สเปอร์ส 4-1 เบิร์นลี่ย์
สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน
ประตู : 0-1 มาร์ติน พาเตอร์สัน น.15, 1-1 ไมเคิล ดอว์สัน น.47, 2-1 เจมี่ โอฮาร่า น.52, 3-1 โรมัน พาฟลูเชนโก้ น.65, 4-1 ไมเคิล ดัฟฟ์ น.68 (เข้าประตูตัวเอง)
เกมนี้ทางด้านสเปอร์ส ทางแฮร์รี่ เรดแนปป์ ส่งชุดใหญ่ลงครบโดยขาดแค่เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ และเจอร์เมน จีนัส ที่ติดโทษแบนส่วนเล็ดลี่ย์ คิง ได้พักในเกมนี้
อย่างไรก็ดีก่อนเกมจะเริ่มต้นไม่ได้มีการเปิดตัวเจอร์เมน เดโฟ ที่มีข่าวว่าตกลงย้ายจากปอร์ทสมัธ กลับมาเล่นในไวท์ ฮาร์ท เลน อีกครั้งแล้วตามที่มีการอ้างตามสื่อแต่อย่างใด แต่ก็มีการตัดภาพให้เห็นว่ากองหน้าทีมชาติอังกฤษ มานั่งชมเกมอยู่บนบ๊อกซ์วีไอพีด้วย
เกมนี้ทางเจ้าถิ่นก็ไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าเหนือกว่าในช่วงออกสตาร์ทเกม กลับเป็นทาง เดอะ คลาเร็ตส์ ทีมเยือนที่เล่นกันได้ดีกว่าในช่วงต้นด้วยซ้ำ ทำเอาแฟนไก่ส่งเสียงกันไม่ค่อยออก
และถึงนาทีที่ 15 เสียงเชียร์ในไวท์ ฮาร์ท เลน ก็เงียบกริบเพราะเบิร์นลี่ย์ ฉวยจังหวะได้ประตูออกนำไปก่อนจากความสุดยอดของคริส อีเกิ้ลส์ อดีตเด็กแมนฯ ยูไนเต็ด ที่โชว์ลีลาเลื้อยหลบ 2 คนตัดจากขวาเข้ามาได้สวยก่อนจะใส่พานให้มาร์ติน พาเตอร์สัน เข้าฮอสที่เสาสองแค่ 3 หลาสบายๆให้ทีมเยือนออกนำ 1-0
หลังโดนส่องประตูนำ สเปอร์ส ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นได้ง่ายๆ รูปเกมยังตีบตันกว่าจะมาได้ลุ้นกันก็ต้องรอถึงนาทีที่ 26 เมื่อเบนท์ลี่ย์ เปิดบอลเข้ามา วูดเกต โขกชงต่อให้พาฟลูเชนโก้ แต่ดาวยิงชาวรัสเซีย ยิงจ่อๆไปติดจอมเซฟอย่างไบรอัน แยนเซ่นอีก
รูปเกมหลังจากนั้น สเปอร์ส เป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าแต่ไม่สามารถกดดันแนวรับของทีมเยือนได้ถนัดนัก ก่อนที่เบิร์นลี่ย์ จะกลับมาโชว์การต่อบอลที่เนียนตากว่า และรักษาสกอร์นำเอาไว้ได้จนจบครึ่งแรก
ครึ่งหลัง เรดแนปป์ ตัดสินใจแก้เกมทันทีโดยถอดเบนท์ลี่ย์ ที่เล่นไม่ออกแล้วส่งเจมี โอฮาร่า มาเติมความดุดันในแดนกลางแทน ซึ่งก็กลายเป็นการแก้เกมที่ได้ผลเพราะแค่ 2 นาทีเท่านั้น การเปิดเตะมุมที่แม่นยำของโอฮาร่า ก็เข้าหัวไมเคิล ดอว์สัน ที่ทะยานโขกเข้าไปตุงตาข่ายเต็มๆให้สเปอร์ส ไล่มาเสมอเป็น 1-1 อย่างรวดเร็ว
ทีนี้เบิร์นลี่ย์ ก็เลยเจองานเข้าบ้าง เมื่อโมเมนตัมของเกมไหลกลับมาทางเจ้าถิ่นอย่างรวดเร็ว และสเปอร์ส ก็ใช้เวลาอีกไม่นานในการตามหาประตูแซงนำ โดยมาได้จากทีเด็ดของโอฮาร่า ในอีก 4 นาทีต่อมา เมื่อพาฟลูเชนโก้ ซัดไปติดบล็อกแต่ลูกมาเข้าทางกองกลางเด็กปั้นของสเปอร์ส วิ่งมาวอลเล่ย์ด้วยซ้ายลูกพุ่งผ่านแยนเซ่น เข้าไปอย่างสวยงามให้เจ้าถิ่นกลับมานำ 2-1
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ เกือบช่วยตีเสมอให้เบิร์นลี่ย์ ได้แบบไม่มีใครคาดคิด เมือได้บอลที่มุมกรอบเขตโทษก่อนจะชิพบอลน้ำหนักพอเหมาะแต่ขาดทิศทางไปแค่ไม่กี่นิ้วที่จะเสียบใต้คาน เพราะโกเมส หมดสิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว
จังหวะต่อมาสเปอร์ส ก็เกือบเสียท่าอีกเหมือนเดิม เมื่อทางด้านพาเตอร์สัน ตัวแสบของทีมเยือน พาบอลเข้ามาถึงในเขตโทาฏ่อนที่จะพยายามยิงแต่ไม่ผ่านโกเมส ที่บล็อกได้ทันในจังหวะแรก มีตัวโฉบมาปาดคืนไปที่หน้าประตูก็โดนกองหลังสเปอร์ส สาดทิ้งไปได้ทัน
ความคมที่แตกต่างระหว่างสองทีมมันมาสะท้อนให้เห็นหลังจากนี้ เมื่อสเปอร์ส ฉวยจังหวะทำรวดเดียว 2 ประตูหนีเป็น 4-1 โดยได้ประตูที่ 3 จากความสุดยอดของโรมัน พาฟลูเชนโก้ ที่ลากบอลหลบสองกองหลังก่อนจะปั่นโค้งเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย ก่อนที่ไมเคิล ดัฟฟ์ จะโขกสกัดลูกฟรีคิกเข้าประตูตัวเอง
ช่วงเวลาที่เหลือ สเปอร์ส เล่นประคองตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่ถึงกับปิดเกมตายแต่ไม่สามารถจะหาสกอร์เพิ่มได้มากกว่า แต่แค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับการการันตีตั๋วค่อนใบสำหรับการลุ้นเข้าไปป้องกันแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สเปอร์ส : เออเรลโญ่ โกเมส, เวดราน คอร์ลูก้า, ไมเคิล ดอว์สัน, โจนาธาน วูดเกต, แกเร็ธ เบล, แอรอน เลนน่อน, ลูก้า โมดริช, ดิดิเย่ร์ โซโกร่า, เดวิด เบนท์ลี่ย์, โรมัน พาฟลูเชนโก้, เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์
เบิร์นลี่ย์ : ไบรอัน แยนเซ่น, เกรแฮม อเล็กซานเดอร์, ไมเคิล ดัฟฟ์, คลาร์ก คาร์ไลเซิล, สตีเฟ่น จอร์แดน, โจอี้ กุ๊ดยอห์สสัน (เควิน แม็คโดนัลด์ น.30), คริส อีเกิ้ลส์, มาร์ติน พาเตอร์สัน (อเด อคินบาย น.86) , เวด เอลเลียต, ร็อบบี้ เบลค (เจย์ โรดริเกวซ น.75) , คริส แม็คคานน์
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน
ขอบคุณเนื้อหาข่าว:Soccersuck.com
สเปอร์ส เปิดบ้านถล่ม เบิร์นลีย์ 4 ประตูต่อ 1 คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองฯ นัดแรก
หน้าแรกTeeNee ที่นี่กีฬา พูดคุยเรื่องฟุตบอลและกีฬาต่าง ๆ sport สเปอร์ส เปิดบ้านถล่ม เบิร์นลีย์ 4 ประตูต่อ 1 คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองฯ นัดแรก
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!