ไอ้แสบ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์

ตำนานนักชกขวัญใจชาวไทย



แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
(
13 สิงหาคม พ.ศ. 249416 เมษายน พ.ศ. 2552) อดีตนักมวยแชมป์โลกชาวไทย รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท (140 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC) มีชื่อจริงว่า บุญส่ง มั่นศรี เป็นชาว ตำบลบ้านสะเดียง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ แสนศักดิ์ เป็นนักมวยที่มีช่วงแขนยาวกว่าปกติ และมีหมัดซ้ายหนักโดยธรรมชาติ นับเป็นแชมป์โลกชาวไทยคนที่ 5 และเป็นนักมวยแชมป์โลกรุ่นใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา นอกจากนี้แสนศักดิ์ยังเป็นเจ้าของสถิติโลก ที่ชกมวยสากลเพียง 3 ครั้งก็ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลกอีกด้วย


ก่อนจะมาชกมวยสากล เคยชกมวยไทยครั้งแรก ๆ ใช้ชื่อว่า แสนแสบ เพชรเจริญ หรือ แสบทรวง เพชรเจริญ เมื่อเข้ามาในกรุงเทพมหานครได้อยู่กับค่าย เมืองสุรินทร์ ของ จอมตบ สนอง รักวานิช และต่อมาเป็นนักมวยไทยชื่อดังในขณะนั้น เคยปะทะฝีมือกับยอดมวยไทยร่วมสมัยหลายคน เช่น ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์, วิชาญน้อย พรทวี, พุฒ ล้อเหล็ก, คงเดช ลูกบางปลาสร้อย, ขุนพล สาครพิทักษ์, วิสันต์ ไกรเกรียงยุค, ผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นต้น และเคยเป็นแชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวท (140 ปอนด์) ของเวทีลุมพินี ด้วยการเอาชนะน็อก สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล หลานชายของ สุข ปราสาทหินพิมาย เพียงแค่ยกแรก


แสนศักดิ์ เคยชกมวยสากลสมัครเล่นในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 7 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยชนะน็อกรวดทุกครั้ง จนได้ครองเหรียญทอง

และจากการที่ชกสากลชนะน็อกรวดอย่างนี้ ทำให้ พญาอินทรี เทียมบุญ อินทรบุตร วางแผนร่วมกับสนอง รักวานิช ให้แสนศักดิ์ชกเพียง 3 ครั้งได้เป็นแชมป์โลก เพราะมั่นใจในพลังหมัด เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหมัดซ้าย ที่เรียกกันว่า บันได 3 ขั้น ซึ่งสถิติการชกเพียงระยะสั้นแค่นี้ กลายเป็นสถิติโลกมาจนปัจจุบัน[2] แสนศักดิ์ได้แชมป์โลกในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท สภามวยโลก (WBC) ในการชกครั้งที่ 3 โดยชนะน็อก เปริโก้ เฟอร์นันเดซ นักมวยชาว
สเปนในปี พ.ศ. 2518 แต่แสนศักดิ์ป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ได้เพียงครั้งเดียว โดยการเอาชนะน็อก เท็ตสุโอะ 'ไลอ้อน' ฟูรูยาม่า นักมวยชาวญี่ปุ่นเท่านั้น จากนั้นได้ไปป้องกันตำแหน่งกับ มิเกล เวลาสเควซ นักมวยชาวสเปน ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน แสนศักดิ์ถูกจับแพ้ฟาล์วในยกที่ 4 เนื่องจากไปชกเวลาเควซล้มลงในช่วงระฆังตีบอกยกหมดเวลา เสียแชมป์โลกทันที ฝ่ายไทยพยายามประท้วงแต่ก็ไม่เป็นผล


อีก 4 เดือนต่อมา แสนศักดิ์จึงได้โอกาสแก้มือที่ประเทศสเปนอีกครั้ง คราวนี้ แสนศักดิ์เป็นฝ่ายชนะน็อกไปเพียงแค่ยกที่ 2 ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกในสมัยที่ 2 จากนั้น แสนศักดิ์ได้ป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง และบางครั้งเป็นไฟต์แห่งความทรงจำที่ยังคงตรึงใจแฟนมวยอยู่จนทุกวันนี้ เช่น ชนะน็อก มอนโร บรู๊คส์ นักมวยชาวอเมริกันไปอย่างสุดมัน ในยกที่ 15 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้ นักมวยชาวอเมริกันอีกคนที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น



src=http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/thumb/7/77/Saensak-Hearns_1979-10-18_Detroit.JPG/200px-Saensak-Hearns_1979-10-18_Detroit.JPG

src=/skins-1.5/common/images/magnify-clip.png
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ขณะชกกับ โธมัส เฮิร์นส์ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2522 ที่สหรัฐอเมริกา

แสนศักดิ์ เสียแชมป์โลกในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 8 ของสมัยที่ 2 กับ คิม ซาง ฮัน นักมวยชาวเกาหลีใต้ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2521 ถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ถิ่นของผู้ท้าชิงเอง โดยแพ้น็อกไปในยกที่ 13 เนื่องจากสภาพร่างกายของแสนศักดิ์ไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า และสายตาก็เริ่มมีปัญหา จากนั้นแสนศักดิ์ได้ไปชกนอกรอบที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็แพ้นักมวยเจ้าถิ่นอีก และอีก 3 เดือนต่อมา ก็บินไปชกที่สหรัฐอเมริกากับ โธมัส เฮิร์นส์ ซึ่งเป็นดาวรุ่งในขณะนั้น ซึ่งแสนศักดิ์ไม่อาจสู้อะไรเฮิร์นส์ได้เลย เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกที่ 3 แสนศักดิ์ชกมวยครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2524 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยเป็นโปรโมเตอร์จัดการแข่งขันเอง โดยเป็นการชิงแชมป์ภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) กับนักมวยชาวเกาหลีใต้ แต่ก็แพ้คะแนนขาดลอยอีก จึงต้องแขวนนวมไปในที่สุด


ในระหว่างที่แสนศักดิ์มีชื่อเสียงอยู่นั้น กลุ่มผู้สนับสนุนแสนศักดิ์คือ เทียมบุญ อินทรบุตร ยังได้ผลักดันนักมวยอีกรายให้เดินตามรอยของแสนศักดิ์ โดยให้ชกในรุ่นเดียวกัน ไว้หนวดและทรงผมแบบเดียวกับแสนศักดิ์ คือ ต้องตา เกียรติวายุภักษ์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อได้ชิงแชมป์โลกของสถาบันสมาคมมวยโลก (WBA) แต่เป็นฝ่ายแพ้น็อกอันโตนิโอ เซอร์วองเตด นักมวยชาวโคลัมเบียไปในยกที่ 6 ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี พ.ศ. 2521


แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีชื่อที่แฟนมวยรู้จักว่า ไอ้แสบ และมีฉายาที่ตัวเองตั้งว่า ซ้ายสีชมพู ซึ่งฟังดูขัดกับสิ่งที่ตัวเองเป็น โดยเจ้าตัวบอกว่า ต้องการให้ดูน่ารัก คลายความดุดัน (เดิมมีฉายาว่า ซ้ายทะลายโลก) แสนศักดิ์ เป็นคนมีบุคคลิกเฮฮา มีสีสัน ช่วงที่แสนศักดิ์เป็นแชมป์โลก นับได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังคนนึงไม่ต่างอะไรกับพระเอกหนังเลยทีเดียว เช่น ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปป้องกันตำแหน่งที่ไหน นักข่าวโดยเฉพาะ หนังสือพิมพ์ต้องตามไปทำข่าวถึงที่นั่น เล่ากันว่าถึงขนาดจับเครื่องบินกลับกรุงเทพ ฯ ส่งต้นฉบับแทบไม่ทันเลยทีเดียว เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักข่าวร่วมสมัย และถึงขนาดที่ เพลิน พรหมแดน นักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดังเคยทำเพลงพูดล้อเลียนเกี่ยวกับแสนศักดิ์ชื่อว่า ศึกไอ้แสบ


และการที่เป็นคนเฮฮาแบบนี้ ทำให้แสนศักดิ์ ได้ภรรยาคนแรกในชีวิตคือ ปริม ประภาพร ดาราสาวดาวยั่วชื่อดังในสมัยนั้น และมีลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนนี้ ชื่อ เกรียงศักดิ์ ซึ่งแสนศักดิ์เป็นคนตั้งเอง โดยให้ตรงกับชื่อนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น (พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์) และมีชื่อเล่นว่า คิง


หลังแขวนนวมเพราะสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิมและมีปัญหาด้านสายตาอีก แสนศักดิ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก เพราะนับจากเสียแชมป์โลกครั้งสุดท้ายไปแล้ว เงินทองที่เคยมีอยู่นับ 10 ล้านที่เคยเก็บหอมรอบริบจากการชกมวยก็ร่อยหรอ ผู้จัดการที่ปลุกปั้นมา คือ สนอง รักวานิช ก็เสียชีวิต กลุ่มผู้สนับสนุนก็ทะยอย ๆ จากไป หนำซ้ำยังโดนหลอกจากเพื่อนฝูงและคนรู้จัก รวมถึงคนในวงการมวยด้วย (เป็นข้อมูลที่แสนศักดิ์เป็นผู้บอกเอง) การชกครั้งท้าย ๆ ของแสนศักดิ์ เจ้าตัวถึงขนาดลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เอง ซึ่งก็ขาดทุนอีก เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคชาติไทย ที่เพชรบูรณ์ บ้านเกิด ก็ไม่ได้รับเลือก


จนในที่สุด สายตาข้างขวาที่มีปัญหาของแสนศักดิ์ก็บอดสนิท ส่วนตาข้างซ้ายได้รับการผ่าตัดจนมองเห็นได้ ต้องขอรับความช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเดือนละ 7,500 บาท และจากสภามวยโลกอีกเดือนละ 9,000 บาท อาศัยอยู่กับภรรยาใหม่และลูกสาวบุญธรรมที่ดินแดง กรุงเทพฯแสนศักดิ์เสียชีวิตลงในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 15.00 น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี ด้วยอาการลำไส้ฉีกขาด เนื่องจากเป็นหลายโรครุมเร้าด้วยกัน โดยแสนศักดิ์เข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน ได้รับการผ่าตัดแล้วแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นจนเสียชีวิตในที่สุด ด้วยวัย 58 ปี และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่วัดตรีทศเทพ มี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลปัจจุบัน เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 เมษายน ปีเดียวกัน[3]
























เกียรติประวัติ



  • เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2516 ที่สิงคโปร์

  • แชมป์โลกรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท WBC

  • แชมป์โลกรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท WBC

    • ชิง 29 ตุลาคม 2519 ชนะน็อค มิเกล เวลาสเควซ (สเปน) ยก 2 ที่ สเปน

    • ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 15 มกราคม 2520 ชนะน็อค มอนโร บรูค (สหรัฐ) ยก 15 ที่ จ.เชียงใหม่

    • ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 2, 2 เมษายน 2520 ชนะน็อค กัตซ์ อิชิมัตสึ (ญี่ปุ่น) ยก 6 ที่ โตเกียว

    • ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 3, 17 มิถุนายน 2520 ชนะคะแนน เปริโก เฟอร์นันเดซ (สเปน) ที่ สเปน

    • ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 4, 20 สิงหาคม 2520 ชนะน็อค ไมค์ เอฟเวอเรส (สหรัฐ) ยก 6 ที่ จ.ร้อยเอ็ด

    • ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 5, 22 กันยายน 2520 ชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้ (สหรัฐ) ที่ จ.นครราชสีมา

    • ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 6, 30 ธันวาคม 2520 ชนะน็อค โจ คิมปัวนี่ (ฝรั่งเศส) ยก 13 ที่ จ.จันทบุรี

    • ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 7, 8 เมษายน 2521 ชนะน็อค ฟรานซิสโก โมเรโน (เวเนฯ) ยก 13 ที่ จ.สงขลา

    • เสียแชมป์ 30 ธันวาคม 2521 แพ้น็อค คิม ซางฮุน (เกาหลีใต้) ยก 13 ที่ เกาหลีใต้

  • เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ

    • ชิงแชมป์ OPBF รุ่นเวลเตอร์เวทเมื่อ 5 ธ.ค. 2524 แพ้คะแนน ฮวาง ชุงแจ (เกาหลีใต้) ที่ จ.ร้อยเอ็ด

      อยากให้คนไทยชื่นชมในนักกีฬาไทยบ้าง
      เพราะอย่างน้อย เขาก็สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยครับ


      พลรักผี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์