
เชลซีน้ำตาตกเป็นสายเลือดหลังกำลังเตรียมฉลองเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นปีที่สองติดต่อกันแต่อยู่ดีๆมาเจอลูกโคตรทีเด็ดยิงไกลของอันเดรีย อิเนสต้าเสียบสามเหลี่ยมช่วงทดเจ็บจนกลายเป็นบาร์เซโลน่าที่เสียเปรียบเหลือ 10 ตัวหลังอบิดัลถูกไล่ออกเข้าไปทำศึกหยุดโลกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โรมท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นเชลซีตอนจบเกมอย่างหนักหน่วง
แชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศเลกสอง
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2552
เชลซี 1-1 บาร์เซโลน่า
(บาร์เซโลน่าเข้าชิงด้วยกฏอเวย์โกล์หลังสกอร์รวมสองนัดเสมอ 1-1 )
ประตู : 1-0 เอสเซียง น.9,1-1 อิเนสต้า น.90+2
ครึ่งแรก
แค่นาทีที่ 2 เชลซีน่าจะได้โอกาสทองสุดๆหลังเทอร์รี่เพรสซิ่งเมสซี่ถึงแดนอีกฝั่งตรงกลางจนบอลลั่นก่อนวิ่งมาสไลด์แทงให้ดร็อกบายืนไลน์เดียวกับกองหลังตัวสุดท้ายได้ควบหลุดเดี่ยวตรงระยะ 30 หลาแต่พี่แมลงสาบจับบอลแย่มากปลิ้นห่างตัวจริงแนวรับบาร์ซ่ามาเก็บตกรับกินแบบเฮงๆ

อีก 3 นาทีเชลซีแอบหนาวหลังเจอบาร์ซ่าขึงเกมในกรอบโทษจากลูกที่เมสซี่ทะลุไปถึงเส้นหลังแล้วเปิดบอลไปติดบัลลัคก่อนนัวเนียจนเชลซีมาเคลียร์บอลแฉลบอิเนสต้าบอลย้อยไปหน้าปากประตูตัวเองร้อนถึงกองหลังต้องเคลียร์ออกมา
แต่แล้วเกมที่กำลังยันกำลังดูเชิงกันอยู่นั้นนาทีที่ 9 เชลซีมาขึ้นนำเดหลือเชื่อจากจังหวะที่แลมพาร์ดเปิดบอลหน้ากรอบโทษไปอัดก้นยาย่า ตูเร่ก่อนที่บอลย้อยมาเข้าทางเอสเซียงที่ตะบันตามน้ำด้วยอีซ้ายแบบไม่ต้องรอให้ตกบอลพุ่งแรงแฉลบคานกระเด้งลงพื้นก่อนเสียบเพดานตาข่ายเข้าไปอย่างสุดมัน ยิงไปได้ยังไงไม่รู้ขาข้างไม่ถนัดแถมบอลลอยโด่งแบบนั้นสามารถยิงไม่ให้โด่งจุดพลุเหมือนคนอื่นๆ สุดติ่งจริงๆ
นำแบบนี้เข้าทางเชลซีแล้วเพราะหลังจากนั้นก็หันมาเล่นอุดแบบเลกแรกที่คัมป์นูและตอนนี้แข้งเจ้าบุญทุ่มเป็นนฝ่ายไล่นวดและครองบอลมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
นาที 21 อัลเวสขอลองยิงฟรีคิกไกล 30 หลาและวิถีบอลพุ่งน่ากลัวก่อนฮุบลงเฉี่ยวโคนเสาแบบได้เสียวสุดๆ
อีก 2 นาทีต่อมาบาร์ซ๋าเกือบพังอีกหลังแลมพ์วางบอลยาวจากกลางสนามหลังดูดลงสวยจนดร็อกบาวิ่งควบทะยานไปหน้ากรอบโทษยังดีที่บัลเดสวิ่งออกมาใช้ขาเคลียร์บอลเส้นยาแดงผ่าแปดไม่งั้นเจอฉกไปยิงโล่งๆแน่นอน
นาที 25 เชลซีน่าจะได้จุดโทษหลังอัลเวสไปขวางมาลูด้าทางกรอบโทษฝั่งซ้ายตรงเส้นหลังยังดีทอม เฮนนิ่ง ออฟเรโบ้ผู้ตัดสินให้ฟรีคิกนอกเส้นนิดเดียวก่อนที่ดร็อกบาจะรับหน้าที่ยิงยัดไส้กะให้โดนใครคนใดคนนึงจนบัลเดสต้องล้มตัวปัดบอลแฉลบออกหลังไปแบบน่าเข้าเหลือเกิน
ทีมเยือนป่วนหนักอีกนาทีเดียวดร็อกบาใช้ความใหญ่ควบทะลุหลุดเข้าเขตโทษโดยมีอบิดัลคอยดึงคอยฉุดแถมขัดขาจนแมลงสาบล้มลงก่อนที่บัลเดสจะมาล้มตัวตระครุบแย่งจากขา เชลซีชวดได้จุดโทษอีกแล้ว
เกมกลับมาเซ็งๆเพราะเกมรุกของบาร์ซ่าเหมือนจะเจอทางตันเหมือนในเลกแรกโดยลีโอเนล เมสซี่เงียบฉี่เช่นเคยส่วนลูกทำชิ่งของเหล่าเพลย์เมคเกอร์ก็แค่ดีในระดับนึงแต่ไม่พอสำหรับการเจาะแนวรับอันสุดยอดของรองแชมป์เก่า
ครึ่งหลัง
เปิดมาก็เหมือนเดิมคือบาร์ซ่าใช้ทักษะบอลและทีมเวิร์คที่เหนือกว่าต่อบอลขึงเกมแต่ดูแล้วการยืนคุมเกมรับของเชลซีทำให้ทีมเยือนดูไม่อันตรายถึงขนาดจะเข้ามาเจาะในเขตอันตรายได้เลย
แต่นาที 52 ไม่น่าเชื่อว่าเชลซีไม่ได้ประตูหลังอเนลก้าลากมาถึงหน้าเขตโทษดึงตัวผู้เล่นกรูตามมาก่อนไหลให้ดร็อกบาได้วิ่งวางเท้าจะยิงจนปิเก้วิ่งหน้าตั้งสไลด์ทั้งตัวบล็อกแต่บล็อกลมเพราะไอ้แมลงสาบดึงหลอกก่อนแปยิงเหน่งๆด้วยซ้ายตัวต่อตัวกับบัลเดสแต่บอลเจ้ากรรมติดขาจอมหนึบเหลือเชื่อ
ต้องบอกว่าเชลซีสู้อยู่ได้นอกจากแนวรับแล้วดร็อกบามีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะเพื่อนสามารถลดความกดดันที่จะต่อบอลเสี่ยงเสียในแดนตัวเองด้วยการวางยาวให้แข้งทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ใช้ความใหญ่เล่นงานคู่เซนเตอร์ได้ตลอดเรียกว่ายาย่า ตูเร่เบียดสู้ไม่ได้แม้จะทั้งดึงทั้งยื้อจนสุดท้ายต้องล้มตัวสไลด์ทั้งบอลทั้งคนจนแมลงสาบหันมามองผู้ตัดสินพอไม่ได้จุดโทษทีนี้ดิ้นพล่านเหมือนเด็กถูกแย่งฮอลล์สามเม็ดบาทเลยทีเดียว
ถึงตอนนี้แล้วโอกาสตีเสมอของเจ้าบุญทุ่มต้องอยู่ที่ลูกนิ่งอย่างเตะมุมหรือฟรีคิกแม่นๆอย่างเดียวแล้วเพราะต่อบอลสั้นไม่ได้ผลแถมการเปิดบอลจากริมเส้นไม่ใช่สไตล์ของยอดทีมจากแคว้นคาตาลันอยู่แล้ว
นาที 65 เมสซี่สามารถสลัดการประกบของโบซิงวาได้เป็นครั้งแรกก่อนลากตะแคงเข้าขาซ้ายก่อนยิงตะบันเต็มข้อบอลเหินข้ามคานปลิ้นออกไปเอง
อย่างไรก็ตามอีกนาทีเดียวถัดมาบาร์ซ่าโคม่าหนักเมื่อเหลือ 10 ตัวจากลูกสาดยาวขึ้นมาเป็นดร็อกบาเทคตัวโขกเช็ดให้อเนลก้าวิ่งสอดขึ้นมากำลังจะเข้าเขตโทษแต่อบิดัลไปสะกิดขาอเนลก้าจนล้มลง เลยเจอใบแดงเศร้าใจกันไป
ตัวมากกว่าเชลซีคะนองทันทีและนาที 71 แลมพ์บอกไม่ได้ยิงแฉลบเข้าประตูมานานแล้วเลยส่องนอกกรอบ 20 หลาซักหน่อยบอลถูกกองหลังเปลี่ยนทางนิดนึงแต่บัลเดสยังไวล้มตัวตระครุบได้ทัน
ความพยายามยิงฟรีคิกของอัลเวสยังไม่สำริจผลเพราะจังหวะที่อเล็กซ์ทำฟาว์ลก็ระยะน่าลุ้น 25 หลาแต่วิงแบ็คแซมบ้าปั่นโด่งข้ามคานออกไปเอง
วันนี้เชลซีไมได้จุดโทษคงนอนไม่หลับหลังก่อนหมดเวลา 8 นาทีอเนลก้าเก็บตกบอลในเขตโทษก่อนกระดกบอลไปถูกแขนปิเก้เต็มๆแต่ผู้ตัดสินทอม เฮนนิ่ง ออฟเรโบ้ยังใจแข็งส่ายหัวโล้นๆท่าเดียว
พระเจ้า!!อุตสาห์พาดหัวเชลซีเข้าชิงรอไว้แล้วแต่ช่วงทดเจ็บบาร์ซ่ามาตีเสมอสุดช็อกจากลูกฮึดสุดท้ายจากจังหวะที่เจ้าถิ่นเคลียร์กันไม่ดีทำให้เอโต้มาเก็บตกแล้วฝากบอลให้เมสซี่ที่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะบอลเข้าเท้าขวาก่อนไหลให้อิเนสต้ายิงสวนนอกเขตตูมเดียวบอลติดไซด์หนีมือเช็กยัดสามเหลี่ยมเข้าไปไม่มีเหลือ
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 เชลซีมากันทั้งทีมรวมทั้งเช็กด้วยหลังได้เตะมุมแถมบัลลัคยิงไปถูกแจนผู้เล่นบาร์ซ่าที่หันหลังบล็อกแต่กรรมการใจแข็งไม่ให้อีกเล่นเอาบัลลัควิ่งโวยตามเอามือปัดหลังจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว สุดท้ายมาเจอใบเหลืองที่หลัง
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,โจเซ่ โบซิงวา,จอห์น เทอร์รี่,อเล็กซ์,แอชลีย์ โคล,มิกาเอล เอสเซียง,แฟร็งค์ แลมพาร์ด,มิชาเอล บัลลัค,ฟลอร็องต์ มาลูด้า,นิโกลาส์ อเนลก้า,ดิดิเยร์ ดร็อกบา(เบลเล็ตติ น.72)
บาร์เซโลน่า: บิคตอร์ บัลเดส,ดาเนี่ยล อัลเวส,เอริค อบิดัล,เคราร์ด ปิเก้,ยาย่า ตูเร่,เซอร์กี้ บุสเกตส์(โบยาน น.85),ชาบี้,อันเดรียส อิเนสต้า(กุดยอห์นเซ่น น.90+5),ซามูเอล เอโต้,ลีโอเนล เมสซี่
Chief Executive of the Premier League, Richard Scudamore (left) and Chelsea's Chairman Bruce Buck (right) in the stands





































ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว