ปีศาจแดงครองแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 18 เท่าสถิติของ ลิเวอร์พูล รวมทั้งเป็นแชมป์ 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดา เมื่อดูจากมาตรฐานของพรีเมียร์ลีก และมาตรฐานของผู้ท้าชิงอย่าง ลิเวอร์พูลกับ เชลซี ที่แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
ยิ่งกว่านั้น การทำเบรกชนะถึง 18 จาก 21 นัดหลังกลับจากไปเตะบอลสโมสรโลกที่ญี่ปุ่น ยังเป็นผลงานสุดยอดที่ต้องยกนิ้วให้
แน่นอนว่ามีหลายนัดที่ แมนฯยูดิ้นรนแทบตายกว่าจะชนะแต่ถ้ามองจากแผนของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งวางไว้แต่แรกว่า จะเร่งเครื่องให้หนักช่วงปลายปี ทำซีรีส์ชนะติดๆ กันในเดือนมกราฯ-กุมภาฯ ก่อนกลับมาเตะแชมเปี้ยนส์ลีก มันก็เหมือนสั่งได้อย่างใจ ทำได้เหมือนที่เคยทำทุกปี
สุดท้ายก็คว้าแชมป์แบบชิวๆ เหมือนทุกปี
ตรงนี้แหละที่บอกว่าทำเรื่องยากให้เป็นง่าย ทุกอย่างเข้าล็อคตามแผนเป๊ะ แทบไม่เปิดโอกาสให้ทีมอื่นเอาซะเลย
บอกตามตรงว่า ผมอยากเห็น แมนฯยูในฤดูกาลหน้ามากๆ
เป็นแชมป์มา 3 ปีติด ถึงเก่งแค่ไหน ก็อาจถึงเวลาต้องเว้นวรรคบ้าง ยกเว้นแต่ เซอร์อเล็กซ์จะเสริมทีมได้เด็ดๆ ในช่วงซัมเมอร์ รวมทั้งไม่เสียใครไปนอกจาก คาร์ลอส เตเวซ คนเดียว
แล้วเรื่องเข้าเบรก ชนะพรวดๆ เป็นสิบนัดติด จะทำได้อีกไหมในเมื่อ ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล จะแข็งแกร่งขึ้น ทีมกลางๆ อย่าง เอฟเวอร์ตัน, ฟูแล่ม, แมนฯซิตี้ ก็พัฒนาขึ้นมาทุกวัน
ฤดูกาลหน้าจับตาดู การตามล้างตามเช็ด ระหว่าง แมนฯยู-ลิเวอร์พูล ล่วงหน้า ได้เลยนะครับ
2 ทีมนี้ คว้าแชมป์ลีกเท่ากันแล้ว ถ้าใครจะแซงหน้า ก็คงยาก ระดับต้องข้ามศพกันไปข้าง
หงส์แดงอาจสภาพรวมเป็นรองอยู่ แต่การคว้ารองแชมป์ด้วยคะแนนสูสี ในปีนี้ ทำให้ทีมของ ราฟา เบนิเตซ มีความมั่นใจขึ้นเยอะ ลิเวอร์พูลรู้แล้วว่า ศักยภาพตัวเอง สามารถไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ขอแค่อุดช่องโหว่อีกนิดหน่อย หากองหน้าเพิ่มอีก คน-สองคน ก็น่าจะพอ
ราฟา ประกาศสงครามกับ เซอร์อเล็กซ์ ไปแล้ว ปีหน้ามีหวังใส่กันเละ!