ในหนังสือ ใต้เบื้องพระยุคลบาท ยืนยันได้เป็นอย่าง ชัดเจนกับสมญานามเบื้องต้น โดย ดร. สุเมธ กล่าวว่า...............
ในโลกนี้ มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ประมาณ 10 กว่าสถาบัน ผมกล้าเรียนในที่นี้ว่า ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ไหนในโลกนี้
ที่จะทรงงานให้กับประชาชน เท่ากับพระมหากษัตริย์ไทย คืออยู่ในสถานะที่เป็นผู้ให้บริการรับใช้ประชาชนไทย
ถึงแม้ว่าจะเป็นประมุขของประเทศแต่เมื่อคิดดูลึกซึ้งจริงๆ แล้ว ทรงบริการและรับใช้ประชาชน จริงๆ
ในหนังสือ ใต้เบื้องพระยุคลบาท ยังได้พูดถึงพระจริยาวัตรอันงดงามของพระองค์อีกอย่างหนึ่ง ที่ผมเห็นว่าเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ยิ่งในภาวะบ้านเมืองระส่ำระสาย ข้าวยากหมากแพงเงินทองฝืดเคือง
เพราะถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานอย่างนี้ แนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ยิ่งดูมีคุณค่าอย่างมหาศาล ในยามที่ประชาชนชาวไทยไร้ที่พึ่งสิ้นหวังกับสภาพความเป็นอยู่ของบ้านเมือง ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ภาครัฐ รณรงค์
ให้ประชาชนช่วยกันประหยัด งดใช้ของนอก อุดหนุนของไทยเพื่อไม่ให้เงินตราไหลออกนอก ซึ่งทำให้ประชาชน
ตื่นตัวกันพักใหญ่ แต่ก็ทำกันได้ลุ่มๆ ดอนๆ ครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ไม่นานก็หันกลับมาใช้นิสัยเดิมๆ เช่นเคย จะมีใครรู้บ้างไหมว่า
“พ่อหลวง”ของชาวไทยพระองค์นี้ ทรงยึดมั่นการประหยัด อดออม มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์แล้ว แม้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ก็ไม่เคยละทิ้ง
ซึ่งถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชนทุกชนชั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจนขนาดไหนก็ตาม
ดร.สุเมธเล่าว่า ....บางที เราประกาศโครมๆ ให้ประหยัดพวกเราก็ออกมาประหยัดครูอาจารย์ก็สอนให้ประหยัด
แต่ก็อดไม่ได้ เดี๋ยวก็ซื้อเสื้อ ซื้อผ้า แก้วแหวน เงิน ทอง แต่ปรากฏว่าเมื่อดูเข้าไปลึกซึ้งจริงๆ ดูให้อย่างมีประโยชน์แล้ว
ไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆ เลย.. พระองค์ท่านทรงเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ดูแค่ฉลองพระบาทเป็นต้น พวกตามเสด็จฯ ทั้งหลายใส่รองเท้านอก
และยิ่งมาจากต่างประเทศใส่แล้วนุ่มเท้าดี พระองค์กลับทรงรองเท้าที่ผลิตในเมืองไทย คู่ละร้อยกว่าบาท สีดำเหมือนอย่างที่นักเรียนใส่กัน แม้กระทั่งพวกเรายังไม่ซื้อใส่กันเลย
ดูสิ.....พระมหากษัตริย์ซื้ออะไรก็ได้ อย่าดูพระองค์เฉยๆ แต่มองให้ละเอียดถี่ถ้วน เราจะเกิดความประทับใจในพระองค์ฉลองพระองค์ปีแล้วปีเล่า 6-7 ปี ก็เป็นองค์นั้น ผมจำได้มีอยู่ 3 องค์ มีสีเทา แล้วก็ลายๆ สีน้ำตาล และก็อีกองค์หนึ่งสีน้ำเงิน
วันหนึ่งเป็นการละลาบละล้วงมาก ที่ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ในพระราชวังเป็นการส่วนพระองค์
ก็นั่งถวายงาน ทรงฉลองเสื้อเชิ้ตปรากฏว่าคอเสื้อเชิ้ตของพระองค์ ซึ่งเป็นเรา เราคงทิ้งแล้ว ทรงใช้นาฬิกาเรือนละไม่กี่ร้อยบาท ทรงใช้ดินสอปีหนึ่งกองกลางในพระองค์
ท่านผู้หญิง มรว. บุตรี บอกผมมา ว่าปีหนึ่งพระองค์เบิกดินสอ 12 แท่ง เดือนละแท่งใช้จนกระทั่งกุด ใครอย่าไปทิ้งของท่านนะ ทรงกริ้วเลย ประหยัดทุกอย่าง เป็นต้นแบบทุกอย่าง ทุกอย่างนี้มีค่าสำหรับพระองค์หมด ทุกบาททุกสตางค์จะใช้อย่างระมัดระวัง
จะสั่งให้เราปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ....
นี่เป็นแบบอย่างเพียงเศษเสี้ยว ของพระจริยาวัตรของพระองค์ ซึ่งถ้าหากคนไทยมีจิตสำนึกในเรื่องของการประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อโดยไม่จำเป็น รับรองได้เลยว่า บ้านเราเมืองเราจะไม่เป็นอยู่อย่างที่เห็น และจะอยู่รอดปลอดภัยประชาชนไม่ยากจน
ที่สำคัญที่สุดเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฝรั่งจนเป็นขี้ข้าเขาเหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน ประชาชนทุกหมู่เหล่าควรจะพิจารณาอย่างถ่องแท้
แล้วดำเนินตามเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ ประเทศชาติจะได้อยู่ดีมีสุข พระองค์ก็จะทรงเหนื่อยน้อยลงด้วย
ไม่มีพระมหากษัตริย์ใดจะให้และยิ่งใหญ่เท่าพระมหากษัตริย์ไทยอีก แล้ว และ วันนี้ท่านทำอะไรเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง
ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน................