โจทย์ที่ต้องบุกแย่งแต้ม แอสตัน วิลล่า ด้วยสภาพทีมที่เป็นอยู่ มันไกลเกินเอื้อมซึ่งก็เหมือนกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ที่ต้องบุกถล่ม เวสต์แฮม, ทั้งโบโร่และนิวคาสเซิลไม่แกร่งพอจะทำงานนี้ รูปเกมที่เห็นคือ ความจริงทุกอย่าง ความจริงที่ว่าทั้งสองทีมแก้ปัญหาไม่ตก ฮึดไม่ขึ้น เล่นยังไงก็ไม่รอด
สาลิกามีปัญหาตั้งแต่แรก ไมค์ แอชลี่ย์ เจ้าของทีมบริหารงานล้มเหลว ให้งบฯซื้อนักเตะน้อย โดนแฟนบอลด่าก็เอาแต่จะขายทิ้ง แถมใช้คนคุมทีมถึง 4 คน ตั้งแต่ เควิน คีแกน โจ คินเนียร์ คริส ฮิวจ์ตัน อลัน เชียเรอร์ สุดท้ายนอกจากช่วยอะไรไม่ได้ ยังทำให้งานเละตุ้มเป๊ะอีกต่างหาก
ตอนที่เชียเรอร์เข้ามา นิวคาสเซิลแทบไม่เหลือสภาพแล้ว ทีมเวิร์กหาไม่เจอ ความเชื่อมั่นก็น้อยนิดเดียว มิหนำซ้ำยังต้องปวดหัวเรื่องตัวเจ็บเยอะ ทีมที่ไม่ดีพอแต่แรกจึงยิ่งเสียหายหนักเข้าไปใหญ่
ตกชั้นคราวนี้ถึงเจ็บปวด แต่ก็จะเป็นการเว้นวรรคให้สังคายนากันใหม่ แฟนนิวคาสเซิลต้องทำใจว่าคงเสียตัวดังๆ ไปหลายคน ไล่ตั้งแต่ ไมเคิล โอเว่น โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ เควิน โนแลน ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส พวกนี้ไม่แฮปปี้แน่กับการเล่นในแชมเปี้ยนชิพแล้วทีมเองก็จำเป็นต้องขายเพื่อลดต้นทุน
ถ้าจะมีใครที่ "ต้องอยู่" เพื่อกอบกู้ทุกอย่างขึ้นมาใหม่ ย่อมต้องเป็น อลัน เชียเรอร์
เชียเรอร์ยังไม่ใช่กุนซือฝีมือดี แต่ถือว่าใช้ได้และด้วยความเป็นเขาก็เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นตัวรักษาจิตวิญญาณของทีมเชื่อมแฟนบอลกับสโมสรเข้าด้วยกัน
เวลาตกต่ำอย่างนี้ นิวคาสเซิลจะได้เปรียบทีมอื่นตรงมีทูนอาร์มี่ช่วยอุ้มนี่แหละ ถ้าเชียเรอร์อยู่ต่อ แฟนๆ จะมีความหวัง ถึงทีมเปลี่ยน แต่หากเล่นกันอย่างมุ่งมั่น ฮึกเหิม โอกาสเลื่อนชั้นกลับมาก็ไม่น่าจะรอนาน
ผมเคยแอนตี้นโยบายชอบใช้คนกันเองคุมทีมตะพัดตะพือของนิวคาสเซิล แต่คราวนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะกว่าอลัน เชียเรอร์
การทำทีมในแชมเปี้ยนชิพยังเป็นเวทีให้เชียเรอร์เรียนรู้งานเพื่อจะโตขึ้นมาพร้อมกับลูกทีมชุดใหม่ ตรงนี้ท้าทายจะตายแถมไม่หิน ไม่กดดันมากเท่าช่วง 8 นัดที่ต้องพาทีมหนีตกชั้นด้วย
จับตาก้าวต่อไปของนิวคาสเซิลนะครับ