงประตูจนได้จากจังหวะที่กิฟเว่น ชกบอลออกมาแข้งตุรกีวอลเล่ย์ด้วยขวาสวนกลับไปทันที แต่บอลโด่งข้ามคาน
เฮดังๆ!คิตสันยิงพาเจ้าบ้านขึ้นนำ
นาทีที่ 79 คนเขียนข่าวขอเฮดังๆ ไม่น่าจะต้องถ่างตาดูอีก 30 นาทีโดยเป็นสโต็ค ที่ได้ประตูขึ้นนำจากเดฟ คิตสันที่ทำชิ่ง 1-2 กับตุนกายหลอกบริดจ์หัวทิ่ม และยิงด้วยซ้ายระยะประมาณ 18 หลาบริเวณเส้นเขตโทษด้านขวาหนีมือกิฟเว่น พาเจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 แล้ว
เรือไม่จม!ถีบจักรซัดตีเสมอ – บายอร์ใบแดง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นฝ่ายตามหลังอยู่เพียงนาทีเดียวก็มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่อเดบายอร์ พักอกรับลูกครอสของบริดจ์ ก่อนจะผ่านต่อให้กับเบลลามี่ที่ยิงด้วยขวาหนีมือโซเรนเซ่นเสียบตาข่าย ตอนนี้กลับมาเสมอกัน 1-1 แล้ว
อย่างไรก็ตามหลังได้ประตูตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับต้องมามีผู้เล่นน้อยกว่า โดยเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ถูกใบแดงจากจังหวะที่เขาไปหวดท่อนแขนใส่ไรอัน ชอว์ครอส และเบลลามี่ก็โดนใบเหลืองอีกคนจากการไปโต้เถียงกับกรรมการ
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ พักให้น้ำให้ท่ากันเตรียมลงมาหวดกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ต่อเวลาพิเศษ - ครึ่งแรก
ดีแลปเล่นงาน – ชอว์ครอสโหม่งเฮ
นาทีที่ 94 ลูกทุ่มไกลของดีแลปยังสร้างความกดดันให้กับทีมเยือนได้เรื่อยๆ โดยบอลตกบริเวณหน้าปากประตูชุลมุนกันพักใหญ่ก่อนที่เกมส์รับของซิตี้จะหวดเคลียร์ออกมาได้
พูดไม่ทันขาดคำจังหวะทุ่มไกลอีกครั้งของดีแลปก็ทำประตูให้กับเจ้าบ้านจนได้ โดยเป็นชอว์ครอสที่สอดหัวขึ้นมาโหม่งผ่านมือของกิฟเว่น ส่งให้สโต็คกลับมานำอีกครั้ง
ไม่หนำใจ! ตุนกายซัดอีกหม้อหนี 3-1
นาทีที่ 99 สโต็คมาได้ประตูปิดกล่องจากจังหวะที่วีแลน บดเอาชนะการเข้าปะทะของผู้เล่นแมนฯ ซิตี้มาได้ 2 คนในแดนกลางก่อนจะจ่ายให้กับตุนกายที่หนีตัวประกบและซัดบอลด้วยอีซ้ายผ่านมือกิฟเว่นกระทบตาข่ายสะใจแฟนบอลกันไป 3-1 ถึงตอนนี้แฟนบอลเจ้าบ้านพากันส่งเสียงร้องเยาะเย้ยมันโช่กันยกใหญ่ ‘แกจะถูกไล่ออกเช้าวันพรุ่งนี้’
ต่อเวลาพิเศษ - ครึ่งหลัง
ซานต้าอัดด้วยซ้าย – โซเรนเซ่นหนึบ
นาทีที่ 114 ทีมเยือนหวังทวงประตูคืนมาให้ได้ และเป็นโรเก้ ซานตา ครูซที่ได้ยิงด้วยเท้าซ้ายจากระยะประมาณ 12 หลาแต่ก็เป็นโซเรนเซ่นที่ยังปัดทิ้งออกไปได้
ช่วงเวลาที่เหลือซิตี้พยายามโหมเกมส์ใส่แต่ก็ทำอะไรเจ้าบ้านไม่ได้ จบเกมส์พ่ายไป 3-1 ตกรอบเอฟเอ คัพไปอย่างน่าผิดหวัง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สโต็ค ซิตี้ : โทมัส โซเรนเซ่น, ดีน ไวท์เฮด, ไรอัน ชอว์ครอส , โรเบิร์ต ฮูธ, แดนนี่ คอลลินส์, เลียม ลอว์เรนส์(แดนนี่ พิวจ์ น.72), เกล็น วีแลน, ซาลิฟ ดิเยา(ตุนกาย ซานลี่ น.54 ), รอลี่ ดีแลป, มามาดี้ ซิดิเบ้(เดฟ คิตสัน น.74), ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, ไมก้าห์ ริชาร์ด, เนดัม โอนูโอฮา, โจลีออน เลสคอตต์, เวย์น บริดจ์(ซานตา ครูซ น.86), ปาโบล ซาบาเลต้า, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์(ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ น.61), แวนซอง กอมปานี, แกเร็ธ แบร์รี่(ซิลวินโญ่ น.107), เคร็ก เบลลามี่ , เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ดีแลปแสบ!ทุ่มไกลหม้อพลิกโค่นเรือ 10 ตัวต่อเวลา
หน้าแรกTeeNee ที่นี่กีฬา พูดคุยเรื่องฟุตบอลและกีฬาต่าง ๆ sport ดีแลปแสบ!ทุ่มไกลหม้อพลิกโค่นเรือ 10 ตัวต่อเวลา
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!