ดูจากมาตรฐานที่ทีมสิงห์น้ำเงินทำไว้ใน 4 นัดแรก บอกได้เลยว่า หากมีทีมอื่นแย่งคว้าแชมป์ไป ทีมนั้นต้องเล่นอย่างเทพ และเนี้ยบในทุกๆ ด้าน
ผมเห็นเกมเชลซีถล่ม เบิร์นลีย์ 3-0 แล้วไม่อยากเชื่อ ทุกอย่างมันลงตัวหมดไม่ว่า ทีมเวิร์ก ความฟิต ความเข้าใจในแท็คติค แถมนักเตะยังเล่นบอลอย่างมีความสุข กระหายชัยชนะจนน่ากลัว
เกมของเชลซีมีครบทั้งความเร็ว สวยงาม ดุดัน เวลาบุกสามารถกดดันคู่แข่งต่อเนื่องแบบชุดใหญ่ เวลารับก็ใช้เพรสซิ่ง บีบให้เล่นผิดพลาดด้วยการรุมเข้าประกบเป็นกลุ่มทีละ 2-3 คน
อย่าว่าแต่เบิร์นลีย์, ทีมอื่นในกลุ่มบิ๊กโฟร์มาเจอแบบนี้บ้าง ก็มีสิทธิเดี้ยงเหมือนกันแหละ
ถ้าจะมีบางจุดที่ยังน่าสงสัยอยู่บ้างคงเป็นเรื่องตัวทำเกมทางริมเส้น ซึ่งตอนนี้ยังใช้แบ๊คสองข้างเป็นหลัก แต่มันก็ไม่ซีเรียสหรอกเพราะหาก ยูริ เชียร์คอฟ ฟิตกลับมาในอีกสอง-สามสัปดาห์ข้างหน้าก็คงช่วยเติมเต็มให้เอง
หรืออย่างเกมรับที่มีลูกเหม่อ ติดประมาทจนพลาดนิดๆ หน่อยๆ ในช่วงแรกๆ ล่าสุดไม่เห็นแล้วนะครับ แสดงว่ากุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ คงย้ำเรื่องสมาธิมาดีขึ้น
อันเชล็อตติกับเชลซีปรับตัวเข้าหากันเร็วมาก เร็วจนมองไม่เห็นรอยต่อของช่วงเปลี่ยนกุนซือ นักเตะแต่ละคนเล่นได้ตามแผน กระทั่งตัวที่ถูกปรับบทบาทเปลี่ยนตำแหน่ง กลับไปกลับมาอย่าง มิชาแอล เอสเซียง ก็สอบผ่านด้วยคะแนนน่าประทับใจ
นัดล่าสุด เอสเซียงเด่นเหลือหลายในฐานะตัวพักบอล-เชื่อมเกมอยู่หน้ากองหลัง เขาไม่ใช่แค่ช่วยป้องกันให้แนวรับแต่ยังเปิดเกมรุกจากหลังขึ้นไป รวมทั้งหาจังหวะสอดเข้าพังประตูได้หลายหน
หลายคนอาจมองว่าคู่แข่งระดับเบิร์นลีย์เป็นรองเยอะ จนเอามาวัดความสามารถเชลซีไม่ได้ แต่ผมเห็นเกมที่สิงห์น้ำเงินปิดประตูตีแมว ไล่กระหน่ำสารพัดรูปแบบตั้งแต่ต้นจนจบแบบสปีดไม่ตกตลอด 90 นาที ยังไงๆ ก็ต้องให้เครดิตกันว่าเก่งและดีที่สุด ณ จุดนี้จริงๆ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เชลซีได้ตั้งมาตรฐานไว้สูงลิบ ใครอยากแย่งแชมป์ด้วยก็ต้องปีนบันไดกันเอาเอง