ทัศนะ สิงห์ฟ้าขาว - แฮนด์ ออฟ ก็อด ของ อองรีและมาราโดน่า ต่างกันตรงที่ว่า มาราโดน่าไม่มีใครแปลกใจที่เขาจะโกงเพราะภาพลักษณ์แก่ไม่ดีอยู่แล้ว เปรียบได้กับเราเห็นน้าแอ็ดคาราบาวก๊งเหล้าอยู่หรือแม้กระทั่งสมัยก่อนเคยพี้เนื้อสีเขียว ไม่แปลกเรื่องปรกติ แต่อีกกรณีหนึ่งถ้าเราเห็นคนภาพดีอย่างป๋าเบริด์ ธงไชย หรือ บี้เดอะสตอ ก๊งเหล้าอัพเนื้อล่ะเรื่องใหญ่แน่ นั่นเป็นเพราะอองรีมักภาพดีมาตลอด(เป็นส่วนใหญ่และการให้สัมพาทของแกแต่ล่ะทีดูเป็นคนดีเหลือเกิน) เมื่อกระทำการโกงแบบนี้โดนหนักกว่าเดอะเตี๊ยแน่ๆ เพราะ คนที่เคยนับถือก็พาลเอาหมดศรัธาไปเลย ผิดกับคนที่ชอบเดอะเตี้ยไม่รู้สึกเลยเพราะชอบตรงความซ่าของแกด้วยแหละ55+ ข้างล่างรวมบทคอลัมนิสขอยืม และขอบคุณหยามปอดมา ณ โอกาสนี้ครับ
บอลบ้าง ไม่บอลบ้าง : โดย..ตังกุย : กล้าทำกล้ารับและกล้าพอ
|
21/11/2009 1:23:33 |
|
บางทีแฮนด์บอลของ เธียร์รี่ อองรี ที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องอื่นๆ ที่จะตามมา
มันอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเรื่อง ใช้-ไม่ใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตัดสิน
มันอาจก่อให้เกิดแคมเปญแอนตี้เฟร้นช์หรือต่อต้านฝรั่งเศสกระจายไปทั่วโลก (ว่ากันว่าในชีวิตประจำวันชาวเมืองน้ำหอมก็ไม่ค่อยจะเป็นที่ชอบขี้หน้าจากคนชาติอื่นๆ สักเท่าไหร่อยู่แล้ว) ทีมชาติฝรั่งเศสจะเดินเคียงข้างไปกับเสียงโห่ตลอดเส้นทางสู่ฟุตบอลโลก 2010
มันอาจเป็นที่มาของข้อพิพาททางการเมืองระหว่างสองประเทศ เพราะเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายก็ออกมาฉะถึงประเด็นนี้กันอย่างเผ็ดร้อน
หรือมันอาจทำให้เราได้เห็นสปิริตนักกีฬาที่สูงส่งสุดยอด เมื่อคนผิดยอมรับว่าทำผิดและพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดนั้น
บางทีฟุตบอลไม่ได้สำคัญไปกว่ามิตรภาพและความถูกต้อง ผมดีใจที่เธียร์รี่ อองรี เสนอให้มีการแข่งใหม่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ใช่ว่าคนฝรั่งเศสจะพอใจกับการเข้ารอบฟุตบอลโลกในลักษณะนี้ ผลสำรวจชี้ว่าพวกเขาอับอายขายหน้าจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ไม่มีใครสบายใจหรอกครับ แต่ถ้าเราพูดกันว่ากฎย่อมต้องเป็นกฎ ไอร์แลนด์ไม่มีสิทธิ์ร้องขอให้ฟีฟ่าออกคำสั่งให้แข่งใหม่เลยแม้แต่น้อย หรือต่อให้ฟีฟ่าอยากจะสั่งให้รีแมตช์ใจจะขาดมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้พวกเขาอ้างอิง
เพราะคำตัดสินเกิดขึ้นไปแล้ว ผู้ตัดสินอยู่ในเหตุการณ์และมอบประตูนั้นให้ฝรั่งเศสไปแล้ว เราไม่อาจเปลี่ยนข้อเท็จจริงนั้นในภายหลังได้
ประตูของอองรีลูกนั้นจึงเป็นประตูที่ใสสะอาดในทางข้อมูล คือเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ที่พาฝรั่งเศสไปแอฟริกาใต้ หากในทางปฏิบัติทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่ามันคือประตูที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไอร์แลนด์รู้ ฝรั่งเศสรู้ คนทั้งโลกรู้ ตัวติตี้เองก็รู้
บางทีความโหดร้ายของฟุตบอลมันไม่ได้อยู่ที่แค่คำตัดสินผิดพลาดเท่านั้นหรอกครับ แต่ยังโหดร้ายตรงที่ว่าคนที่สำนึกในการกระทำของตัวเองและอยากแก้ตัวแต่ทำไม่ได้ด้วย
เหมือนกับว่าเราทำผิดอะไรสักอย่างและเต็มใจที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อลบล้างความผิดนั้นแต่ไม่สามารถทำได้เพราะคนนั้นคนนี้ห้ามไม่ให้ทำ
อองรีคงตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นเหมือนกัน เรื่องมันเลยเถิดไปไกลแล้ว ผมเชื่อว่าที่เขาอยากให้เตะรีแมตช์กันใหม่ไม่ใช่เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองแต่เพราะละอายใจในสิ่งที่ทำลงไป ละอายใจต่อเพื่อนร่วมอาชีพฝ่ายตรงข้ามที่ความฝันต้องมาพังทลายแบบไม่แฟร์เพียงเพราะการกระทำที่ขาดความยั้งคิดชั่ววูบ
ผมเห็นใจอองรีนะครับ รู้สึกว่าเขาคือคนที่ถูกกระทำจนแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี เป็นเหยื่อของพฤติกรรมเหยียบย่ำ
ไม่เถียงว่าเขาผิด เพียงแต่เห็นใจที่สิ่งดีๆ และน้ำใจนักกีฬาที่อองรีแสดงให้เห็นตลอดชีวิตค้าแข้งต้องมาถูกขยี้ยับเยินเพียงการทำผิดครั้งเดียว
ในมุมมองของผม เธียร์รี่ อองรี คือสุภาพบุรุษลูกหนังที่นำพาสิ่งดีๆ มาประดับวงการมากกว่าเรื่องเลวร้าย
แน่นอนครับ หลังเกิดเหตุวีรกรรมด้านลบทั้งหลายแหล่ของติตี้ย่อมถูกขุดคุ้ยขึ้นมาแฉหรือเตือนความจำตามแบบฉบับของวัฒนธรรมเหยียบย่ำ จะเป็นเรื่องความเจ้าเล่ห์อาศัยกฎจุกจิกของฟุตบอลลักไก่ยิงฟรีคิกหรือที่ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้มือตบบอลยิงซีเอสเคเอ มอสโกแล้วโวยวายผู้ตัดสินที่ไม่ให้ประตู
แต่มันก็แค่นั้นไม่ใช่หรือ อองรีในภาพรวมสำหรับผมยังเป็นนักฟุตบอลที่สุภาพ มีน้ำใจนักกีฬา ไม่เคยสร้างปัญหา ไม่เคยพุ่งล้ม ไม่เคยสำออย ไม่เคยเกเรไล่เตะฝ่ายตรงข้าม เป็นผู้นำและเป็นตัวอย่างที่ดีให้เพื่อนร่วมอาชีพ
เป็นไอดอลอีกคนหนึ่งของวงการ
น่าเสียดายที่เขาทำผิด แต่ผมคิดว่ามันน่าเสียดายยิ่งกว่าถ้าเราไม่คิดจะยกโทษให้คนที่สำนึกผิด
ฟีฟ่าไม่มีอำนาจสั่งรีแมตช์ฝรั่งเศส-ไอร์แลนด์ก็จริง แต่ถ้าฝรั่งเศสจะ เสนอ มันขึ้นมาเองเป็นกรณีพิเศษบางทีมันอาจเป็นไปได้
เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งอาร์แซน เวนเกอร์เคยเสนอให้อาร์เซน่อลเตะเอฟเอ คัพนัดรีแมตช์กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หลังมาร์ค โอเวอร์มาร์สเอาบอลจากการทุ่มคืนไปยิงตุงตาข่าย
รายละเอียดของเหตุการณ์แตกต่างกัน แต่จุดประสงค์เหมือนกันนั่นคือการแสดงสปิริตของฝ่ายที่สำนึกผิดทั้งที่ความจริงถ้าหน้าด้านปล่อยเลยตามเลยกฎก็ทำอะไรไม่ได้
กรณีของอองรีก็เป็นกรณีพิเศษเช่นกัน ถ้าฝรั่งเศสฝ่ายที่ได้ประโยชน์ไม่เล่นด้วยเสียอย่าง ไอร์แลนด์ฝ่ายเสียประโยชน์จะทำอะไรได้
เพราะฉะนั้นเงื่อนไขอย่างนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรอกครับ องค์ประกอบทุกด้านต้องมาพร้อมๆ กัน เกมมีความหมาย เหตุแห่งปัญหาชัดเจน เป็นจังหวะตัดสินชะตากรรม และฝ่ายได้ประโยชน์ยอมเสียประโยชน์ที่ได้มานั้นไป
ความผิดพลาดเกิดขึ้นไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ หากแต่บรรเทาได้ด้วยคำว่าสปิริต
ถ้าฝรั่งเศสกล้าพอ ฟีฟ่าก็ต้องกล้าตาม จะกลัวไปใยกันครับ
ตังกุย |
เดินลงสนาม : โดย..พิราบขาว : แฮนด์ ออฟ ฟรอด
|
19/11/2009 22:24:05 |
|
ในที่สุดก็ได้บทสรุปซะทีมสำหรับฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก โดย อุรุกวัย เป็นชาติสุดท้ายอีกครั้งที่คว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายได้เหมือน เวิลด์ คัพ ฉบับเอเชียในปี 2002
ทว่าไฮไลท์สำคัญของรอบเพลย์ออฟ นัด 2 เมื่อคืนวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาน่าจะอยู่ที่ สต๊าด เดอ ฟร้องก์ โดยไม่มีใครคาดคิดว่า ฝรั่งเศส ที่บุกไปชนะ ไอร์แลนด์ ถึง ดับลิน มาแล้ว 1-0 ต้องเหนื่อยถึง 120 นาทีแถมยังได้ประตูจากลูกปัญหาอีกด้วย
ก่อนเกมทีมยักษ์เขียวถูกมองว่ามีโอกาสน้อยมากเพราะต้องบุกชนะให้สถานเดียวแต่มันเป็นเกมใน สต๊าด เดอ ฟร้องก์ ที่ ฝรั่งเศส มักเล่นดีเป็นพิเศษแถมเคยคว้าแชมป์โลกมาแล้วด้วยในปี 1998
ทว่าเด็กของ โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ก็สู้สุดฤทธิ์โดยนอกจากจะปลุกใจกันมาดีแล้วยังเล่นได้ตามแผนเข้าปะทะแย่งบอลทุกจังหวะทำให้ ฝรั่งเศส เดินเกมไม่ได้เลย ก่อนจะเสียท่าให้ ร็อบบี้ คีน ในท้ายครึ่งแรก
หากไม่ได้ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ อูโก้ โยริส แล้วละก็อดีตแชมป์โลกปี 1998 มีหวังกระเด็นตกรอบคัดเลือกไปแล้ว และเมื่อสกอร์รวมใน 180 นาที เสมอกันที่ 1-1 แถมยิงประตูนอกบ้านได้ 1 ลูกเหมือนกันก็ต้องสู้กันต่ออีก 30 นาที ฝรั่งเศส ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเหนือกว่าแต่อย่างใดก่อนจะมาได้ประตูสำคัญในช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษครึ่งแรกจากลูกโหม่งในระยะเผาขนของ วิลเลี่ยม กัลลาส
ทว่าความคลาสซิคมันอยู่ที่ก่อนบอลจะมาถึงหัวของ กัลลาส เป็น เธียร์รี่ อองรี ที่เจตนาใช้มือตบบอลไม่ให้ออกหลังแล้วบรรจงดีดถวายพานให้ปราการหลังเพื่อนร่วมชาติ
แม้นักเตะไอร์แลนด์จะรุมประท้วง มาร์ติน ฮันส์สัน แต่ผู้ตัดสินชาวสวีดิชก็ไม่สนให้เป็นประตูกับ ฝรั่งเศส ซึ่งสุดท้ายก็ส่งทีมตราไก่ไปแอฟริกาใต้ด้วย
ดังนั้นประเด็นดังหลังเกมคงไม่พ้นการถูกรุมประนามของ เธียร์รี่ อองรี ว่ามีเจตนาเล่นขี้โกง ซึ่งก็คงจะอยู่มุมมองและประสบการณ์ของคนดูฟุตบอลด้วย
ทว่าสื่อในอังกฤษที่ยืนอยู่คนละฝั่งกับพฤติกรรมแบบนี้อยู่แล้วก็ขยี้ เธียร์รี่ อองรี ที่ครั้งนึงเคยมาค้าแข้งในโด่งสุดๆ ใน พรีเมียร์ ลีก กับ อาร์เซน่อล เละไม่มีชิ้นดี ไม่ต่างจากที่ ดิเอโก้ มาราโดน่า เคยสร้างความชอกช้ำให้แฟนบอลอังกฤษในฟุตบอลโลก 1986 ที่ใช้มือชกบอลเข้าประตูไปก่อนจะมาซึ่งวลีเด็ด แฮนด์ ออฟ ก็อด หรือที่แปลเป็นไทยว่า หัตถ์พระเจ้า นั่นเอง
แต่กับ เธียร์รี่ อองรี นี้เจ้าตัวออกมายอมรับว่าเขาเจตนาทำแฮนด์บอลจริงๆ ซึ่งก็เป็นไปตามปฏิกิริยาของนักฟุตบอลทั่วไปโดยเฉพาะในสถานการณ์อย่างนั้น
อยากรู้เหมือนกันว่าพวกคนดีทั้งหลายที่ออกมารุมประนาม เธียร์รี่ อองรี ว่าขี้โกงนั้นจะทำอย่างไรถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ ปล่อยให้บอลออกหลังไปแล้วไปลุ้นดวลจุดโทษกันในบั้นปลาย
ตอบยากนะครับเพราะมาตรฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขณะเดียวกันประสบการณ์ตรงบางคนก็ไม่มี ที่สำคัญสิ่งที่ อองรี ชี้แจงก็น่าคิดเหมือนกันนะครับว่ามันเป็นหน้าที่ของผู้ตัดสิน ซึ่งหากเป่าเป็นแฮนด์บอลเขาก็โดนลงโทษ แต่เมื่อไม่มีเสียงนกหวีดดังขึ้นมาเขาก็เล่นต่อแล้วทีมก็ได้ประตูสำคัญ
กระนั้นก็ดีมันคุ้มไหมกับชื่อเสียงที่เพียรสร้างมาอย่างยาวนานจนใกล้จะแขวนเกือกอยู่แล้ว
เพราะจากนี้ไปวลี แฮนด์ ออฟ ฟรอด (Hand Of Fraud) หรือที่แปลเป็นไทยก็คือ มือขี้โกง ก็จะกลายเป็นโลโก้ของดาวยิงปากห้อยไปตลอด เพราะมันเกิดขึ้นในเกมใหญ่และเป็นที่สนใจของแฟนบอลทั่วโลก
ทว่าที่ต้องตามกันต่อคือ แฮนด์ ออฟ ก็อด ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า พา อาร์เจนติน่า เป็นแชมป์โลก ปี 1986 แล้ว แฮนด์ ออฟ ฟรอด ของ เธียร์รี่ อองรี ไปจอดป้ายแค่ตรงไหน
ครั้นจะฝันไกลถึงแชมป์โลกก็คงจะเกินไปหน่อยเพราะแค่เกมสำคัญในการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย อูโก้ โยริส ยังกลายเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เลย
หลายคนอาจจะงงว่า อูโก้ โยริส เป็นใคร ก็ผู้รักษาประตูไงละ หากต้องเข้ารอบด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมของผู้รักษาประตูบวกกับมือขี้โกงของ เธียร์รี่ อองรี แล้วจะฝันอะไรไกลไปกว่านี้ได้อีกละ
พิราบขาว
|
|
|
อองรีในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก