คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยถูกหมายหัวว่าเป็นจอมพุ่งอันดับ 1 แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษตอนที่เขาอยู่กับแมนฯ ยู
เมื่อโรนัลโด้จากไปอยู่กับรีล มาดริด คาดกันว่าดิดิเยร์ ดร็อกบา ของเชลซีคงจะครองตำแหน่งนี้โดยไร้คู่แข่ง
ดร็อกบายังพุ่งเหมือนเดิมตามปกติ แต่เขาเจอคู่ชิงบัลลังก์อย่างน้อย 2 คน คือ เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา ของอาร์เซนอล และดาวิด เอ็นก๊อก ของลิเวอร์พูล
วัฒนธรรมการพุ่งเริ่มก่อตัวในอังกฤษเมื่อนักเตะต่างชาติหลั่งไหลเข้าไปทำมาหากินในพรีเมียร์ลีก และระบาดไปสู่นักเตะท้องถิ่น
"จอมพุ่งตัวพ่อ" แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษน่าจะเป็นไมเคิล โอเว่น ขณะที่สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด มีชื่อในด้านการพุ่งเช่นกัน
การพุ่งดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน และเจอร์เกนส์ คลิ้นสมันน์ อดีตกองหน้าทีมชาติเยอรมัน ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น "บิดา" หรือ "ผู้บุกเบิก"
คลินซี่สร้างตำนานที่ได้รับการกล่าวขวัญจนถึงทุกวันนี้ในฟุตบอลโลก 1990 นัดชิงชนะเลิศเมื่อเขาพุ่งจนทำให้เปโดร มอนซอน ของอาร์เจนตินาโดนใบแดง
เมื่อเขาไปถึงลอนดอนในปี 1994 เพื่อร่วมทีมสเปอร์ เขาถามนักข่าวก่อนที่จะโดนถามว่าโรงเรียนสอน "กระโดดน้ำ" (dive หรือ diving ซึ่งแปลว่า "พุ่ง" ก็ได้) ที่ดีที่สุดของลอนดอนอยู่ที่ไหน
เมื่อคลิ้นสมันน์ยิงประตูแรกให้สเปอร์ได้ เขาล้อเลียนนักวิจารณ์ด้วยการพุ่งถลาไปกับพื้น
ริวัลโด้อดีตนักเตะทีมชาติบราซิลไม่ใช่นักเตะที่มีชื่อเสียงในการพุ่ง แต่การตบตากรรมการครั้งหนึ่งของเขาได้รับการจัดอันดับโดยบางสำนักให้เป็นการพุ่งที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2002 เมื่อนักเตะตุรกีคนหนึ่งเตะบอลไปโดนขาของริวัลโด้
ริวัลโด้ล้มลงทันทีและกุมหน้าพร้อมกับชักดิ้นชักงอ
นักเตะตุรกีคนนั้นโดนไล่ออก ริวัลโด้ยอมรับว่าลูกบอลไม่ได้โดนหน้า และถูกฟีฟ่าปรับเงินนิดหน่อย
โปรดสังเกตว่า "วีรกรรม" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคลิ้นสมันน์ในปี 1990 ช่วยให้เยอรมันครองแชมป์โลกเช่นกัน
เมื่อพุ่งแล้วมีโอกาสได้รับผลตอบแทนอันล้ำค่า นักบอลก็ย่อมเสี่ยงพุ่ง ถ้าทำได้ไม่เนียนก็แค่โดนใบเหลืองเท่านั้น