ซาน อันเดรส" เทพเจ้าคนใหม่ของบาร์เซโลน่า
โช๊คสแลมม รูปนี้มะเกี่ยวฮาดีไม่ว่าจะมีเสียงก่นด่ากรรมการ หรือต่อต้านพฤติกรรมถ่อยของนักเตะเชลซี แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนยอมรับตรงกันก็คือ อันเดรส อิเนียสต้า คือฮีโร่ตัวจริงช่วยให้ทีมเลือดหมูน้ำเงินเข้าชิงชนะเลิศยูซีแอลปีนี้อย่างยิ่งใหญ่ หลายคนอาจแปลกใจที่ผู้พังประตูสำคัญให้บาร์ซ่าไม่ใช่ ซามูแอล เอโต้ หรือลิโอเนล เมสซี่ (ส่วนติตี้ อองรี เป็นไปไม่ได้เพราะไม่มีชื่อลงสนาม) แต่หากเป็นสาวกบาร์เซโลนิสต้าตัวยง คุณจะไม่สงสัยเลยที่เป็น อิเนียสต้า เพราะนอกจากจะปิดทองหลังพระ ช่วยจ่ายให้เพื่อนยิงมานักต่อนักแล้ว ฤดูกาลนี้เขายังระเบิดฟอร์มทำประตูด้วยตัวเองอีกมากมาย ผลงานเช่นนี้ ทำให้หลายๆ ทีมให้ความสนใจรุมแย่งคว้าตัว ทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเจ้าบุญทุ่มแห่งอังกฤษที่ประกาศจ่าย 35 ล้านปอนด์ หรือราว 1,750 ล้านบาท เป็นค่าตัว เท่านั้นไม่พอ ยังมีชื่อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ยูเวนตุส และเรอัล มาดริด คู่แค้นร่วมลีกด้วย แต่เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีวันที่บาร์ซ่าจะปล่อย ขณะที่นักเตะเองก็ยืนยันแล้วว่าจะอยู่โยงในถิ่นกัมป์ นู จนกว่าจะแขวนสตั๊ด อิเนียสต้า นอกจากจะเล่นในบทบาท เพลย์เมกเกอร์ เขายังปรับตัวยืนได้หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่คนใดคนหนึ่งใน 3 ประสานอันตรายอย่าง เอโต้-เมสซี่-อองรี เกิดมีปัญหาลงไม่ิได้ อิเนียสต้าจะได้ทำหน้าที่แทนตลอด มิดฟิลด์อัจฉริยะพัฒนาและยกระดับฝีเท้าได้โดดเด่นในขวบปีที่ผ่านมา ฟอร์มของเขาก้าวสู่สุดยอดนับตั้งแต่ร่วมคว้าแชมป์ยูโร 2008 และกลายเป็นกำลังสำคัญของบาร์ซ่า ซามูแอล เอโต้ ดาวยิงแคเมอรูนเคยกล่าวไว้ตั้งแต่เดือนก่อนว่า ในสายตาของเขาแล้ว อิเนียสต้าคือสุดยอดนักเตะของโลกในนาทีนี้ เพราะมีส่วนร่วมกับทีมทั้งรุกและรับ แถมยังสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ทุกครั้งที่ลงสนาม เกมกับเชลซี อิเนียสต้าก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เอโต้พูดไม่ได้เกินจริง ยิ่งมีคำการันตีจาก โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานแข้ง และกุนซือเทวดาชาวดัตช์ของบาร์เซโลน่าออกมายกย่องด้วยแล้ว ใครก็ไม่กล้าแย้ง ครัฟฟ์ยกย่องให้อันเดรส อิเนียสต้า สมควรได้รับลูกฟุตบอลทองคำ หรือ บังลงดอร์ จากการโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งในทีมชาติสเปน และบาร์ซ่า เขากลายเป็นดาวจรัสแสง ที่แตกต่างจากซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ เพราะนอกจากจะทำตัวโลว์โปรไฟล์ มิดฟิลด์วัย24 ยังขี้อาย ไม่สู้กล้อง มีเพียงรอยยิ้มเก้อเขินเท่านั้นที่มักปรากฏสู่สายตาแฟนๆ แม้หลังจากที่เป็นฮีโร่ยิงประตูสุดสวยให้ทีมไล่ตีเสมอเชลซี 1-1 ผ่านเข้าชิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนี้ได้ เจ้าตัวก็ยังบอกว่าไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะยิงประตูที่เหลือเชื่อ และมีความหมายมากขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน อิเนียสต้าก็ขอถ่อมตัวไว้ก่อน แม้จะต้องเป็นสำรองบ้างในถิ่นกัมป์ นู เขาก็ไม่เคยปริปากบ่น แต่เมื่อได้รับโอกาส สิ่งที่ซาน อันเดรส ตอบแทนสโมสรก็คือผลงานที่ดีทีุ่สุดเท่าที่จะทำได้ อิเนียสต้าเปรียบเสมือนอาวุธลับของบาร์ซ่า ที่มักจะหยิบออกมาใช้ยามจำเป็นเสมอ เขาไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง แต่มักสร้างความผิดหวังให้คู่แข่งตลอด ไม่เชื่อลองถามเชลซีดูก็ได้ ปีนี้ จึงเป็นปีทองของอิเนียสต้า ที่แจ้งเกิดก้าวขึ้นสู่ทำเนียบยอดนักเตะของโลก แต่มิดฟิลด์ผู้นี้คงไม่ต้องการเกียรติยศส่วนตัวใดๆ นอกจากร่วมคว้า 3 แชมป์ กับบาร์เซโลน่าในฤดูกาลนี้เท่านั้น
ขณะที่สื่อมวลชนในสเปนก็รุมรัก ทุกฉบับสรรเสริญเยินยอยกให้เขาเป็นฮีโร่ของชาติ จากเพลย์เมกเกอร์หน้าจืด หรือมิดฟิลด์ขี้อาย ฉายาเด็กหน้าโบสถ์ เขากลายเป็น ซาน อันเดรส (San Andres) หรือเทพเจ้าคนใหม่ของบาร์ซ่าไปแล้ว
ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล