พาราลิมปิกเกมส์ ปิดฉากแล้วไทย คว้าอันดับที่ 41

พาราลิมปิก "ปักกิ่งเกมส์" ปิดฉาก ทัพนักกีฬาพิการไทย คว้าอันดับที่ 41
 
จากผลงาน 1 ทอง 5 เงิน 7 ทองแดง โดย "เจ้าภาพ" จีน คว้าแชมป์ไปครองหลังโกยเหรียญถล่มทลาย 89 ทอง 70 เงิน 52 ทองแดง ด้านรัฐบาลเตรียมต้อนรับคืนถิ่นอบอุ่น พร้อมจ่ายเงินอัดฉีด 20.5 ล้านบาท ซึ่ง "จอมอึด" ประวัติ วะโฮรัมย์ นักซิ่งวีลแชร์ ที่คว้า 1 ทอง 3 เงิน 1 ทองแดง รับเละ 5.5 ล้านบาท เจ้าตัวเผยเตรียมใช้เงินทุกบาทอย่างคุ้มค่าเพื่อครอบครัว ขณะที่ "บิ๊กโอ" พ.อ.โอสถ ภาวิไล รับผลงานตกเป้าจากเมื่อ 4 ปีก่อน ที่คว้าอันดับ 35 ย้ำหากรัฐยังไม่ช่วยเหลือเรื่องการเตรียมนักกีฬา การชิงชัยอีก 4 ปีข้างหน้าที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อาจไม่มีเหรียญทองกลับมาให้ชื่นชมกันเลยก็ได้


 มหกรรมการแข่งขันโอลิมปิกคนพิการ "พาราลิมปิกเกมส์ 2008" ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา

เป็นการชิงชัยวันสุดท้าย รวม 8 เหรียญทอง ซึ่งนักกีฬาไทยไม่มีคิวแข่งขันแต่อย่างใด โดยหลังจากการชิงชัยเสร็จสิ้นลง และมีพิธีปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ มอบธงพาราลิมปิกให้แก่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รับไปเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปในปี 2010 ปรากฏว่า ทัพนักกีฬาคนพิการไทย ที่คว้ามาได้ 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง ได้อันดับที่ 41 ของการแข่งขัน โดยมีนักกีฬา "เจ้าภาพ" จีน คว้าเจ้าเหรียญทองไปครองอีกสมัย จากผลงาน 89 เหรียญทอง 70 เหรียญเงิน 52 เหรียญทองแดง ทิ้งสหราชอาณาจักร ที่ได้อันดับ 2 ด้วยผลงาน 42 เหรียญทอง 29 เหรียญเงิน 31 เหรียญทองแดง ขาดลอย


 อนึ่งเมื่อเทียบกับผลงานเมื่อ 4 ปีก่อน ที่ทำได้ 3 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง
 
ถือว่านักกีฬาคนพิการไทยมีผลงานลดลง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผลงานจากชาติในอาเซียนด้วยกัน นักกีฬาไทยยังคงครองความเป็นอันดับ 1 โดยมี สิงคโปร์ ที่ทำได้ 1 ทอง 1 เงิน 2 ทองแดง อยู่อันดับที่ 46 ของการแข่งขันตามมาเป็นอันดับ 2 และลาวกับมาเลเซีย ที่ได้ชาติละ 1 เหรียญทองแดง เป็นอันดับ 3


 สำหรับทัพนักกีฬาคนพิการไทย มีกำหนดเดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 21.45 น. มี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเป็นประธานในการทำพิธีต้อนรับ และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จะมอบทองคำให้แก่นักกีฬาที่ได้เหรียญทอง 10 บาท เหรียญเงิน 5 บาท เหรียญทองแดง 3 บาท จากนั้น นักกีฬาจะเข้าพักที่อาคารที่พักนักกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก


 จากนั้น วันที่ 19 กันยายน เวลา 09.00 น.

ทัพนักกีฬาคนพิการไทย จะขึ้นรถโตโยต้า จำนวน 20 คัน ออกจาก กกท.หัวหมาก ผ่านหน้า ม.รามคำแหง เลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนหลัง กกท.และลงที่ ทางด่วนเพลินจิต และไปตามเส้นทางเดียวกับการแห่นักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ผ่าน เซ็นทรัลชิดลม สี่แยกราชประสงค์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สยามพารากอน มาบุญครอง เลี้ยวซ้ายเข้าอาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ เวลาประมาณ 10.00 น.โดยมี “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แสดงความยินดีกับนักกีฬาไทย ร่วมกับภาคเอกชน ที่จะมอบของรางวัลต่าง ๆ ส่วนงานเลี้ยงฉลองและมองเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาตินั้น นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ จะประสานไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนัดหมายวัน เวลาและสถานที่ต่อไป


 สำหรับผลงานของทัพนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2008 ซึ่งทำได้ 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง
 
นั้น กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะมอบเงินรางวัลตามระเบียบ ล่าสุด เหรียญทอง 2 ล้านบาท เหรียญเงิน 1 ล้านบาท เหรียญทองแดง 5 แสนบาท รวมทั้งสิ้น  20,500,000 บาท โดยผู้ฝึกสอน จะได้รับ 10 เปอร์เซนต์ คิดจากเงินรางวัลที่นักกีฬาได้รับ และสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย จะได้รับ 15 เปอร์เซนต์ คิดจากเงินรางวัลที่นักกีฬาได้รับ (โดยสมาคมกีฬาคนพิการ จะต้องจัดสรรให้กับ ชมรม หรือต้นสังกัดนักกีฬา 70 เปอร์เซนต์)  รวมเงินในส่วนนี้อีก 5,125,000 บาท ทำให้ยอดเงินทั้งหมดที่กองทุน จะต้องจ่ายทั้งสิ้น 25,625,000 บาท โดย ประวัติ วะโฮรัมย์ ยอดนักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่ง วัย 27 ปีของไทย ซึ่งทำผลงานได้ดีที่สุด 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง จะได้รับคนเดียว 5,500,000 บาท


 ประวัติ กล่าวว่า

พอใจกับผลงานของตัวเองที่ลงแข่งขัน 5 รายการ และได้เหรียญรางวัลกลับมาทั้งหมด ส่วนเงินอัดฉีดที่จะได้รับนั้นจะนำไปใช้กับให้มีประโยชน์ต่อชีวิตและครอบครัวมากที่สุด


 ด้าน พ.อ.โอสถ ภาวิไล นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า 

พอใจกับผลงานที่นักกีฬาคนพิการทำได้ แม้ว่าจะทำได้ไม่ถึง 3 เหรียญทอง เท่ากับครั้งที่แล้ว ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ต้องยอมรับสภาพว่า นักกีฬามีเวลาฝึกซ้อมเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ประกอบกับ นักกีฬาจากชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน เจ้าภาพ หรือ ยุโรป อเมริกา ส่วนใหญ่มีการพัฒนาที่ก้าวหน้าไปมาก ซึ่งหากไทยยังนิ่งเฉยอยู่ ในอนาคตก็จะถูกทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ และชาติคู่แข่งในเอเชีย และอาเซียน บางชาติ ที่จะเริ่มทำผลงานเทียบเท่า และทิ้งห่างไทยไปได้เช่นกัน โดยรัฐบาล จะต้องให้การสนับสนุนทั้งกีฬาคนปกติและกีฬาคนพิการควบคู่กันไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์