โคตรแม่มัน!!! หงส์ตามสองหนตอร์เรสนำชัยทดเจ็บ

โคตรแม่มัน!หงส์ตามสองหนตอร์เรสนำชัยทดเจ็บ

สุดยอดเกมแห่งปีของหงส์แดงลิเวอร์พูลเมื่อจากที่ส่อแววจะอับโชคแพ้ให้ปอร์ทสมัธถึงสองครั้งสองคราแต่สุดท้ายรางวัลตอบแทนที่วันนี้เล่นดีสุดยอดมาบังเกิดในช่วงทดเจ็บจากลูกโขกของเฟร์นานโด ตอร์เรสคว้าชัยสุดระทึก 3-2 แซงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำจ่าฝูงชั่วคราวแล้ว

ปอร์ทสมัธ 2-3 ลิเวอร์พูล

ประตู :
1-0 นูเจนท์ น.62,1-1 ออเรลิโอ น.68,2-1 ไฮร์ดาร์สสัน น.77,2-2 เคาท์ น.85,2-3 ตอร์เรส น.90+1

ราฟาเอล เบนิเตซทำให้เดอะค็อปเมื่อยปากตั้งแต่เห็นรายชื่อ 11 ตัวจริงเมื่อส่งผู้เล่นที่เป็นตัวรับลงมากมายถึง 7 ตัวและพักเฟร์นานโด ตอร์เรสและชาบี้ อลอนโซ่ไว้ที่ข้างสนามโดยใช้ดาวิด เอ็นก็อกยืนเป็นกองหน้าตัวเดียว

ด้านปอร์ทสมัธเจ้าถิ่นที่ไม่ชนะใครมา 8 นัดใช้เคราช์คู่นูเจนท์มาเปิดแลกจะเอาสามแต้มเพราะสถานการณ์ไม่ดีร่วงมาอยู่อันดับ 16 แล้ว

ต้นเกมกลายเป็นหงส์แดงที่ต่อบอลทำเกมเข้าใส่ก่อนแต่ต้องดูว่าจะยืนระยะแบบนี้ได้นานแค่ไหนเพราะต้นครึ่งแรกกับต้นครึ่งหลังมักจะคะนองแบบนี้ทุกที

นาทีที่ 6 เคราช์เกือบยิงทีมเก่าหลังแคมป์เบลล์สาดยาวให้นูเจนท์วิ่งตีคู่เข้าเขตโทษกับคาร์ราเกอร์ก่อนที่หอกตัวเก่งจะแปะให้เปรตวิ่งมายิงแบบดีดๆบอลใกล้ตัวไปนิดทำให้เรน่ารับเข้ามือสบายๆ

แต่อีก 2 นาทีต่อมาหงส์แดงพลาดโอกาสทองอย่างน่าเสียดายเมื่ออาร์เบลัวเปิดบอลจากปีกขวาเลียดมาเข้าทางเบนายูนที่วิ่งมายิงตรงระยะ 8 หลาแต่ดันลื่นบอลเลยออกข้างตาข่ายซะงั้น ลูกนี้ยิงดีๆยังไงก็ตุงเพราะมุมเสาไกลเปิดกว้างโคตร

ตอนนี้กลายเป็นทีมเยือนที่ต่อบอลทำเกมสวยเลยทีเดียว ไม่รู้ว่านักเตะปอมปีย์งงหรือเปล่าที่เจอการจัดตัวเน้นปลอดภัยตัวรับยั้วะเยี้ยะแบบนี้

นาที 11 เบนายูนถูกทำฟาว์ลตรงระยะ 23 หลาก่อนที่ออเลริโอแข้งหน้ายกรับหน้าที่สังหารปั่นบอลโค้งข้ามกำแพงเลี้ยวถากเสานิดเดียวเท่านั้น

เข้าสู่นาทีที่ 15 ปอมปีย์วิ่งกันน้ำบานเพราะวันนี้ทีมเยือนมาต่อบอลเข้าทำเนียนและเหนือกว่าชัดเจน เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากเพราะขนาดดอสเซน่ายังล็อก+กระชากสนุกตีนเลยทีเดียว

อีก 2 นาทีต่อมาการเพรสซิ่งเร็วของบรรดาแดนกลางลิเวอร์พูลนำมาซึ่งการแหย่บอลแย่งของมาสเคราโน่จนบาเบิ้ลได้บอลหลุดทะลุมาหน้ากรอบโทษก่อนไหลออกขวาให้เอ็นก็อกเบิ้ลตั้งเป็นแนวขนานเส้นกรอบเขตโทษหัวกระโหลกให้ออเรลิโอวิ่งมากดด้วยอีซ้ายแต่หักมากไปบอลเลยบดออกหลังไปเอง

ผ่านมา 25 นาทีแล้วไม่น่าเชื่อว่านี่คือลิเวอร์พูลเพราะเล่นดีกว่าตอนมีเจอร์ราร์ดหรือตอร์เรสซะอีก การต่อบอลตามช่องแล้วมูฟเมนท์ดีจนต้องขยี้ตา

พูดไม่ทันขาดคำอีก 36 วินาทีดอสเซน่ากระชากหนีจอห์นสันขึ้นมาทางปีกซ้ายพอไปไม่ได้เลยโชว์พิงบอลแล้วแปะคืนให้ออเรลิโอที่ฝากให้มาสเคราโน่ดึงจังหวะหลอกเคราช์ที่ลงมาช่วยเกมรับจนกระชากหนีก่อนยิงเต็มตีนเตี่ยจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งเป็นอพอลโล่ 13 แรงถึงขนาดที่คนทึกๆอย่างโซล แคมป์เบลล์ยังตัวเอี้ยวตัวหลบร้อนถึงเจมส์ต้องพุ่งปัดปลายมือเสียเตะมุมไป สุดยอด

นาที 29 บาซินาสแข้งใหม่วัยเก๋าปั่นฟรีคิก 25 หลากำให้เสียบสามเหลี่ยมแต่เรน่ายืนมุมดีเห็นช่องเลยวิ่งมาคว้าหนึบ

เลยครึ่งชั่วโมงมาตอนนี้เหมือนปอมปีย์จะเริ่มสู้ได้เก็บบอลขึงหงส์แดงบ้างโดยเฉพาะเบลฮัดจ์เริ่มคะนองนาหลังหนีการรุมของสามแข้งทีมเยือนกลางสนามได้

ก่อนหมดเวลา 8 นาทีนูเจนท์ดึงบอลที่เพื่อนวางยาวมาให้ก่อนแปะต่อให้เคราช์งัดแล้วยิงเต็มๆหน้ากรอบโทษบอลข้ามคานออกไปชนิดมีลุ้นเลยทีเดียว

ช่วงทดเจ็บฮาวเวิร์ด เวบบ์เรียกนูเจนท์กองหน้าที่เป็นแฟนเอฟเวอร์ตันมาเตือนหลังไปแซวเดอะค็อปด้วยการทำมือบอกสกอร์0-1 ในเกมที่พ่ายตกรอบในศึกเอฟเอ คัพก่อนหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 ที่ทีมเยือนเล่นดีกว่าชัดเจน

ครึ่งหลังพักเหนื่อยกัน 15 นาทีโทนี่ อดัมส์แก้เกมด้วยการส่งครันชาร์มาแทนมัลลินส์แต่หงส์แดงก็ยังไม่มีผ่อนพาบอลมาป่วนหน้ากรอบประตูและได้เตะมุมวัดดวงแต่ปอมปีย์ช่วยกันแงะออกมาได้

โอกาสยิงประตูของทั้งสองทีมหายากหาเย็นเพราะเป็นบอลทันกันแม้ว่าตอนนี้เอ็นก็อกจะมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นกว่าครึ่งแรกก็ตามแต่นาที 56 เดอะค็อปที่ตามมาเชียร์ใจหายวาบหลังแอกเกอร์เคลียร์บอลจั่วลมกลายเป็นแฮนด์บอลยังดีฮาวเวิร์ด เวบบ์ยังไม่เป่า

เคาท์ลงมาเล่นแทนเอ็นก็อกและสัมผัสแรกของหอกไตรกีฬาคือรับบอลจากอาร์เบลัวหน้าเขตโทษจับกระดอนไปหน้าปากซอยจนเสียง่ายๆ

นาที 59 หงส์แดงพลาดโอกาสขึ้นนำอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเบนายูนโชว์โบทกระชากหนีสองผู้เล่นเจ้าถิ่นกลางสนามก่อนลากจี้เข้าเขตโทษแล้วรอให้เคาท์วิ่งสอดมาทางกรอบโทษฝั่งขวาก่อนป้ายให้และเคาท์ตบเข้ากลางให้บาเบิ้ลวิ่งมาแปเผาขน 3 หลาคนเดียวโล่งๆแต่ดันจั่วลมบอลค่อยๆกลิ้งออกหลังไป ถ้าวันนี้ไม่ชนะก็เตรียมพูดถึงลูกนี้ได้เลย

ไม่ทันขาดคำปรากฏว่าอีก 3 นาทีปอร์ทสมัธมาขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่เคราช์ดึงบอลลงแล้วแทงให้นูเจนท์หนีกับดักล้ำหน้ากระชากเข้าเขตโทษก่อนยิงยัดใส่ข้างๆตัวเรน่าบอลตุงตาข่ายเข้าไปอย่างสุดสวยและนูเจนท์สะใจเป็นพิเศษที่ยิงทีมคู่ปรับได้

ราฟายังไม่ยอมเปลี่ยนเอาตอร์เรสลงสนามแต่ไปเลือกส่งชาบี้ อลอนโซ่ลงมาแทนดอสเซน่าในนาที 66 และอีกนาทีเศษๆเคราช์เกือบถวายพานทองให้ทีมเก่าเมื่อคืนหลังสั้นจนเคาท์วิ่งเข้ามาแย่งแต่เจมส์ล้มตัวใช้มือกวาดจนเวบบ์เป่าฟาว์ลให้ลูกโทษสองจังหวะตรงระยะจุดโทษ 12 หลาพอดี

และแล้วหลังยึกยักจะเขี่ยไม่เขี่ยอยู่ 2-3 ทีสุดท้ายอลอนโซ่แปะให้ออเรลิโอวิ่งมายิงยัดบอลทะลุลอดขาเคราช์ก่อนเบียดระหว่างเสาและขาของครันชาร์ที่ยืนคุมอยู่เข้าไปหน้าตาเฉย

พอตีเสมอได้ก็คึกคักทันทีนาที 71 เคาท์วอลเลย์กดเต็มเท้าหน้ากรอบแต่ไปตรงตัวเจมส์จากนั้นทีมเยือนมาเป็นชุดจนเจมส์ต้องออกแรงมาชกบอลทิ้ง

นาที 76 หงส์แดงโชคร้ายสุดๆเมื่อเดิร์ก เคาท์วิ่งสวนกำดักล้ำหน้าเข้าไปยิงสวนเจมส์เข้าไปแต่ไลน์แมนจับล้ำหน้าเฉย หอกไตรกีฬาจะเกิดซักหน่อย

แต่นาทีเศษๆปอมปีย์มาพลิกขึ้นนำหนสองจากลูกฟรีคิกทางกราบขวาของเบลฮัดจ์กลายเป็นไฮดาร์สสันเทคตัวมาโขกตรงระยะ 6 หลาบอลตกพื้นกระดอนผ่านเรน่าเข้าไปไม่มีเหลือ ไม่มีตัวประกบตามกันเลย

ก่อนหมดเวลา 2 นาทีเจมส์ช่วยชีวิตปอมปีย์หลังปรี่จากเส้น 6 หลามารวบบอลที่เบนายูนกำลังวิ่งมาเข้าฮอร์ตเส้นยาแดงผ่าแปด

ไม่น่าเชื่อว่าลิเวอร์พูลจะมาตีเสมอก่อนหมดเวลา 5 นาทีหลังดิสแต็งหวดสกัดจั่วลมจนทำให้ตอร์เรสที่ยินแอบอยู่หลุดกระชากเข้าเขตโทษก่อนตบเข้ากลางให้เคาท์ที่เหมือนจะลนลานเพราะต้องแต่งบอลที่จังหวะเสียไปแล้วก่อนลากเข้ามุมอับตรงกรอบ 6 หลาด้านขวาแล้วยิงตะบันเต็มข้อบอลเบียดเสาผ่านเจมส์ที่ยืนงงไม่ทันจะได้ทำอะไรเข้าไปสุดสวย สกอร์ 2-2 แล้ว

แต่แล้วช่วงทดเจ็บลิเวอร์พูลมาขึ้นนำอย่างไม่น่าเชื่อหลังการแงะบอลต่อบอลตรงริมเส้นฝั่งซ้ายเป็นมาสเคราแทงทะลุให้เบนายูนมาเปิดบอลตรงเส้นหลังก่อนที่ตอร์เรสจะเสือกหัวโขกแบบยืนเขย่งตรง 6 หลาโขกยัดใส่เดวิด เจมส์ที่พุ่งปัดโดนแต่บอลแรงเสียบเพดานตาข่ายเป็นประตูชัยให้ลิเวอร์พูลแซงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขึ้นนำจ่าฝูงชั่วคราวแล้ว

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ปอร์ทสมัธ :
เดวิด เจมส์,เกล็น จอห์นสัน,โซล แคมป์เบลล์,ซิลแวง ดิสแต็ง,เฮอร์มาน ไฮร์ดาร์สสัน ,แอกเกลอส บาซินาส,ฌอน เดวิส,เฮยเด้น มัลลินส์(ครันชาร์ น.46),ปีเตอร์ เคราช์,นาเดียร์

สำรองไม่ได้ลงสนาม : เบโกวิช,ลอเร็น,เอ็มวูเอ็มบ้า,พาราม็อต,คานู,เกคัส

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,เจมี่ คาร์ราเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,ดาเนี่ยล แอกเกอร์,อันเดรีย ดอสเซน่า(อลอนโซ่ น.66),ฮาเวียร์ มาสเคราโน่,ฟาบิโอ ออเรลิโอ,ไรอัน บาเบิ้ล,ยอสซี่ เบนายูน,ไรอัน บาเบิ้ล(ตอร์เรส น.76),ดาวิด เอ็นก็อก(เคาท์ น.56)

สำรองไม่ได้ลงสนาม : คาวาเลียรี่,ฮูเปีย,ริเอร่า,เอล ซาร์



ขอบคุณ เนื้อข่าวดีๆ จาก www.lentee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์