แรกเริ่มเดิมทีเลย ที่ FIFA (Federation of International Football Association .. หรือ ... Federation Internationale de Football Association .. องค์กรกลางเกี่ยวกับฟุตบอลของโลก) มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโหก ในปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก ทั้งนี้เพราะว่าก่อนหน้านี้ ลูกบอลมันแข็งและหนัก เตะแล้วเจ็บ สีก็น้ำตาลทึมๆ (หาคลิปฟุตบอลเก่าๆ ดูได้ตาม video.google.com นะครับ)
FIFA ก็ได้มาคุยกับบริษัท Adidas ว่าเราจะทำยังไงกันดี ไม่งั้นนักเตะมีหวังตาปลาแตกกันแน่ๆ .. ทาง Adidas ก็เลยรับแนวคิดมาออกแบบลูกฟุตบอลรูปแบบใหม่
และก็ได้มาเป็น ...
adidas Telstar ซึ่งใช้แข่งในปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก | |
การปฎิวัติลูกฟุตบอลครั้งนี้ ทำให้โลกเรามีลูกฟุตบอลที่เป็นมาตรฐานมาจนทุกวันนั้น เพราะนอกจากจะไม่ใช้ลูกยางแบบเก่า แต่มันใช้หนังมาเย็บติดกัน 32 ชิ้น โดยแบ่งเป็น สีดำที่เป็น 5 เหลี่ยม 12 ชิ้น และ สีขาวหกเหลี่ยมอีก 20 ชิ้น ทำไมต้องเป็นสีดำกับสีขาว? |
adidas ฉลาดมาก .. เพราะปี 1970 เป็นปีที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกไปทั่วโลกเป็นครั้งแรก (ก่อนหน้านี้ก็มีการถ่ายเก็บไว้ แต่ไม่ได้ถ่ายทอดสด) แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าโทรทัศน์สมัยนั้น มีแต่สีขาวดำ ดังนั้น การที่จะให้เห็นลูกบอลได้ง่ายๆ ก็คือทำมันเป็นสีขาว กับสีดำ ให้มันลายๆ ซะเลย เวลาบอลกลิ้งจะเห็นชัดเจนดี เป็นการโฆษณาตัวเองไปในตัวด้วย
จึงเป็นที่มาของการเย็บหนังให้เป็นลูกบอลทรงกลมอย่างที่เราเห็นกัน .. และชื่อ Telstar ก็ผันมาจาก Star of Television .. เป็นไงล่ะครับ .. ฉลาดล้ำลึกจริงๆ
adidas Telstar ซึ่งใช้แข่งในปี 1974 ที่ประเทศเยอรมัน | |
มาในปี 1974 มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสำหรับลูกฟุตบอลที่ใช้แข่งบอลโลกในครั้งนี้ |
adidas Tango ปี 1978 ประเทศอาร์เจนติน่า | |
และแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงลายบนลูกฟุตบอลอีกครั้ง จากที่แต่ก่อนจะเป็นสีขาวดำโดยเกิดจากผืนหนังที่เอามาเย็บติดกัน แต่ครั้งนี้ adidas ปรับเปลี่ยนใหม่หมด โดยยังคงใช้หนัง 5 เหลี่ยมและ 6 เหลี่ยมเช่นเดิม แต่ใช้หนังสีขาวทั้งหมด แล้วก็มาพิมพ์ลายลงไป (หรือพิมพ์ไปก่อน ผมก็ไม่รู้นะครับ ต้องไปถามโรงงาน adidas หรือไม่ก็ FBT ดู อิอิ) |
โดยที่ลักษณะของลายจะเป็นรูปทรง 3 เหลี่ยมโค้งๆ จำนวน 20 อัน โค้งต่อๆ กัน และที่มันต่อกันนี้เอง ทำให้เกิดเป็นรูปวงกลมสีขาวอีก 12 วง .. ว้าว!! เข้าใจคิดดีจริงๆ
การออกแบบในครั้งนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะหลังจากนั้นมา adidas ก็ยืดรูปแบบนี้ในการผลิตลูกฟุตบอลในรายการสำคัญอีกหลายต่อหลายสิบปีนับจากนั้น
adidas Tango Espana ปี 1982 ที่ประเทศสเปน | |
ในปีนี้ การออกแบบแทบจะไม่แตกต่างไปจากครั้งก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่ว่ามีเทคโนโลยีที่ดีกว่า นั่นคือ ... การใช้เทคโนโลยีในการทำให้หนังมีการดูดซับน้ำที่น้อยลงกว่าเดิมมาก .. หมายความว่า ถ้าเทียบกับรุ่นเก่าแล้วเล่นตากฝนเนี่ย เจ้ารุ่นนี้จะยังคงมีน้ำหนักเบาอยู่ แต่รุ่นก่อนหน้านี้จะหนัก ถ้าเตะแรงๆ อาจจะขาหักได้ |
adidas Aztega ปี 1986 ประเทศเม็กซิโก | |
แล้วก็มาถึงรุ่นที่ผมบอกก่อนหน้านี้ ว่าผมเพิ่งรู้จักลายฟุตบอลก็จากบอลโลกครั้งนี้ล่ะครับ และแน่นอนว่าต้องมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า Tango Espana แน่ๆ นั่นคือเรื่องของวัสดุที่เอามาใช้ทำ นั่นคือจะไม่ใช้หนังแท้มาทำแล้ว แต่จะเป็นหนังสังเคราะห์ โดยจะให้ผลในเรื่องของการซับน้ำ และการกระเด้งที่ดีขึ้น |
แล้วเรื่องของลายบนลูกฟุตบอล ถึงแม้จะอิงกับการออกแบบเดิม แต่ก็ได้ใส่ลวดลายเข้าไปโดยเป็นลายที่เค้าเรียกว่า Aztec ที่เป็นลายท้องถิ่น (ใครเคยเล่น Counter-Strike คงเคยเล่นด่าน Aztec นะครับ อิอิ) ถ้ามาบ้านเราเนี่ย คงได้ลายผ้าไหมมัดหมี่แน่ๆ เลย
adidas Etrusco Unico ปี 1990 ที่ประเทศอิตาลี | |
แล้วก็มีการปฎิวัติเกี่ยวกับลูกฟุตบอลอีกครั้ง โดยในปีนี้ ได้มีการเพิ่มชั้นของโพลียูริเทนเข้าไปในลูกฟุตบอลด้วย เป็นผลให้มันสามารถกันน้ำได้ 100% (ถ้าบอลไม่รั่วซะก่อน) และชื่อของมันก็มาจากงานศิลปะของอิตาลีที่ชื่อว่า Etruscans ซึ่งจะเห็นว่าจะเป็นหัวสิงโต 3 หัว ซึ่งเป็นศิลปะของ Etruscans อยู่ในลายนั้นอยู่ด้วย |
adidas Questra ปี 1994 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา | |
แล้วก็มีมาตราฐานใหม่สำหรับลูกฟุตบอลเกิดขึ้น .. สำหรับรุ่นนี้นั้น มีการเพิ่มชั้นของโพลียูริเทนที่ด้านนอกไปซะเลย ทำให้ได้สัมผัสที่นุ่มนวล สดชื่นทั้งวัน และขาวนวลทั้งวัน ดังใช้ไวท์เทนนิ่ง .. นอกจากจะนุ่มนวลกว่าเดิมแล้ว ยังควบคุมได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย |
และชื่อ Questra นี้ ก็มีที่มาจาก Quest for the star เพราะมันใช้เทคโนโลทีทางด้านอวกาศ (โอว เลิศ..)
หลังจากนั้นมา ฟุตบอลรุ่นใหม่ในโลก จะมีชั้นโพลียูริเทนเคลือบอยู่ด้านนอกด้วย
adidas Tricolore ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส | |
เป็นปีแรก ที่ลายของฟุตบอลไม่ได้มีแต่สีขาวและดำ มันจึงได้ชื่อว่า Tricolore (สามสี) และนอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรก ที่มีการถักใยโพลียูริเทนลงไปในชั้นของหนังเทียม ทำให้ถ้ามองดูดีๆ มันจะลายๆ นิดนึง ซึ่งมันจะช่วยในเรื่องของการเตะ การกระเด้ง ฯลฯ |
adidas Fevernova ปี 2002 ที่เกาหลี/ญี่ปุ่น | |
และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่เปลี่ยนการออกแบบจากแบบเดิมโดยสิ้นเชิงจากลาย Tango ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 1978 โดยที่ลายจะพยายามให้ออกไปในทางเอเชียตามประเทศที่จัดบอลโลกครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีการถักวัตถุสังเคราะห์เพิ่มลงไปอีกด้วย |
adidas +Teamgeist ปี 2006 ประเทศเยอรมัน | |
และนี่คือลูกฟุตบอลที่จะใช้ในฟุตบอลโลกที่เยอรมันครับ มีชื่อว่า Teamgeist มาจาก ... Team Spirit!! และนอกจากนี้ ยังลดจำนวนชิ้นของวัสดุที่เอามาใช้เย็บทำลูกบอล จากปกติที่เป็น 5 เหลี่ยม กับ 6 เหลี่ยม รวมกัน 32 ชิ้น เป็นว่าใช้ทั้งหมดแค่ 14 ชิ้น |
การลดชิ้นของหนัง(เทียม)ลงไปนี้ ทำให้มีเส้นของรอยต่อที่น้อยลง ทำให้มีความเป็น ทรงกลม ที่มากกว่าลูกฟุตบอลแบบเดิมๆ เป็นผลให้มันควบคุมได้เยี่ยมยอดขึ้น (อีกแล้ว) ... ผมก็ไม่รู้นะครับ ยังไม่ได้ลองเตะรุ่นใหม่นี้เลย และคงไม่มีวาสนาซื้อมาเตะในช่วงนี้แน่ๆ เลย คงหลายพันบาทแน่ๆ
เผยโฉมออกมาแล้วสำหรับลูกฟุตบอลรุ่นใหม่ที่จะใช้ในศึกฟุตบอลโลก 2010 (Official Match Ball) ที่ประเทศแอฟริกาใต้
ลูกฟุตบอลลูกใหม่นี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ลูกฟุตบอลรุ่นนี้เป็นลูกฟุตบอลที่มีความกลมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา การดีไซน์ภายนอกที่สื่อถึงความเป็นแอฟริกาใต้ และประสิทธิภาพความแม่นยำยังคงเดิมดั่งที่เคยมีมาในรุ่นก่อนๆ
คำว่า JABULANI เป็นภาษา isiZulu ที่แปลว่า To Celebrate (การเฉลิมฉลอง) ซึ่งถูกใช้โดยผู้คนประมาณ 25 % ของชาวแอฟริกาใต้ การดีไซน์ลูกฟุตบอลรุ่นนี้มีสีที่แตกต่างกันถึง 11 สี อันหมายถึง ผู้เล่น 11 คนของแต่ละทีม ,ภาษาทางราชการ 11 ภาษาของแอฟริกาใต้ และชุมชน 11 ชุมชนของแอฟริกาใต้ที่รวมตัวกันเป็นประเทศสำหรับการจัดฟุตบอลโลกครั้งนี้
เครดิต โดย: basbas รวบรวมรังสรรค์ สิงห์ฟ้าขาว