ศึกลอนดอนดาร์บี้แมทช์ระหว่างอาร์เซนอลกับเชลซีเจอกันทีไรไฟท่วมสนามแตกมาตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ทั้งคู่มาเจอกันที่ไหน ณ หนใดการเสียบตัวลอย,ประตูตุงตาข่ายเปรียบเสมือนเมนูประจำที่ต้องมีแน่นอน
นับตั้งแต่ปี 1999 มีครั้งเดียวที่จบลงด้วยการเสมอและทั้งสองทีมยิงประตูกัน 26 เกมจากการพบกัน 30 เกม
ความมันส์เพิ่มทวีคูณจากการย้ายสลับค่ายของวิลเลี่ยม กัลลาส์และแอชลีย์ โคลดังนั้นเพื่อเป็นการเสี้ยมและโหมโรมก่อนกันในวันอาทิตย์นี้เวลา 23.00 น. เราจึงมาดู 6 เกมคลาสสิคของทั้งคู่กัน
อาร์เซนอล 2 เชลซี 1 (4 พฤษภาคม 2002)
เรย์ พาร์เลอร์ตำนานปืนใหญ่ยิงประตูสุดงามพาทีมคว้าเอฟเอ คัพโดยมิดฟิลด์ทรงผมคุณยายซึ่งเล่นในไฮบิวรี่มา 12 ปีเต็มวิ่งทะลุรับบอลจากเพื่อนตั้งแต่ครึ่งวงกลมมฝั่งเชลซีก่อนลากจี้ไปมาแล้วปั่นไซด์หน้ากรอบคาร์โล่ คูดิชินี่บินปัดโดนปลายมือแต่ความแรงทำให้เสียบใต้สามเหลี่ยมเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นานเฟร์ดดี้ ยุงเบิร์กมายิงประตูในนาที 80 ให้อาร์เซนอลเถลิงชัยและปีนั้นจบลงด้วยตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์เฮฮากันไป
เชลซี 2 อาร์เซนอล 1 (25 กุมภาพันธ์ 2007)
3 นักเตะถูกไล่ออกในเกมคาร์ลิ่ง คัพรอบชิงชนะเลิศและเกิดมวยหมู่วุ่นวายอย่างน่าสยดสยองอีกด้วย
ดิดิเยร์ ดร็อกบาตามตีเสมอลูกเปิดซิงของธีโอ วัลค็อตต์ก่อนหอกแมลงสาบคนเดิมจะมายิงให้เชลซีขึ้นนำ 2-1
อีก 6 นาทีจะหมดเวลาโคโล่ ตูเร่เจอจอห์น โอบี มิเกลไล่ตามกวดบี้และตัดเกมกลางสนามจนฝ่ายแรกไม่พอใจออกอาการแล้วทุกอย่างมาเลวร้ายขึ้นไปอีกเมื่อแฟร็งค์ แลมพาร์ดเข้ามาแจมก่อนที่เชสก์ ฟาเบรกัสจะมารั้งแล้วเหมือนจะฮึดฮัดจนไฮท์ไลท์เปลี่ยนมาอยู่ที่คู่นี้ทันที
เหตุการณ์บานปลายเพราะนักเตะอาร์เซนอลชุดนี้ส่วนใหญ่ดาวรุ่งทั้งนั้นร้อนถึงโจเซ่ มูรินโญ่และอาร์แซน เวนเกอร์ต้องลงมาในสนามเพื่อห้ามทัพด้วยอีกแรง
พอฟ้าสงบคราวนี้เป็นรายการแจกอั่งเปาไล่ตั้งแต่ตูเร่,โอบี มิเกลและเอ็มมานูเอล อเดบายอร์...ท้ายที่สุดเชลซีเป็นแชมป์
อาร์เซนอล 3 เชลซี 2 (1 มกราคม 2003)
ไม่น่าเชื่อที่เกมนี้รอประตูแรกนานถึง 70 นาทีแต่ไหลพรวดเดียวถึง 4 เม็ดตามมาอย่างเมามัน
ปืนใหญ่ประเดิมเกมนี้ด้วยประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 8 หลังมาร์กเซล เดอไซญี่ทำเข้าประตูตัวเองจากลูกแฉลบ
จิโอวานนี่ ฟาน มาบวกให้อาร์เซนอลนำชิวๆ 2-0 ก่อนที่เธียร์รี่ อองรีจะใช้ขาซัดหนีหายห่วง 3-0
อย่างไรก็ตามเชลซีไม่ยอมแพ้ไล่มา 3-2 จากประตูของมาริโอ สตานิชและเอ็มมานูเอล เปอตีต์แต่ท้ายที่สุดลูกทีมอาร์แซน เวนกอร์ประเดิมปีใหม่ด้วย 3 แต้ม
อาร์เซนอล 2 เชลซี 2 (12 ธันวาคม 2004)
เธียร์รี่ อองรีทำให้เชลซีต้องอกหักจากฟรีคิกเร็วในขณะที่ปีเตอร์ เช็กกำลังอยู่ในระหว่างสั่งกำแพง
แต่ความยุติธรรมมีจริงสำหรับสิงห์ไฮโซเมื่อไอ้ห้อยซัดข้ามคานจากระยะ แค่6 หลาในช่วงท้ายเกม
เกมนี้อาร์เซนอลนำเร็วอีกแล้วตั้งแต่ 75 วินาทีจากอองรีคนเดิมแต่จอห์น เทอร์รี่มาตีเสมอและฟรีคิกเร็วของไอ้ห้อยช่วยให้ทีมนำหนสองจนไอเดอร์ กุดยอห์นเซ่นซัด 2-2
อาร์เซนอล 1 เชลซี 2(6 เมษายน 2004)
(เชลซีชนะด้วยประตูรวม 3-2)
เวย์น บริดจ์ยิงประตูท้ายเกมพร้อมส่งอาร์เซนอลร่วงแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายทันทีโดยคู่นี้เล่นกันในเลกสองหลังเสมอ 1-1 มา
โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยสและแฟร็งค์ แลมพาร์ดยิงคนละทีให้สกอร์ยังเท่ากันทำให้เกมต้องไปยื้อถึงต่อเวลา
แต่บริดจ์เติมเกมรุกพาบอลขึ้นมาเล่น 1-2 หน้าเขตโทษกับไอ้เด๋อแล้วหลุดไปส่องตูมเดียวให้ทีมเอาชนะต่อหน้าแฟนบอลปืนใหญ่เจ็บแสบ
เชลซี 2 อาร์เซนอล 3 (23 ตุลาคม 1999)
ซูเปอร์ซับเอ็นวานโก้ คานูสุดติ่งกับแฮทริคในเกมหนึ่งในสุดยอดคัมแบ็คตลอดกาล
เกมนี้อาร์เซนอลทำท่าจะแพ้อยู่แล้วหลังโดนนำ 2-0 จากประตูของทอเร่ อังเดร โฟล(นาที 38)และเปเตรคู(นาที 52)
จากนั้นอาร์แซน เวนเกอร์ส่งไพ่ตายอย่างคานูลงมาเปลี่ยนเกมในช่วง 15 นาทีสุดท้าย
คานูเอาทันทีจากการซ้ำลูกยิงของมาร์ค โอเวอร์มาร์สจากนั้นนาที 82 มาตีเสมอด้วยการลากผ่านเอ็ด เดอ กอย
เกมดำเนินมาถึงนาที 90 และทำท่าจะแบ่งแต้มแต่แล้วคานูโชว์ความมหัศจรรย์ด้วยการลากผ่านเดอ กอยตรงเส้นหลังแล้วยิงมุมแคบเสียบหน้าต่างอีกฝั่งที่มีผู้เล่นเชลซียืนขวางเต็มไปหมด
ขอบคุณข่าวจาก lentee.com