ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าเสียดายนะครับ เสียดายลิเวอร์พูลที่อุตส่าห์ทำผลงานดีสุดตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีก แต่ก็ยังไม่น่าจะพออยู่เหมือนเดิม
หงส์แดงต้องชนะทุกนัดที่เหลือ แล้วแช่งให้แมนฯยูหัวทิ่มเองจึงจะมีโอกาสพลิกกลับมาซึ่งแน่นอนว่า ยากชะมัด ความเป็นไปได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์เองมั้ง
ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสกันไปเอง อย่างช่วงนี้ที่มีโปรแกรมเตะมากกว่าผีแดง ถ้าทีมของ ราฟา เบนิเตซ เอาชนะได้ทั้งแมนฯซิตี้กับอีก 2 นัดต่อไปที่จะเจอมิดเดิ้ลสโบรช์และซันเดอร์แลนด์ แต้มก็จะขยับแซงขึ้นนำจ่าฝูงทันที เนื่องจากแมนฯยูมีคิวชิงคาร์ลิ่งคัพกับสเปอร์สวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม กว่าจะกลับมาเล่นบอลลีกอีกทีก็เป็นเกมบุกเยือนนิวคาสเซิลวันพุธที่ 4 โน่น
แต่หงส์แดงก็พลาดเสียแต้มในบ้านให้เรือใบ และทำให้แฟนๆ ตั้งคำถามขึ้นมาอีกว่าราฟา เบนิเตซ จะมีโอกาสทำทีมชนะแมนฯยูในการแย่งแชมป์บอลลีกบ้างไหม ในเมื่อยังยึดสไตล์รัดกุมไม่ค่อยกล้าได้กล้าเสียอยู่แบบนี้
นัดเจอแมนฯซิตี้ซึ่งต้องฟัน 3 แต้มแท้ๆ ลิเวอร์พูลก็ยังระวังตัวไม่ยอมใส่เต็มๆ ช่วงท้ายๆ ที่ต้องบี้ให้อยู่ กองหลังกลับไม่กล้าเติมไม่กล้าดัน ทำให้ขยี้คู่แข่งไม่ต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่เกมรับเรือใบออกอาการป้อแป้แล้วแท้ๆ
การเลือกนักเตะลงสนาม บางตำแหน่งก็เห็นชัดว่า
ยึดเกมรับเป็นหลักอย่างตัวเซ็นเตอร์ ผมไม่เชื่อแฮะว่า มาร์ติน สเคอร์เทล จะดีกว่า ดาเนียล แอกเกอร์ โอเคว่า สเคอร์เทลได้เปรียบลูกหนัก แต่แอกเกอร์ดูฉลาดกว่า แถมเติมเกมบุกดี ยิงไกลก็น่ากลัว สามารถเป็นอาวุธเสริมให้ทีมได้
เสียดายที่ราฟาไม่ชอบ ซึ่งเหตุผลก็คงคล้ายๆ กับการเลือก ลูคัส ลงสนามบ่อยๆ หรือชอบ อัลเบิร์ต ริเอร่า มากกว่าจะให้โอกาส ไรอัน บาเบิ้ล นั่นแหละ
บอลเชิงรับรอบคอบรัดกุมของราฟา เบนิเตซ จะดีก็ต่อเมื่อทีมได้เปรียบยิงประตูนำ มีคะแนนนำ แต่ถ้าตกเป็นรอง ต้องไล่กลับมาก็จะดูขัดหูขัดตาอย่างที่เห็น
แล้วถ้ายังฮึดไม่ขึ้น แม้แต่อันดับ 2 ก็ยังต้องระวังให้ดี เพราะเชลซีของกุส ฮิดดิ้งก์ถูกปลุกให้ตื่นแล้วนะครับ