...
...สถานการณ์การเมืองนับวันจะซับซ้อนเกินกว่าจะวิพากษ์วิจารณ์ให้ การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายไปไกลเกินกว่าที่ใครจะรับฟังความคิดเห็นของใคร
ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง แม้จะมีความอัดอั้นตันใจอยู่เต็มอก เหนื่อยหน่ายกับสภาพการเมือง อยากเห็นความสุขสงบเกิดขึ้นในบ้านในเมืองมากกว่าที่จะจมอยู่กับความแตกแยก แต่สิ่งที่จะต้องเตือนใจอยู่เสมอคือ
การเมืองเป็นเศษเสี้ยวเดียวของเรื่องราวในชีวิต
เพื่อนใจเพื่อไม่ให้เป็นทุกข์เป็นร้อนอึดอัดคับข้องกับความเป็นไปมากเกินไป
เรื่องราวในชีวิตยังมีอีกหลายด้าน ทุกคนมีสุขภาพตัวเองที่จะต้องดูแล ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ทำอย่างไรให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแข็งแกร่ง มีครอบครัวที่จะต้องช่วยกันทำให้เกิดความอบอุ่น มีชุมชนที่เราอาศัยที่จะต้องช่วยกันทำให้สะอาด และสุขสงบ มีญาติ มีเพื่อนพ้องที่จะต้องช่วยเหลือเกื้อกูล มีงานที่จะต้องรับผิดชอบทำให้ดี ให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กร มีวัด มีศาสนาที่เราจะต้องช่วยกันทำนุบำรุง มีเพื่อนร่วมโลก ทั้งมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อมที่จะต้องช่วยเหลือเกื้อกูล
ชีวิตมีเรื่องราวอีกมายมาย หลายเรื่องยิ่งให้ความสนใจเข้าไปทำชีวิตจะยิ่งมีความสุข
แม้ว่าการเมืองจะกระทบต่อเราทุกคน แต่ที่สุดแล้วก็เป็นส่วนประกอบที่เล็กนิดเดียวสำหรับชีวิต ไม่ให้ความสนใจเสียก็ได้ โดยไม่ทำให้ชีวิตต้องเดือดร้อนอะไร
แน่นอนเราทุกคนมีหน้าที่ช่วยพัฒนาการเมืองให้ดีขึ้น เพราะการเมืองดี จะทำให้การบริหารประเทศดี ส่งผลให้สิ่งอื่นๆ ในชีวิตดีขึ้น แต่นั่นเป็นการเมืองที่พร้อมจะเปิดรับการมีส่วนรวมแบบสร้างสรรค์
การเมืองขณะนี้ไม่ช่องทางสำหรับช่วยกันสร้างสรรค์ การแบ่งพวก แบ่งฝ่าย ใครไม่ยืนอยู่ข้างตัวเป็นคนเลวร้าย ใครยืนอยู่ข้างตัวเป็นความดี
ความดี ความเลวของคนทุกวันนี้ตัดสินกันด้วยความเป็นพวกหรือไม่ ใช้ความรู้สึกมากกว่าพิสูจน์กันด้วยเหตุและผล
การเมืองแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับการเสนอความคิดเห็นใดๆ เพราะอย่าว่าแต่ความเห็น ขนาดความจริงที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องพิสูจน์ได้ยากเย็น ยังไม่มีใครพิสูจน์ใช้ความรู้สึกของความเป็นพวกพ้องตัดสินกันทันที ว่าดี หรือ เลว
หนทางเดียวที่จะอยู่กับสังคมแตกแยกรุนแรงแบบนี้ โดยไม่ทำให้ขุ่นมัว หงุดหงิด คือ มองเหตุการณ์การเมืองแบบผ่านมาแล้วผ่านเลย จดจำเหตุการณ์ และเรื่องราวไว้บ้างโดยไม่ต้องไปรู้สึก
ซึ่งจะทำได้ก็โดยการที่ตื่นเช้าขึ้นมาถึงเรื่องราวอื่นๆ ทำให้ครอบครัวอบอุ่น ทำให้งานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละช่วงเวลา แสดงน้ำจิตน้ำใจกับเพื่อนฝูง และชุมชน
วันหยุดก็ไปท่องเที่ยว ทำบุญ ทำทาน เยี่ยมญาติมิตร หรือใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงกันไป
ไม่มีประโยชน์อะไรที่ประชาชนคนหนึ่งจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองที่เลือกข้างเพื่อแสดงท่าทีว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แบบนี้
เพราะที่สุดแล้ว ประชาชนคนหนึ่งมีแต่จะเป็นเหยื่อของการแย่งชิงอำนาจ
ความเป็นไปทางการเมืองขณะนี้ไปไกลกว่าจะมีใครฟังเสียงประชาชนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แห่งอำนาจซับซ้อนเกินว่าที่จะทำความเข้าใจ และเข้าไปมีส่วนร่วมได้โดยไม่เป็นเหยื่อ
แม้จะรักชาติ แต่ประเทศที่พร้อมจะให้ประชาชนเป็นเหยื่อสนองเกมแย่งชิงอำนาจแบบนี้
ในฐานะประชาชนคนหนึ่งด้วยกัน มาร่วมกันสร้างสรรค์เรื่องที่ไม่ยุ่งกับการเมืองสักพักน่าจะดีกว่า