เกมล่าสุดที่บุกถล่มคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด 4-1 ยิ่งเป็นนัดแห่งความทรงจำ ลิเวอร์พูลเล่นเกมนั้นอาจไม่ดีที่สุด แต่มีประสิทธิภาพที่สุด ทั้งเฉียบขาด เหี้ยมเกรียม ทำอะไรถูกไปหมด และได้อย่างใจเกือบทุกอย่าง
ถ้าไม่นับจุดโทษลุกแรกที่เสียแบบไม่น่าเสีย ส่วนที่เหลือของเกมล้วนเทมาอยู่ข้างหงส์แดง ตรงข้ามกับแมนฯ ยู ซึ่งเจอวัน "ผีออก" เล่นยังไงก็ผิด ไอ้ที่ไม่เคยพลาดก็พลาดให้เห็นกันจะจะ
ผมสงสาร เนมันย่า วิดิช จับใจ หมอนี่ฟอร์มเจ๋งจนเป็นตัวเต็งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี แต่พอเป็นเหยื่อ เฟร์นันโด ตอเรส ในเกมนี้ เครดิตก็หายเพียบ แถมยังอาจจะเสียความมั่นใจไปอีกไม่น้อย
ความจริงสิ่งที่เกิดกับวิดิช ก็เหมือนเกิดกับแมนฯยู ทั้งทีม คือเป็นฝันร้าย ต้องรีบๆ ลืมไปซะ แล้วมองไปข้างหน้าอย่างเดียว
ปีศาจแดงไม่ได้เสียแชมป์พรีเมียร์ลีกจากนัดนี้แน่ แต่ถ้าจะเสียก็เพราะทำใจไม่ได้ แล้วพลาดในเกมที่เหลือต่างหาก
นี่คือเรื่องที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คงหวั่นใจ และต้องรักษาแผลอย่างรอบคอบ ถือซะว่าเป็นความท้าทายของทีมที่จะเป็นแชมเปี้ยนแหละคับ แมนฯ ยูไนเต็ดก็มีเลือดมีเนื้อ มีความผิดพลาด แต่ถ้าเหนือกว่าทีมอื่นจริง ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นในเวลาที่ยากลำบากแบบนี้
ลิเวอร์พูลก็เหมือนกัน เกมที่เกือบเพอร์เฟคท์ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด จะกลายเป็นแค่ความทรงจำหรูๆ เป็นแค่สถิติ เป็นความหลังดีๆ ไม่ได้ แต่ต้องใช้เป็นจุดสตาร์ตเพื่อชนะรวดอีก 9 นัดที่เหลือในลีก รวมทั้งเป็นต้นทุนสู่การล่าแชมป์ยุโรปด้วยจึงถือว่ามีคุณค่าจริงๆ
ก่อนเกมวันเสาร์ ผมอยากเห็นนักเตะหงส์แดงมุ่งมั่น เพื่อรักษาหน้า ไม่ให้โดนแมนฯยูทิ้งห่างเกินไป แต่เมื่อทำได้แล้ว มันก็ต้องลุยต่อ เพื่อจบฤดูกาลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
โอกาสคว้าแชมป์ของลิเวอร์พูลยังยากอยู่ แต่จะมีอะไรเสียหล่ะ ในเมื่ออุตส่าห์จุดประกายขึ้นมาแล้ว ลองสู้ต่อเพื่อทดสอบตัวเอง ก็น่าจะสนุกดีออก
แชมป์-ไม่แชมป์ ช่างมัน แค่นี้เดอะค็อปก็ปาร์ตี้ได้ทั้งปี ที่เหลืออีก 9 นัดแค่ใส่เต็มๆ จบสวยๆ ก็ไม่มีใครกล้าด่า
หงส์แดงไม่กดดัน และมีแต่จะได้กำไร