![]() เจอร์ราร์ดพาทีมคว้าแชมป์ปี 2006 |
เพราะค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปีศาจแดงมีอันต้องหลุดวงโคจรบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง เอฟเอคัพ แบบน่าเสียดาย เมื่อพ่ายการดวลจุดโทษ ปล่อยให้ เอฟเวอร์ตัน เข้าไปชิงกับ เชลซี อย่างเจ็บปวด
เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เดอะ ซัน แทบลอยด์ชื่อดังของเมืองผู้ดีจึงทำการจัดอันดับท็อปเท็นนัดชิงเอฟเอคัพในความทรงจำนับตั้งแต่ทำการแข่งขันกันมาร่วม 137 ปีเต็ม...
10.ปี 1958 โบลตัน ชนะ แมนฯยู 2-0
ความสำคัญของนัดชิงในปีนั้นคือการผ่านถึงรอบชิงชนะเลิศของแมนฯยูทั้งที่ต้นปีนั้นเพิ่งจะเผชิญกับโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่มิวนิกซึ่งคร่าชีวิตนักเตะในทีมไปถึง 6 ราย
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับโบลตัน โดยเฉพาะลูกยิงสุดกังขาที่ แฮร์รี่ เกร็กก์ นายทวารแมนฯยูรับลูกจนอยู่มือแล้วแต่โดนชนจนตัวหลุดข้ามเส้นประตู และกรรมการเป่าให้เป็นประตูเฉยเลย!
9.ปี 1970 เชลซี ชนะ ลีดส์ 2-1
ปีนั้นเป็นครั้งแรกที่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพไม่สามารถตัดสินกันได้ที่ สนามเวมบลีย์ เมื่อทั้ง 2 ทีมเสมอกันไป 2-2 ในเวลา 120 นาที และต้องมาดวลกันอีกครั้งที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในอีก 18 วันถัดมา
คราวนี้หลังจากยิงกันไปฝั่งละประตูในเวลา 90 นาที เกมก็เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษอีกครั้ง และ เดฟ เว็บบ์ ใช้ "แก้ม" กระแทกบอลเข้าประตูให้เชลซีได้รับชัยชนะในที่สุด
8.ปี 1979 อาร์เซน่อล ชนะ แมนฯยู 3-2
เริ่มต้นจาก ไบรอัน ทัลบ็อต กับ แฟร้งก์ สเตเพิลตัน ทำคนละประตูให้ปืนใหญ่ขึ้นนำในครึ่งเวลาแรก แต่ขณะที่เหลือเวลาอีก 4 นาทีอาร์เซน่อลจะเป็นแชมป์ กอร์ดอน แม็คควีน ก็ตีไข่แตกให้ผีแดง ก่อนที่ แซมมี่ แม็คอิลรอย จะตีเสมอในอีก 2 นาทีถัดมา
ขณะที่ผู้เล่นอาร์เซน่อลมีท่าทีตื่นตระหนกจากการถูกตีเสมออย่างเหลือเชื่อ อลัน ซันเดอร์แลนด์ ก็ฮึดเฮือกสุดท้ายเข้าไปทำประตูชัยให้ปืนใหญ่ก่อนหมดเวลานาทีเดียว
...จนเกมนี้ถูกเรียกขานว่า Five-minute Final หรือ "5 นาทีชี้ชะตา" มาจนกระทั่งปัจจุบัน
7.ปี 1973 ซันเดอร์แลนด์ ชนะ ลีดส์ 1-0
แค่รู้คู่ชิงนัดดังกล่าว ใครต่อใครต่างก็ให้ทีมสุดแกร่งอย่างลีดส์เป็นต่อทีมจากดิวิชั่น 2 อย่างแมวดำอยู่หลายช่วงตัว แต่พอถึงเวลาจริง ทีมรองที่ฟอร์มขาดๆ เกินๆ ก็เรียกความมั่นใจได้จากลูกวอลเลย์ของ เอียน พอร์เตอร์ฟีลด์ ในนาที 31
แต่ที่ต้องให้เครดิตกันเต็มๆ ก็คือ จิม มอนต์โกเมอรี่ ผู้รักษาประตูซันเดอร์แลนด์ซึ่งโชว์การป้องกันงามๆ ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
โดเยฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันลูกโหม่งของ เทรเวอร์ เชอร์รี่ ก่อนจะตั้งหลักแล้วพุ่งปัดการซ้ำประตูของ ปีเตอร์ ลอริเมอร์ อย่างทันทีทันใด จนทำให้ทีมคว้าแชมป์ไปในที่สุด
6.ปี 1981 สเปอร์ส ชนะ แมนฯซิตี้ 3-2
เป็นอีกครั้งที่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพต้องตัดสินกันในนัดแข่งใหม่ ซึ่งเพียงแค่ 11 นาทีแรก ต่างฝ่ายต่างก็ยิงกันไปข้างละประตูอย่างสนุกสนานตื่นเต้น
จากนั้นเรือใบสีฟ้าก็ขึ้นนำหลังเริ่มครึ่งหลังได้เพียง 5 นาที แต่สเปอร์สก็แก้คืนได้ 2 ประตูติดๆ กันในนาที 70 และ 76 โดยเฉพาะประตูชัยของ ริคาร์โด้ บีญ่า ที่โชว์ทักษะเลี้ยงหลบกองหลังคู่ต่อสู้และบรรจงยิงเข้าไปอย่างสวยงาม
5.ปี 1990 แมนฯยู เสมอ คริสตัล พาเลซ 3-3
นักเตะพาเลซต่างก็ฮึกเหิมจากการเขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบมาก่อนหน้านั้น และเป็นฝ่ายขึ้นนำยอดทีมอย่างแมนฯยุในนาทีที่ 18 จากลูกโหม่งของ แกรี่ โอไรลี่ แต่ ไบรอัน ร็อบสัน ก็ตีเสมอให้ปีศาจแดงได้ก่อนหมดครึ่งแรก
เข้าครึ่งหลัง มาร์ก ฮิวจ์ส ยิงให้แมนฯยูขึ้นนำบ้าง แต่ เอียน ไรต์ ที่ขาหักจนอดเล่นเกือบตลอดฤดูกาลก็แจ้งเกิดเต็มตัวจากการยิงประตูตีเสมอและอีกลูกให้ทีมขึ้นนำในช่วงต่อเวลาพิเศษ
แต่ท้ายที่สุด ฮิวจ์สก็ทำอีกลูกให้ผีแดงจนลงเอยด้วยการเสมอในที่สุด
4.ปี 1988 ลิเวอร์พูล แพ้ วิมเบิลดัน 0-1
วิมเบิลดันอาศัยลูกโยนยาวต่อกรกับหงส์แดงซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดทีมแห่งยุคได้อย่างสนุกสูสี โดยมี เดฟ บีแซนต์ ทำหน้าที่กำแพงเหล็กป้องกันลูกยิงของฝ่ายตรงข้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
ลอว์รี่ ซานเชซ ขึ้นโหม่งบอลให้วิมเบิลดันขึ้นนำในนาที 37 หลังลูกยิงของ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ถูกเป่าว่าล้ำหน้า และบีแซนต์การันตีชัยชนะให้ทีมตัวเองในเวลาต่อมาด้วยการป้องกันลูกโทษที่จุดโทษของ จอห์น อัลดริดจ์ ในช่วงครึ่งหลัง
3.ปี 1987 โคเวนทรี ชนะ สเปอร์ส 3-2
แค่เริ่มเกมได้เพียง 2 นาที ไคลฟ์ อัลเลน ก็โหม่งประตูที่ 49 ของฤดูกาลให้ตัวเองเป็นการเบิกร่องให้กับสเปอร์ส แต่ดีใจได้แค่ 7 นาที โคเวนทรีก็ตีเสมอได้จาก เดฟ เบนเน็ตต์
หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างทำอีกประตูจนเสมอกัน 2-2 ต้องตัดสินด้วยการต่อเวลาพิเศษ ซึ่งเชื่อว่าคืนนั้น แกรี่ แม็บบัตต์ คงนอนไม่หลับแหงๆ เพราะเจ้าตัวดันสกัดบอลพลาดทำลูกเข้าประตูตัวเองหยิบยื่นชัยชนะให้โคเวนทรีซะอย่างงั้น!
2.ปี 1953 แบล๊คพูล ชนะ โบลตัน 4-3
3 จาก 4 ประตูของแบล๊คพูลมาจากฝีเท้าของ สแตน มอร์เตนเซ่น ซึ่งได้รับเครดิตในฐานะผู้ทำแฮตทริคในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นคนแรก แต่ "พระเอก" ของงานอย่างแท้จริงในวันนั้นคือ สแตนลีย์ แม็ทธิวส์ ปีกแบล๊คพูลวัย 38 ปีต่างหาก
ทั้งที่ตกเป็นรองถึง 1-3 ขณะเริ่มครึ่งหลังไปแล้ว 10 นาที แม็ทธิวส์ก็ระเบิดฟอร์มสุดยอดขับเคลื่อนเกมรุกให้แบล๊คพูลและเปิดบอลให้เพื่อนทำ 3 ประตูรวด เป็นการลบฝันร้ายที่เคยพลาดแชมป์ไป 2 ครั้งที่น่าจดจำที่สุดสำหรับเจ้าตัวเลยทีเดียว
1.ปี 2006 ลิเวอร์พูล เสมอ เวสต์แฮม 3-3 (ลิเวอร์พูลชนะดวลลูกโทษ 3-1)
ใครๆ ต่างก็คาดหมายว่าหงส์แดงคงได้ชูถ้วยแชมป์แบบไม่ยากเย็นนัก แต่อะไรกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อ เจมี่ คาราเกอร์ ทำลูกเข้าประตูตัวเองในนาที 21 และ ดีน แอชตัน พาขุนค้อนนำห่าง 2-0 ในอีก 7 นาทีต่อมา
หลังจากลิเวอร์พูลก็ฮึดตีเสมอได้จาก ฌิบริล ซิสเซ่ กับ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เวสต์แฮมก็หนีห่างไปอีกครั้งในนาที 63 แต่ก่อนที่ถ้วยจะหลุดมือไป เจอร์ราร์ดเจ้าเก่าก็ซัดลูกยิงระยะ 37 หลาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บตีเสมอได้อย่างเหลือเชื่อ จนต้องดวลลูกโทษตัดสินในที่สุด
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday