เรื่องเล่าก่อนศึกแดง-น้ำเงิน


เพิ่งรู้นะครับว่าหนู เป้ย ปานวาด นักแสดงสาวแนวเซ็กซี่บวกอุจจาระเล่น เธอเป็นเดอะ ค็อป เหมือนกับชาวเรา



คุณเพลย์เมคเกอร์ ไปซอกแซกคุ้ยขยะ เอ๊ย คุ้ยขุดจนพบความ (ไม่) ลับนี้ พร้อมทั้งเปิดเกมรุกเข้าใส่ทันทีด้วยการเล่นเกมยี่สิบคำถามหารสอง



จิ้งจกบนเพดานแอบมากระซิบฟ้องว่าระหว่างที่ถามไปแกก็พลางยกแขนเสื้อปาดเลือดกำเดาด้วยทนความร้อนแรงของสาวเจ้าไม่ไหว



อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ต้องอดใจรออ่านในลิเวอร์พูล รายเดือน เล่มใหม่ คาดว่าจะขึ้นแผงราวๆ กลางเดือนแห่งความรัก 



ส่วนเวอร์ชั่นล่าสุดหน้าปกคาร์ราเกอร์ ที่กำลังส่งสายตาทอดสะพานยั่วแฟนๆ ต้องขออภัยอย่างรุนแรงว่าปล่อยให้รอนานไป (ไม่) นิด



กลับมาต่อว่าเรื่องในสนามและความหฤโหดของโปรแกรมตลอดทั้งเดือนนี้สำหรับลิเวอร์พูล



อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเราต้องเจอะเจอกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ และหนักมากเบาน้อยเพียงไร



เปิดหัวมาก็ช่วงค่ำๆ วันเสาร์นี้แหละ สงครามของหมู่เฮาชาวเมอร์ซีย์ไซด์ ถ้าให้คะแนนของความหนักหน่วงและยากต่อการเอาชนะ ก็คงจัดไปสัก 8 จากเต็ม 10



แม้ว่าสถิต่งสถิติที่พบกันมาเฉพาะในลีก หงส์แดงถนอมรักษาความบริสุทธ์ ด้วยการไม่แพ้ต่อคู่ปรับร่วมเมืองมานานตั้งกว่าสามปีแล้ว



หนสุดท้ายที่ลิเวอร์พูล เสียท่าให้เอฟเวอร์ตัน ต้องย้อนไปกันยายน 2006 ออกไปโดนถล่มเละเป็นโจ๊ก 3-0 ที่กูดิสัน พาร์ก



แต่หลังจากนั้นอีก 6 ครั้งในพรีเมียร์ ลีก ไม่ว่าที่บ้านใคร ทีมของราฟา เบนิเตซ เก็บผลงานชนะ 4 เสมอ 2 ในการเล่นกับขุนพลของเดวิด มอยส์



กระนั้นก็เถอะ กลับมาเจอกันเที่ยวนี้คงไม่ง่ายเหมือนครั้งผ่านๆ มา รวมถึงการบุกชนะได้ 2-0 เมื่อต้นฤดูกาล



ครานั้น ทั้งสองทีมกำลังเผชิญกับวิกฤติความเชื่อมั่นถดถอย ลิเวอร์พูล เพิ่งกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก มาหมาดๆ ผลงานในพรีเมียร์ ลีก แพ้แล้วถึง 5 นัดทั้งที่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งทาง



ก่อนหน้ายกพลเดินข้ามสวนสาธารณะสแตนลี่ย์ พวกเขาก็ไม่ชนะมาสามเกมรวดในลีก



สถานการณ์ของหงส์แดงว่าย่ำแย่ แต่เหล่าท็อฟฟี่เมนกลับยิ่งเลวร้ายกว่าเป็นไหนๆ อันดับพี่แกตอนนั้นอยู่เหนือตกชั้นไม่กี่ก้าว แพ้มาเรียบร้อย 6 ครั้ง และเอาชนะได้แค่ 4 หน



เด็กของเดวิด มอยส์ เพิ่งผ่านพ้นเดือนตุลาทมิฬ ซึ่งเอาชนะใครไม่ได้เลยจาก 4 เกมในพรีเมียร์ ลีก หรือหากรวมหมดทุกถ้วยทุกรายการ ยังไปแพ้สเปอร์ส ตกรอบคาร์ลิง คัพ เช่นเดียวกับการโดนเบนฟิก้า ขยี้แหลกเหลวเป็นจุณ 4-0



มีเพียงชัยชนะหนึ่งเดียวกับทีมอย่างบาเต้ บอริซอฟ ในรอบแบ่งกลุ่มยูโรปา ลีก ที่ช่วยเก็บกู้เศษซากความเชื่อมั่นอันแตกละเอียดให้กับชาวเอฟเวอร์โตเนี่ยน



ครั้นเมื่อผีเน่ากับโลงผุมาเจอกันที่กูดิสัน พาร์ก เกมจึงออกมาในรูปแบบที่ไม่ยากต่อการคาดเดาคือจงอย่าถามหาคุณภาพของฟุตบอล



เอฟเวอร์ตัน มีสิทธิ์จะตีอกชกหัวตัวเองกับความอาภัพอับโชค เพราะนอกจาก 2-3 หนที่ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายแต่กลับไม่ได้ประตู พวกเขายังโดนลูกยิงแฉลบกองหลังตัวเองเข้าไปซะงั้น



แถมคนที่ตั้งป้อมซัดลูกนั้นก็เป็นนักเตะที่ร้อยวันพันปีจะมีชื่อขึ้นบอร์ดทำประตูกะเค้าสักครั้งอย่างฮาเวียร์ มาสเคราโน่



เด็กหงส์คงต้องจำนนยอมรับว่าสามแต้มที่กูดิสัน พาร์ก มีโชคเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง



แต่ควันหลงต่อมาหลังจากเกมนั้น  ลิเวอร์พูล ยังคงลุ่มๆ ดอนๆ เปิดฉากโดยการบุกเสมอแบล็คเบิร์น แบบคนดูหลับคาจอไปตอนไหนยังไม่รู้ตัว



ตามด้วยแพ้อาร์เซน่อล ชนิดแฟนบอลเกาหัวแกรกหลังเสียงนกหวีดยาว...อ้าว แพ้แล้วเหรอ



แพ้หมดรูปกระทั่งทีมบ๊วยอย่างพอร์ทสมัธ มิหนำซ้ำยังเสียท่าคาแอนฟิลด์ เป็นนัดที่ 5 ในทุกถ้วยฤดูกาลนี้ ต่อทีมอย่าง เอ่อ เร้ดดิ้ง



แต่สำหรับในเกมลีก นับตั้งแต่บ๊อกซิ่ง เดย์ เป็นต้นมา ปีกของพญาหงส์ค่อยเชิดขึ้นสู่ท้องฟ้า หกนัดติดต่อกันที่ไม่แพ้ใคร แต่ก็มีผลเสมอแบบน่าเขกกระโหลกกับทั้งวูล์ฟส์ และสโต๊ค



ถ้าให้คะแนนความพึงพอใจ อย่างดีก็คงได้แค่ 7 เท่านั้น



คือผลงานเหมือนจะดี อย่างการบุกชนะวิลล่า 1-0 หรืออัดสเปอร์ส 2-0 แต่ฟอร์มในสนามต่างหากที่ยังประจานอยู่ชัดเจนว่าลิเวอร์พูล คงเป็นทีมที่ไม่อาจวางใจได้ในระยะนี้



เพราะเมื่อชนะวิลล่า ด้วยประตูชัยที่ไม่เปิดโอกาสให้แก้ตัว ต่อมาก็กลับสะดุดได้แค่เจ๊าทีมช่างปั้นหม้อ



เพราะเมื่อสำเร็จโทษสเปอร์ส ด้วยฟุตบอลสไตล์วิ่งไล่ฟัดกัดไม่ปล่อย ต่อมาก็กลับออกลูกเนือย เสมอวูล์ฟส์ แบบจืดชืดกว่าน้ำเปล่า



ส่วนเอฟเวอร์ตัน นั้นเล่า ชีวิตหลังการเสียหน้าต่อทีมบ้านใกล้เรือนเคียง กลับเหมือนยาปลุกเซ็กซ์ให้นักเตะของเดวิด มอยส์ กระตุ้นตื่นกลับมาอีกครั้ง



บันทึกว่ามันคือเกมสุดท้ายที่พวกเขาแพ้ในลีก มาจนถึงบัดเดี๋ยวนี้



แม้ว่าอีกสามนัดถัดมาหลังการแพ้ลิเวอร์พูล คาบ้าน เอฟเวอร์ตัน ต้องเจอกับทีมอันดับสูงกว่าอย่างสเปอร์ส, เชลซี และเบอร์มิงแฮม แต่ก็ยันเสมอเก็บแต้มติดมือกลับมาได้



การรอคอยในชัยชนะของแฟนท็อฟฟี่มายาวนานตั้งแต่ต้นพฤศจิกายน ถึงเวลาสิ้นสุดเมื่อสามารถกดน้องใหม่ เบิร์นลี่ย์ 2-0 ในเกมทิ้งทวนปีเก่า



ราวกับม้าพยศที่โดนกักอยู่ในซองไม่ยอมให้สัญญาณปล่อยตัว พอเมื่อยิงปืนลมขึ้นฟ้าพร้อมกับซองเปิด อาชาจอมพยศก็พุ่งทะยานควบตะบึงทิ้งอดีตไว้เพียงเบื้องหลัง



บุกไปเสมออาร์เซน่อล แบบน่าชนะ ก่อนโชว์ฟอร์มเทพอัดแมนฯ ซิตี้ 2-0, ซันเดอร์แลนด์ 2-0 และบุกเฉือนวีแกน 1-0



ชนะ 3 นัดรวด และ 4 ใน 5 เกม รวมทั้งไม่แพ้ในลีกมานานกว่าสองเดือนเต็ม



เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่แอนฟิลด์ เที่ยวนี้ จึงไม่ถูกตราหน้าว่าผีเน่ากับโลงผุ แต่เป็นศึกที่ทั้งสองทีมกำลังอยู่ในฟอร์ม และคาดหวังถึงสามแต้มมากพอๆ กัน...


มาริโน่


Credit:http://www.siamsport.co.th




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์