งูเหลือมกับเชือกกล้วยสำหรับการดวลจุดโทษของเยอรมันและอังกฤษเมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพลาดท่าดวลเป้าให้บาเยิร์น มิวนิคคว้าแชมป์ออดี้ คัพด้วยสกอร์ 7-6 หลังเสมอในเวลา 90 นาที 0-0
รายการออดี้ คัพรอบชิงชนะเลิศ
วันพฤหัสที่ 30 กรกฏาคม 2552
บาเยิร์น มิวนิค 0-0 แมนฯยูฯ
(บเายิร์นเอาชนะด้วยการดวลจุดโทษ 7-6)
ประตู : -
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันส่งไมเคิ่ล โอเว่นลงตัวจริงคู่ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟในขณะที่อันโตนิโอ วาเลนเซียและอันแดร์สันที่ยิงประตูโบคา จูเนียร์สนั่งสำรอง
ด้านบาเยิร์น มิวนิคของหลุยส์ ฟาน กัลยังจัดทัพเกือบชุดเดิมที่ไล่ถล่มเอซี มิลาน 4-1 ลงเล่นครบครันนำโดยมาริโอ โกเมสกองหน้าค่าตัว 30 ล้านยูโรลงยืนหอกคู่มุลเลอร์แข้งดาวรุ่ง
ครึ่งแรก
เปิดมาคู่นี้ก็แลกกันเลยเพราะเป็นทีมที่เล่นเกมรุกโดยธรรมชาติเหมือนกันทั้งสองทีมอยู่แล้วแต่ยามบุกถึงหน้าเขตโทษมักไปไม่รอดเพราะแนวรับทั้งสองทีมยังคุมกันได้ดีอยู่
เล่นมา 10 นาทีแล้วยังไม่มีโอกาสยิงหรือได้เซฟกันเลยโดยฝ่ายบาเยิร์นเหมือนจะดันสูงไล่บีบซะจนแข้งยูไนเต็ดหน้าเขียวกันเลยทีเดียว
อีก 8 นาทีต่อมาโอกาสแรกของวันนี้น่าจะเป็นประตูของพี่เสือเหลือเกินหลังแนวรับยูไนเต็ดคุมหลวมปล่อยให้ฟาน บอมเมลกัปตันทีมแทงบอลจากหน้ากรอบโทษระยะ 25 หลาให้โกเมสหลุดเข้าเขตโทษแต่หอกทีมชาติเยอรมันจับบอลปลิ้นย้อนตัวเลยต้องเร่งยิงจากระยะ 13 หลาแต่กลายเป็นดีบอลพุ่งแสกหน้าฟาน เดอร์ ซาร์ชนคานดังสนั่น
นาที 22 ยูไนเต็ดตัดบอลในแดนตัวเองได้สโคลส์โชว์สายตาแทงเลียดให้โอเว่นทันทีแต่เจอดิมิเคลิสสไลด์ทั้งบอลทั้งคนเล่นเอาอดีตแข้งลิเวอร์พูลกระเผลกเจ็บข้อเท้า ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า
วันนี้ไม่ใช่แมทช์กระชับมิตรธรรมดาแน่อนเพราะเล่นกันหนักจริงจังเหลือเกินเรียกว่าต้องการชัยชนะเพื่อประกาศศักดาความเป็นยอดทีมของทั้งสองประเทศ
เกมรุกของเจ้าถิ่นดูวูบวาบกว่าเพราะแดนกลางเก็บบอลทำเกมได้ดีกว่าปีศาจแดงและนาที 27 บอมเมลคนเดิมได้บอลหน้าเขตโทษแล้วลากแตะเข้าเท้าซ้ายก่อนไหลให้มุลเลอร์หลุดเข้าไปในเขตโทษนิดนึงก่อนยิงแปเร็วแต่บอลไปตรงตัวน้าเอ็ดดี้ซะงั้น นี่ถ้าเลือกมุมไม่น่าเหลือเพราะวิ่งมายิงตามน้ำ
เลยครึ่งชั่วโมงมาแล้วโอเว่นกับเบอร์บาตอฟกลายเป็นวิญญาณไปซะแล้วเพราะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยตอนนี้แนวรับยูไนเต็ดเลยต้องทำงานหนักเพราะพี่เสือต่อบอลมาถึงหน้าเขตโทษตลอดแถมต้องรับมือกับลูกเปิดตรงริมเส้นฝั่งขวาของลาห์มอีกด้วย
นาที 35 ชไวนี่ยิงไกลลูกถนัดนอกเขตแต่ฟาน เดอร์ ซาร์ล้มตัวรับเข้าซองตรงข้างเสาแบบได้เสียว
ปัญหาของทีมเยือนตอนนี้คือเวลาจะทำเกมรุกถูกบีบตั้งแต่แดนตัวเองเรียกว่ากิกส์กับสโคลส์ล้วงบอลต่ำก็เจอไล่พอขึ้นไม่ได้โยนข้ามไปหน้าโอเว่นกับเบอร์บาตอฟก็เจอมาร์ค เกมลักษณะนี้ต้องทำชิ่งเร็วและใช้ผู้เล่นเอาตัวรอดเก่งและเก็บบอลได้อย่างรูนีย์และวาเลนเซียน่าจะทำให้เกมดีขึ้น
แต่นาที 38 ลูกเตะมุมก่อนชุลมุนเคลียรืกันไม่ขาดเป็นเบอร์บาตอฟตวัดยิงแบบหันหลังบอลย้อยข้ามหัวเรนซิ่งชนเสาเกือบเฮกันไป
อีกนาทีเศษๆทีโมชุคแทงทะลุช่องให้โกเมสวิ่งมาล้มตัวตวัดยิงหักข้อในกรอบบอลถากเสาไกลออกไปนิดเดียวเท่านั้น
ครึ่งหลัง
เกมเริ่มมารูปแบบยังคล้ายๆครึ่งแรกโดยที่ป๋าไมได้ปรับเปลี่ยนอะไรทั้งนั้นและนาที 62 ยูไนเต็ดเกือบฉวยโอกาสยิงขึ้นนำจากจังหวะที่เบอร์บาตอฟเก็บบอลตรงเกือบๆปีกซ้ายก่อนลากตัดเข้าในแล้วไหลให้สโคล์ที่วิ่งเหมือนมาจะยิงไกลแต่เจอบีบเลยต้องแหย่ให้โอเว่นหลุดเข้าเขตโทษก่อนตะบันยิงล่อเป้าใส่เรนซิ่งตรงระยะ 7 หลาแต่นายทวารพี่เสือปรี่ออกมาเร็วเลยบล็อกด้วยต้นขาออกหลังไป
เกมของทีมเยือนดูดีขึ้นจนบาเยิร์นเองเริ่มต้องกลับมาตั้งรับกันแล้วและนาที 68 เอวร่าลากจากแบ็คซ้ายตัดเข้าในก่อนแทงให้เบอร์บาตอฟที่ดีดออกปีกให้นานี่รับบอลแล้วแทงออกริมเส้นให้กิกส์กระชากไปป่วนตรงริมกรอบโทษก่อนแตะคืนให้นานี่เปิดเข้าเขตโทษถูกโขกทิ้งมาเข้าทางสโคลส์ที่วิ่งมายิงเต็มข้อบอลเลียดเข้ามือเรนซิ่งที่ล้มตัวรับเอาไว้ได้ทัน
ก่อนหมดเวลา 6 นาทีโอกาสยังเป็นยูไนเต็ดเมื่อกิกส์ได้บอลลากเลื้อยตรงๆขึ้นมาตรงกลางหน้ากรอบโทษแล้วหลอกมองซ้ายตรงนานี่ก่อนแทงทะลุเข้าเขตโทษให้รูนีย์ตัวสำรองหลุดเข้าไปซัดตรงมุมแคบ 6 หลาบอลโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นทั้งคู่ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ต้องดวลจุดโทษหาผู้ชนะและเป็นบาเยิร์น มิวนิคที่แม่นกว่ายิงเอาชนะ 7-6
สรุปการดวลจุดโทษตัดสิน
บาเยิร์น - แมนฯยูฯ
0-1 : กิกส์(เข้า)
1-1 : เบามโยฮันน์(เข้า)
1-2 : อันแดร์สัน(เข้า)
2-2 : บราฟไฮนด์(เข้า)
2-3 : นานี่(เข้า)
3-3 : อัลตินท็อป(เข้า)
3-3 : เอวร่า(ไม่เข้า)
3-3 : ปรานยิช(ไม่เข้า)
3-4 : รูนีย์(เข้า)
4-4 : โซซ่า(เข้า)
ซัดเดนเดธ
4-5 : เฟลทเชอร์(เข้า)
5-5 : อ็อตเทิ่ล(เข้า)
5-6 : สโคลส์(เข้า)
6-6 : บาดสตูเบอร์(เข้า)
6-6 : อีแวนส์(ไม่เข้า)
7-6 : บุยเต็ง(เข้า)
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิค : เรนซิ่ง,ฟิลิป ลาห์ม,เดมิคิลิส(บุยเต็ง น.62),เบรโน่(บาคทูเบอร์ น.62),บราฟไฮนด์,ทีโมชุค(อ็อตเทิ่ล น.77),มาร์ค ฟาน บอมเมล(ปรานยิช น.62),เบามโยฮันน์,เซบาสเตียน ชไวส์ไตนเกอร์(โซซ่า น.62),โกเมส(อันติลท็อป น.62),โธมัส มุลเลอร์(เซเน่ น.77)
แมนฯยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,ดาร์เรน เฟลทเชอร์,ริโอ เฟอร์ดินานด์()แคธคาร์ต น.69,จอนนี่ อีแวนส์,ปาทริ เอวร่า,พอล สโคลส์,ไรอัน กิกส์,นานี่,ดารอน กิบสัน(วาเลนเซีย น.63),ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ(อันแดร์สัน น.78),ไมเคิ่ล โอเว่น(รูนีย์ น.78)
ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee