อุตส่าห์อลังการงานสร้างเอาชนะเชลซีมาอย่างยิ่งใหญ่แต่สุดท้ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังต้องมานั่งไล่ตีเสมอโบลตัน 3-3 จากสองประตูของคาร์ลอส เตเบซและบวกเพิ่มแค่แต้มเดียวเป็น 26 คะแนนยังจุ๋มปุ๊กอยู่ในอันดับที่ 6 เท่านั้น
พรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2552
โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ประตู : 1-0 อิวาน คลาสนิช น.11 , 1-1 คาร์ลอส เตเบซ น.28 , 2-1 แกรี่ เคฮิลล์ น.43 , 2-2 ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ น.45 , 3-2 อิวาน คลาสนิช น.53 , 3-3 คาร์ลอส เตเบซ น.77
ครึ่งแรก
โบลตันมีโอกาสก่อนตั้งแต่นาทีแรก เป็นจังหวะที่สไตน์สันจ่ายให้มูอัมบ้ายิงด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษแต่บอลหลุดกรอบออกไป 
สองนาทีต่อมาซิตี้ได้จังหวะสวนกลับเร็วก่อนที่เตเบซจะได้ยิงด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป
เกมค่อนข้างเปิดและเป็นโบลตันที่ได้ประตูนำก่อนในนาทีที่ 11 จากลูกโยนจากกราบซ้ายของเทย์เลอร์บอลโด่งเลยไปเข้าทางลี ชุง ยองที่ตั้งป้อมอยู่ทางด้านขวาก่อนยิงอัดไปหน้าประตูให้คลาสนิชที่กางมุ้งอยู่จัดการเข้าชาร์จตุงตาข่าย เจ้าบ้านนำก่อน 1-0
เจ้าบ้านมีโอกาสนำลูกสองในนาทีที่ 27 เมื่อลี ชุง ยองจ่ายบอลให้สไตน์สันวิ่งเข้าซัดแต่บอลเหินข้ามคานออกไปเยอะ
ซิตี้ใช้โอกาสไม่เปลืองและนาทีถัดมาก็มาตีเสมอเอาจนได้เมื่อเบลลามี่ได้บอลอยู่ริมกรอบเขตโทษก่อนเปิดเข้ามาแต่ถูกเคลียร์ทิ้งไม่ขาดบอลไหลไปเข้าทางเตเบซที่จังก้าอยู่นอกเขตโทษก่อนอัดเต็มๆด้วยขวาบอลแฉลบแล้วเสียบสามเหลี่ยมจนปัญญาที่ยาสเคไลเน่นจะป้องกัน เสมอกันแล้วที่ 1-1
เกมโต้กันมันและซิตี้เกือบแซงนำในนาทีที่ 31 เมื่อริชาร์ดส์ได้บอลก่อนจ่ายให้ไอร์แลนด์ยิงด้วยขวาแต่หลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 43 กลายเป็นโบลตันที่ฉีกนำเป็น 2-1 บ้าง เมื่อเกรตาร์ สไตน์สันจ่ายบอลให้เคฮิลล์วางเท้าปั่นโค้งริมกรอบเขตโทษเข้าไปสุดสวย
กะจะพกสกอร์นำเข้าห้องแต่งตัวสบายๆแต่เจ้าถิ่นกลับโดนซิตี้ตีเสมอเมื่อเบลลามี่เห็นริชาร์ดส์แวบขึ้นมาทางด้านขวาเลยจ่ายทะลุช่องไปให้แบ็กทีมชาติอังกฤษเติมเข้ามายิงสวนตัวยาสเคไลเน่นไม่เหลือ
หมดครึ่งแรกเสมอกันไปสนุก 2-2
ครึ่งหลัง
เริ่มมา 4 นาทีขิงแก่อย่างซิลวินโญ่เกือบแผลงฤทธิ์เมื่อรับบอลจ่ายจากเตเบซก่อนตะบันนอกกรอบเขตโทษแต่ยาสเคไลเน่นเซฟเอาไว้ได้ 
โบลตันคึกจริงๆเมื่อดื้อแพ่งแซงนำอีกครั้งเป็น 3-2 ในนาทีที่ 53 เมื่อเทย์เลอร์รับบอลโยนจากด้านข้างเข้ามาก่อนตบให้คลาสนิชวอลเลย์เต็มข้อผ่านมือกิฟเว่นเข้าไป ตรงนี้เบลลามี่ไม่พอใจและไปโวยผู้ตัดสินก่อนที่จะรับใบเหลืองไป
และใบเหลืองที่ไปโวยนั่นก็ส่งผลร้ายอย่างไม่คาดฝันเมื่อนาทีที่ 64 เมื่อเบลลามี่ได้บอลหลุดเข้าไปบริเวณริมเขตโทษแล้วไปปะทะกับโรบินสันแล้วล้มลงแต่กรรมการหาว่าพุ่งเลยชูใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่เบลลามี่ออกไป
แต่สิบคนของซิตี้ก็สู้และนาทีที่ 67 ก็เกือบได้เมื่อเตเบซได้บอลทางริมเส้นก่อนเปิดเข้ากลางมาให้เลสค็อตต์ได้โขกแต่บอลข้ามคานออกไปนิดเดียว
เตเบซยังคงเป็นพระเอกของงานและก็มาช่วยเรือใบสีฟ้าได้อีกครั้งในนาที่ที่ 77 เมื่อต้องชมไอร์แลนด์ที่ขยันไปแย่งบอลมาจากกองหลังโบลตันก่อนที่เตเบซจะจมูกไวเป็นกรดฉกบอลเข้ามาแล้วลากลุยก่อนที่จะยิงอัดเรียดด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบเสาสองหนีมือยาสเคไลเน่นเข้าไปสุดเด็ดขาด
ท้ายเกมซิตี้มามีโอกาสอีกครั้งเมื่อสวนกลับเร็วขึ้นมาโดยไอร์แลนด์ก่อนขึ้นบอลมาที่โรบินโญ่แต่หอกแซมบ้ายิงหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
จบเกมแมนฯซิตี้กลับเข้าสู่ฟอร์มสม่ำ เสมอ อีกครั้งโดยเจ๊าคู่แข่งเป็นนัดที่ 8 ของฤดูกาลกระเถิบขึ้นมามี 26 คะแนนนำลิเวอร์พูล 2 แต้มและยังจุ้มปุ๊กอยู่ที่อันดับ 6 เท่าเดิม
โบลตัน : ยุสซี่ ยาสเคไลเน่น , เกรตาร์ สไตน์สัน , แกรี่ เคฮิลล์
, แซท ไนท์ , พอล โรบินสัน , ลี ชุง ยอง ,ฟาบริซ มูอัมบ้า(มาร์ก เดวี่ส์ น.81) , ทาเมียร์ โคเฮน
, แม็ทธิว เทย์เลอร์ , เควิน เดวี่ส์ , อิวาน คลาสนิช(โยฮัน เอลมานเดอร์ น.72)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น , ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ , โคโล ตูเร่ , โจลีออน เลสค็อตต์ , ซิลวินโญ่ , ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์(สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ น.20) , แว็งซ็องต์ ก็องปะนี(โรบินโญ่ น.72) , เคร็ก เบลลามี่
, แกเร็ธ แบร์รี่ , เอ็มมานูเอล อเดบายอร์(ซานตา ครูซ น.83), คาร์ลอส เตเบซ
ขอบคุณข่าวจาก lentee.com
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
