ที่ว่าร้อนคือ สภาพอากาศนะครับ ไม่ใช่เกมที่ออกจะกร่อยและไม่ค่อยสูสีอย่างที่คิด
เอฟเวอร์ตันออกสตาร์ตได้สุดยอดด้วยประตูของ หลุยส์ ซาฮา แค่ 25 วินาทีแรก แต่หลังจากนั้นก็เป็นรองตลอด เห็นชัดๆ ว่ามาตรฐานยังไม่ถึงระดับบิ๊กโฟร์จริงๆ
เรื่องนี้กระทั่งกุนซือ เดวิด มอยส์ ก็ยังยอมรับ ท็อฟฟี่เมนอาจจะเคยคว่ำ ลิเวอร์พูล แถมเสมอแบบโนสกอร์กับเชลซีในลีกทั้งสองนัด แต่พอมาฉะกันในเกมใหญ่ มีแชมป์เดิมพัน ทีมของมอยส์ก็สู้ไม่ไหว ดีที่สุดแค่ตื๊อไว้ไม่ให้เสียง่ายเท่านั้น
สิงโตน้ำเงินครามแข็งแกร่ง ครบเครื่องและชั้นบอลเหนือกว่า บางทีจุดที่แตกแต่งอาจเป็นเพราะเชลซีมีตัวต่างชาติฝีเท้าระดับโลกอยู่หลายคนไล่ตั้งแต่ อเนลก้า, มาลูด้า, ดร็อกบา รวมทั้ง จอห์น โอบี มิเกล เมื่อรวมกับทีมเวิร์กเนียนๆ เข้าไป ก็เลยค่อยๆ เคี้ยวท็อฟฟี่จนละลายไปในที่สุด
เชลซีเป็นทีมแรกที่จี้ให้เห็นว่าเกมฝั่งขวาของเอฟเวอร์ตันคือ บ่อที่ต้องรีบหานักเตะใหม่มาอุดโดยด่วน แบ๊คขวา โทนี่ ฮิบเบิร์ต ยังฝีเท้าธรรมดา ส่วน ลีออน ออสมัน ไม่ถนัดเกมรับ พอโดนเน้นเจาะหนักๆ เข้าก็รั่วเป็นรูเบ้อเริ่ม
ก่อนหน้านี้ ฝั่งขวาท็อฟฟี่อาจจะดูเฉยๆ ไม่เด่น แต่ก็ไม่ถึงแย่ จนกระทั่งมาเจอลูกโหดของกุส ฮิดดิ้งก์ ที่อ่านเกมขาด โจมตีอีขวาลูกเดียวให้เห็นนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าเอฟเวอร์ตันไม่แก้ตรงนี้ไม่ได้แล้ว
ส่วนเชลซีนอกจากคว้าแชมป์มาชดเชยความผิดหวังจากถ้วยใหญ่ ยังได้แรงบวกเพิ่มด้านจิตใจด้วย
การได้แชมป์แรกนับจากหมดยุค โจเซ่ มูรินโญ่ เหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ของทีม ซึ่งแม้จะไม่มีฮิดดิ้งก์ในฤดูกาลหน้า แต่หากได้ คาร์โล อันเชล็อตติ มาจริงๆ ก็ถือเป็นการแทนที่น่าสนใจ
อย่างแรกคือ อันเชล็อตติชอบบอลเชิงรุกและสร้างสรรค์เหมือนกุส ฮิดดิ้งก์ เชลซีคงไม่เปลี่ยนไปมาก แล้วเรื่องเครดิต ความน่าเชื่อถือ "คาร์เลตโต้" ซึ่งเคยทำทีมมิลานคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกถึง 2 หนก็โอ่อ่าพอตัว
ถ้าจะต้องพิสูจน์กันอยู่บ้าง คงเป็นบุคลิกส่วนตัวที่เฉยและเย็นชาไปหน่อย รวมทั้งการเคี่ยวเรื่องความฟิต ความแข็งแกร่งของนักเตะ ตรงนี้ยังไม่รู้ว่าอันเชล็อตติจะเน้นเท่าฮิดดิ้งก์หรือเปล่า
นิว เชลซี เริ่มต้นด้วยแชมป์เอฟเอคัพ ที่เหลือคือ การผจญภัยที่น่าตื่นเต้นชะมัด