คนที่เจ็บที่สุดจากเกม แมนฯยู แพ้ เชลซี คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (เจ้าเก่า)
ดูจากฟอร์มของปีศาจแดง เซอร์อเล็กซ์สมควรผิดหวังที่จั่วลม ไม่มีแต้มกลับบ้าน แมนฯยูไนเต็ดเล่นดีเท่าที่จะดีได้ในฐานะทีมเยือน เกมรับแม้จะขาด เนมานย่า วิดิช-ริโอ เฟอร์ดินานด์ แต่คู่เซ็นเตอร์ เวสบราวน์ กับ จอนนี่ เอแวนส์ ก็คุมเกมเหนียวหนึบ ทั้งนิ่งทั้งชัวร์แทบจะไม่พลาดให้เห็นเลยซักครั้ง
เกมรับยูไนเต็ดยังได้ประโยชน์จากการทำงานหนักของแผงมิดฟิลด์ที่ช่วยป้องกันเขตโทษอย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าเกมรวมๆ จะดูเป็นรอง แต่ก็เห็นชัดว่าจังหวะดวลกันตัว-ตัว นักเตะเชลซีกินผีแดงไม่ลง เจาะเข้าพื้นที่อันตรายได้น้อยมาก
เจ้าบ้านชนะนัดนี้แบบเหนื่อยสุดสุด แต่ก็พิสูจน์ธาตุแท้ของความเป็นยอดทีมด้วยเหมือนกัน
เป็นทีมอื่นมันก็คงจบ 0-0 แล้ว เพราะบุกยังไงก็ติด เจาะทางไหนก็ตัน แต่ถึงตันถึงติด เชลซีก็บี้ไม่หยุด กดดันใส่เกมรับแมนฯยูอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รางวัลตอบแทน
ประตูของ จอห์น เทอร์รี่ เป็นลูกเซ็ตพีซที่เซอร์อเล็กซ์มองว่ากรรมการตัดสินผิดพลาดก็จริง แต่นี่แหละครับคือ ความหลากหลายและความเป็นเพชฌฆาตของเชลซี
เล่นกับทีมนี้ แค่พลาดนิดเดียว หรือเปิดโอกาสให้สักครั้ง คุณก็โดนลงโทษได้ทันที แมนฯยูเองไม่น่าแพ้ก็ถูก แต่มองอีกด้านก็ไม่สามารถสร้างเกมบุกขึ้นไปป่วนเชลซีได้มากพอ ยิ่งกว่านั้นเกมรับยังถอยลงมาต่ำเกินไปนิดซึ่งมันก็เสี่ยงต่อการเสียฟาวล์ โดนฟรีคิกในระยะหวังผลอยู่แล้ว
ปีศาจแดงโดนทิ้งไป 5 คะแนน มองจากแต้มถือว่าไม่ห่าง แต่ถ้าดูฟอร์มของเชลซีที่ดุดันเหลือหลายก็น่าเครียดแทนเซอร์อเล็กซ์อยู่เหมือนกัน
สิงโตน้ำเงินครามชุดนี้ดีกว่ายุค โจเซ่ มูรินโญ่ ซะอีก นอกจากตัวจะเก๋า ยังเล่นกล้าได้กล้าเสีย เน้นเกมบุกทั้งในบ้าน นอกบ้าน โอกาสเสมอ เสียแต้มเรี่ยราดจึงไม่ค่อยมี
ปล่อยให้นำห่างเมื่อไหร่ ไล่ตามยากชะมัด