ถ้าถามว่าเสมอเกมนี้ ลิเวอร์พูลผิดหวังไหมมันก็คงใช่ แต่ลึกๆ แล้วก็คงแอบโล่งอกด้วยเหมือนกัน
ทีมของ ราฟา เบนิเตซ ยังไม่พ้นวิบากกรรมเรื่องนักเตะเจ็บ แม้จะได้ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กับ ยอสซี่ เบนายูน กลับมา แต่การเสีย ดาเนียล แอกเกอร์ บวก ไรอัน บาเบิ้ล ไปตั้งแต่ 20 นาทีแรกก็ทำให้ต้องปรับเกมกันใหม่และแทบไม่มีทางเลยที่จะเล่นได้เต็มศักยภาพของตัวเอง
ลิเวอร์พูลทำดีที่สุดแล้วครับ มองเกมรวมๆ หงส์แดงได้ต้นๆ กับ ท้ายๆ แต่ช่วงกลางๆ ก็ย่ำแย่ โดนกระหน่ำเอียงไปเอียงมา ถ้าไม่มีหัวใจเพชรสู้สุดฤทธิ์มาช่วยได้ เผลอๆ อาจแพ้คาบ้านด้วยซ้ำ
เกมนี้แฟนๆ ได้เห็นอีกครั้งว่า ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ สำคัญกับกองกลางลิเวอร์พูลขนาดไหน "มันสเตอร์ มาร์ช" ใส่เต็มแม็กตั้งแต่ต้นจนจบ ไล่หวด ตัดเกม หยุดมิดฟิลด์เรือใบไม่ให้เล่นง่าย ความห้าวหาญของเขานอกจากชนะใจเดอะค็อป ยังมีผลต่อเพื่อนๆ ที่ฮึดสู้ตามไปด้วยแบบกัดไม่ปล่อย
มาสเชราโน่คือ หัวโจกหงส์แดง ขณะที่ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ก็แสดงความเป็นกัปตันออกมาได้ไม่เลว ทั้งที่ความฟิตยังไม่เต็มร้อยแน่ๆ
แต่พูดก็พูดเถอะ, ผมเองยังสงสัยว่า ทำไมเจอร์ราร์ดไม่เล่นเหมือน มิชาเอล เอสเซียง เล่นให้เชลซี
บางคนอาจบอกว่า เอสเซียงมันเล่นเหมือนไม่ใช่คน พอเริ่มเกมก็เปิดสวิตช์ ทำงานเป็นเครื่องจักร วิ่งตะบี้ตะบันจากหลังยันหน้า ทำหมดทั้งตัดบอล เชื่อมเกมและซัดประตู
เจอร์ราร์ดก็ทำได้นะครับ แต่ต้องวิ่งมากขึ้น รับผิดชอบพื้นที่กว้างขึ้น ไม่ใช่รอโฉบจากแถวสองเข้าไปยิงอย่างเดียวเหมือนทุกวันนี้
นักเตะอย่างสตีวี่ จี สมควรที่ราฟา เบนิเตซ ต้องใช้ให้คุ้ม ไม่งั้นก็น่าเสียดาย เพราะเจ้าตัวเองทำโน่นทำนี่ได้เยอะจะตาย มีครบทั้งลูกหนัก ความเร็ว เซนส์ในเกมรุก แต่ตลอดเวลาที่อยู่กับลิเวอร์พูลแฟนๆ กลับเห็นความเก่งแค่ครึ่งเดียว
หงส์แดงเล่นบทนักสู้ได้ใจคนดู แต่ถ้าจะลุ้นแชมป์ในอนาคต (ไม่ต้องพูดถึงปีนี้) มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งความหลากหลายของเกม คุณภาพของตัวสำรอง และเอ้อ เจอร์ราร์ดขยันอีกนิดเท่านั้นแหละ