เกมวัดกึ๋น เอลราฟา กับ เฮียมู ใครเจ๋งกว่ากัน

สองกุนซือแห่งยุค

เป็นข้อถกเถียงกันมากว่า ราฟาเอล เบนิเตซ กับ โฆเซ่ มูรินโญ่ ใครที่ เจ๋งกว่ากัน

ตัว มูรินโญ่ เกียรติประวัติไม่เบานะครับ แชมป์ลีกโปรตุเกส แชมป์ยูฟ่าคัพ และยังนำปอร์โต้คว้าแชมป์ UCL ซะด้วย หลังจากย้ายมาคุมเชลซี ก็นำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก รวมทั้ง ลีกคัพ และปีนี้ก็ยังนำโด่งในตาราง มีโอกาสจะป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง

ส่วนเบนิเตซ ทำทีมบาเลนเซียคว้าแชมป์ลาลีกา แซงหน้าบาร์เซโลน่า และ รีลมาดริด ได้สองสมัย รวมทั้งเคยพาทีมบาเลนเซียได้รองแชมป์ UCL และ คว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ อีก 1 ครั้ง หลังจากย้ายมาลิเวอร์พูล ในปีแรก ก็พาทีมได้แชมป์ UCL อย่างเหลือเชื่อ

ก่อนที่จะมาคุมลิเวอร์พูล บาเลนเซียของเบนิเตซ ไม่ได้ใช้เงินทุ่มซื้อนักเตะเข้ามาเหมือนอย่าง รีล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า แต่อาศัยสายตาการเลือกนักเตะมาเสริมทีมที่ชาญฉลาดของเอลราฟา

ดังนั้นถ้าจะเทียบสถิติกันตัวต่อตัว ราฟาเอล เบนิเตซ ยังจะดูดีกว่า มูรินโญ่เสียอีก การคว้าแชมป์ในโปรตุเกส ที่ทีมคู่แข่งไม่แข็งมากนัก กับการคว้าแชมป์ลาลีกา ในลีกที่มีทีมอย่าง รีล มาดริด บาร์เซโลน่า ลาคอรุนญ่า นับว่าหินและแข็งกว่าลีกโปรตุเกสมาก แต่ ราฟาเอล สามารถทำได้ โดยที่บาเลนเซีย แทบจะไม่ได้ลงทุนทุ่มซื้อนักเตะมาต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่ของลีกเลยด้วยซ้ำ

หลังจากยอดกุนซือทั้งคู่อิ่มตัวกับสโมสรเก่า และจะได้มาปะทะกันในเกาะอังกฤษ ความมันส์ก็เกิดขึ้น

สิงห์น้ำเงินคราม ทีมสุดแกร่งแห่งยุค

ในพรีเมียร์ลีก ต้องยอมรับจุดนึงว่า เชลซีลงทุนซื้อนักเตะระดับโลกมาเสริมทีมด้วยเงินมหาศาล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว นักเตะที่เป็นแกนหลักของทีม กลับเป็นนักเตะที่มูรินโญ่ ไม่ได้เป็นคนซื้อเข้ามา

อาทิเช่น แลมพาร์ด / โจ โคล / มาเกเลเล่ / ดัฟฟ์ / กัลล่าส์ / หรือแม้แต่ รอบเบน ก็เป็นการซื้อเข้ามาในช่วงที่ รานิเอรี่ เป็นผู้จัดการทีม อันนี้ยังไม่รวม เทอรรี่ ที่เป็นเด็กปั้นของสโมสรที่รานิเอรี่ปั้นขึ้นมา ส่วนนักเตะที่ มูรินโญ่ทุบคลังสโมสรซื้อมาดูจะมี ปีเตอร์ เชก ที่โชว์ฟอร์มได้คุ้มค่าตัวเพียงคนเดียว นอกจากนั้น ดรอกบ้า / คาร์วัญโญ่ / เอสเซียง / ไรท์ฟิลลิปส์ ยังเล่นได้ไม่คุ้มค่าตัวมหาศาลที่เสียไปเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ แม้กระทั่งดาวยิงลีกดัตซ์ อย่าง เคซมัน ก็ต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปหากินในลาลีกา

ในเมื่อ โรมัน อบราโมวิช มีเงินเหลือกินเหลือใช้ จนสามารถจะสร้างทีมระดับเชลซีได้อีก 4-5 ทีมได้สบายๆ ก็คงจะพูดได้เลยว่า มูรินโญ่ เป็นกุนซือที่น่าอิจฉาที่สุดในวงการฟุตบอลอาชีพ เพราะ มีงบให้ใช้ไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นนักเตะจากนอกโลกราคาค่าตัวแค่ไหน เสี่ยหมีก็พร้อมจะทุ่มซื้อมาร่วมทีมได้ทันที

ดังนั้น เมื่อความพร้อมของกำลังเงิน และขนาดของทีมทั้งตัวจริงและสำรองแล้ว ถ้ามูรินโญ่ ทำทีมไม่ได้แชมป์ ต้องถือว่า เสียหมาอย่างแรง

แต่ในทางกลับกัน 1 ปี ก่อนที่มูรินโญ่จะมาคุมทีมเชลซี ผลงานของ เชลซีกับกุนซือทิงเกอร์แมน รานิเอรี่ ที่ทำผลงานได้พอใช้ พาทีมได้อันดับสอง ในปีที่อาร์เซน่อล ท๊อปฟอร์มสุดๆจริงๆ ชนิดที่ ไม่แพ้เลยทั้งฤดูกาล เชลซีของรานิเอรี่ขาดเพียงแต่ความมุ่งมั่นของนักเตะ ที่ยังไม่มากพอ ที่จะลุ้นแชมป์

รานิเอรี่ พาทีมเชลซีเข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนลีก หลังจากเอาชนะอาร์เซน่อล แต่น่าเสียดายที่ไปได้เพียงรอบ 4 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

การมาของ มูรินโญ่ เป็นการจุดไฟให้กับทีมสิงห์บลูส์อย่างแท้จริง เมื่อความมุ่งมั่นของมูรินโญ่ได้เผื่อแผ่ไปถึงนักเตะในทีม ทำให้ นักเตะในทีมมีความมั่นใจ และตั้งใจเล่นเพื่อชัยชนะมากยิ่งขึ้น

แทคติคอันชาญฉลาดในแต่ละเกม ทำให้ทีมเก็บชัยชนะได้ต่อเนื่อง จนกลายเป็นทีมที่ทั้งเหนียวแน่น และ รุกได้ดุดัน และเข้าป้ายทิ้งห่างทุกทีมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีของสโมสร

มีคนตั้งคำถามไว้ในจุดหนึ่งว่า หาก เจ้าของทีม ไม่ใช่โรมัน อบราโมวิช กุนซือมาดเครียดอย่าง มูรินโญ่ จะทำทีมได้ดีขนาดนี้หรือไม่

เคยมีคำกล่าวว่า เงินซื้อแชมป์ไม่ได้ แต่สำหรับ อภิมหาเสี่ยอย่างโรมัน ต้องบอกว่า เงินที่ไม่อั้นต่างหากล่ะ ที่สร้างทีมให้เป็นแชมป์ได้

เมื่อได้นักเตะที่ต้องการทุกตำแหน่ง และยังมีงบให้ซื้อเพิ่มอีกไม่อั้น สิ่งเดียวที่มูรินโญ่ต้องทำก็คือ วางแผน ส่งกำลังพลลงโม่แข้งให้ชนะ เท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่จั่วหัวไปข้างต้นว่า มูรินโญ่ ซื้อตัวไม่ค่อยเก่ง เชลซีก็เลยไปคว้าตัวโคตรแมวมองอย่าง อาร์เนเซ่น มาจากสเปอร์ส เพื่อช่วยหานักเตะทีมเหมาะจะมาร่วมทีม เรียกได้ว่า ทำหน้าที่ส่วนนี้ แทนมูรินโญ่ไปซะเลย

หงส์แดง ยักษ์ที่เพิ่งตื่นจากหลับไหล

มาดูทาง เอลราฟา ขวัญใจเดอะคอป บ้าง ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามารับงานคุมสโมสรลิเวอร์พูล ต่อจากอุลลิเย่ร์ ต้องเข้ามารับมรดกอันเละเทะ ที่ เฮียโปนทำเอาไว้ ทีมขาดระบบการเล่น ไม่มีทีมเวิร์ก นักเตะในทีมขาดความมั่นใจ และความกระตือรือร้น แม้แต่เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลูกหม้อสโมสร ยังไม่มีความเชื่อมั่นว่าทีมลิเวอร์พูลชุดนั้น จะสามารถคว้าแชมป์ใดๆได้ จนมีข่าวจะย้ายไปเชลซี

แต่ ริค แพรรี่ ได้ไปขอร้องถึงบ้านให้อยู่กับสโมสรต่อ กัปตันทีมจึงยอมอยู่ดูสถานการณ์ของทีมต่อไปอีก 1 ปี แต่สุดท้าย ทีมก็ต้องเสียดาวยิงตัวความหวัง โดยไมเคิ่ล โอเว่น ปฏิเสธ ที่จะต่อสัญญากับลิเวอร์พูล (ด้วยเหตุผลเดียวกับเจอร์ราร์ดคือ ไม่มั่นใจในศักยภาพของทีม) ทำให้ทีมต้องจำใจปล่อยโอเว่นให้ รีล มาดริด ในราคาถูกแสนถูก

งบที่มีจำกัดจำเขี่ยของลิเวอร์พูลทำให้ราฟาเอล ต้องตัดสินใจหนักกว่าจะซื้อนักเตะมาร่วมทีมแต่ละคน ประกอบกับสภาพอาการบาดเจ็บของนักเตะลิเวอร์พูล ชนิดที่ว่า เตะ 1 นัด ต้องมีเดี้ยงซักตัว ดูกันง่ายๆในนัดที่พบเอฟเวอร์ตัน ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนนักเตะถึง 3 คน ในครึ่งแรก เพราะอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลัก อะไรมันจะซวยขนาดนั้น

ในนัดที่พบกับอาร์เซน่อลในแอนฟิลด์ปีก่อน ก็ยังต้องอาศัยกองหน้าดาวรุ่งอย่าง นีล เมลเลอร์ มาช่วยยิงด้วยซ้ำ

ในช่วงต้นและกลางฤดูกาล บัญชีขึ้นเขียงของนักเตะหงส์ ยาวเป็นหางว่าว เดี๋ยวเจ็บๆ แต่โชคดีที่ ช่วงสำคัญในปลายฤดูกาล นักเตะตัวหลักเริ่มกลับมาทีละคน

ไฮไลท์ของลิเวอร์พูลและเบนิเตซ อยู่ที่ การผ่านเข้ารอบ UCL เมื่อเอาชนะทั้ง ยูเวนตุส เชลซี และการกลับมาจากนรกที่เป็นสุดยอดแมตซ์นัดชิงของ UCL ที่ลิเวอร์พูลไล่มิลาน จาก 0-3 มาเสมอกันที่ 3-3 ก่อนที่จะชนะดวลโทษจนได้แชมป์ยุโรปไปครอง

แต่ในทางกลับกัน ผลงานในลีกของลิเวอร์พูลกลับดิ่งลงๆ จนเข้าป้ายแค่อันดับ 5 เท่านั้น หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เบนิเตซ ตั้งใจทิ้งพรีเมียร์ลีก เพื่อเน้นถ้วยยุโรป เมื่อจัดทีมแบบกล้าๆกลัวๆในพรีเมียร์ลีก และเอาตัวจริงลงเล่นใน UCL ซะเป็นส่วนใหญ่

นั่นเป็นสิ่งที่ เบนิเตซ กล้าที่จะเสี่ยง เพราะหาก ลิเวอร์พูลไม่ได้แชมป์ UCL เท่ากับว่า ในปีต่อไป ทีมจะไม่มีโอกาสเข้ามาเล่นใน UCL แน่นอน หรือแม้แต่ได้แชมป์มา ก็ยังต้องไปงัดข้อกับกฎของ UCL ที่จะให้นำแชมป์กลับไปป้องกันแชมป์

และลิเวอร์พูลก็ทำได้สำเร็จ ทั้งแชมป์ UCL และโควต้าไปเล่นบอลยุโรป ด้วยความที่เป็น ทีมแม่เหล็ก ที่สร้างรายได้จากการถ่ายทอดให้ UCL ได้มหาศาล จนบิ๊กยูฟ่า หรือแม้แต่ บิ๊กฟีฟ่า ก็ออกมากดดันแต่เนิ่นๆว่า แชมป์ต้องกลับไปป้องกันแชมป์

ผมคิดว่า เบนิเตซเป็นกุนซือที่น่าอัศจรรย์มาก จากสภาพทีมที่ สาวกหงส์แดงก็คงจะรู้ตัวดีอยู่ว่า ไม่ดีพอที่จะไปสู้ เชลซี อาเซน่อล แมนยูไนเต็ด หรืออาจจะแย่กว่า โบลตัน หรือ เอฟเวอร์ตัน เลยด้วยซ้ำ แต่เบนิเตซกลับใช้ทรัพยากรขาดๆเกินๆที่มีอยู่ ฝ่าฟันไปจนคว้าแชมป์ยุโรปได้

เรียกมหัศจรรย์ยังน้อยไป ต้องเรียกว่า ปาฏิหาริย์ เลยด้วยซ้ำ

อาณาจักรของโรมัน

ในมุมมองของผม เชลซี ก็ยังจะเป็นทีมที่ แข็งแกร่งต่อไป ตราบเท่าที่ โรมัน อบราโมวิช ยังเป็นเจ้าของทีม

จริงๆนะครับ ปัจจัยสำคัญที่สุดของเชลซีคือ เสี่ยหมี จริงๆ

ถึงแม้ว่า ปีใหม่นี้ มูรินโญ่จะเบื่อขอลาออกไปเลี้ยงเป็ด ผมก็มั่นใจว่า เชลซี ยังหากุนซือมือดีมาคุมแทนได้ และยังคว้าแชมป์ได้แน่นอนด้วยศักยภาพของทีม

แต่ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ หากปีใหม่นี้ เอลราฟาเซ็งโลก ขอลาออกไปเพาะเห็ดขาย ผมว่าทีมถึงกะทรุด แน่นอน

จริงอยู่ที่ กุนซือทั้งสองคนนี้ มีความสำคัญต่อทีมอย่างมาก แต่เทียบความทรงคุณค่าต่อทีม เอล ราฟา ยังได้เปรียบ เฮียมูอยู่นิดๆ

หากมีมหาเศรษฐี มาทุ่มงบให้ลิเวอร์พูล แบบเดียวกะที่เสี่ยหมี ลงทุนกับเชลซี เอาแค่งบครึ่งนึงของเชลซีก็พอ ผมว่าแฟนเชลซีก็มีหวั่นนิดๆเช่นกัน

เพราะขนาดงบจำกัดขนาดนี้ เบนิเตซยังทำทีมพอสู้กับเชลซีได้ แม้จะแพ้ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสู้ไม่ได้

เรื่องนี้ มูรินโญ่ เองก็ยอมรับในฝีมือของเบนิเตซ อยู่พอสมควร ในแมตซ์ที่ทั้งสองทีมเจอกันจึงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดของสองกุนซือ

เห็นได้ชัดเจนในนัดชิงลีกคัพ มูรินโญ่ ตบะแตกถึงกับต้องออกมาตะโกนด่าคาร์ราเกอร์ เมื่อจบลงด้วยชัยชนะของเชลซี มูรินโญ่ ยังแถมหันไปเย้ยแฟนหงส์ด้วยการจุ๊ย์ปากให้เงียบ

ต่อจากนี้ มูรินโญ่ และ เบนิเตซ จะเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อไปอีกนานเลยครับ แทนที่ เฟอร์กี้ และ เวนเกอร์ ที่ครองตำแหน่งคู่หยุดโลกมาหลายปี

ถ้าจะว่าจริงๆ ในวงการฟุตบอล เบนิเตซ จะได้รับการยอมรับมากกว่า มูรินโญ่ นะครับ แม้จะมีบางคนปรามาสว่า เพราะเงินเสี่ยหมีรึเปล่า ที่ทำให้เชลซีแข็งแกร่ง แต่หากไร้การจัดการทีมที่ดี ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากรีล มาดริด ที่อาศัยแต่นักเตะซูเปอร์สตาร์ แต่ระบบทีมไม่ดี ทำให้ไร้ความสำเร็จในช่วงหลัง

ส่วนประเด็นที่ทำให้ เฮียมู โดนวิจารณ์อย่างหนักก็คือ เฮียมู ชอบเล่นนอกเกมมากเกินไป ถ้ายังจำได้ หลังจากแมตซ์แพ้บาร์เซโลน่า มูรินโญ่ออกมาสงสัยอันเดรียส ฟรีสค์ กรรมการที่ตัดสินเกม ว่ามีนอกมีในกับไรท์การ์จ ทำให้ ฟริสค์ ตัดสินใจแขวนนกหวีด หลังจากโดนแฟนเชลซีขู่ฆ่า และที่แสบคือ มูรินโญ่ ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะยินยันว่า ไรท์การ์จ เข้าไปพูดคุยกับกรรมการในช่วงพักครึ่งจริงๆ จนโดน ยูฟ่า แบนห้ามคุมทีมข้างสนาม แต่ก็ยังโดนตั้งข้อสงสัยว่า เฮียมูแอบส่งสัญญาณแก้เกมไปให้สต๊าฟโค้ช ที่ใช้หมวกไหมพรมปิดบังใบหูว่ามีการนำอุปกรณ์สื่อสารซ่อนเอาไว้หรือไม่

นอกจากนั้นยังมีการแอบเจรจาซื้อนักเตะแบบผิดกฎหลายครั้ง ที่โด่งดังที่สุดคือการแอบติดต่อ แอชลีย์ โคล ของอาเซน่อล จนโดน เอฟเอ ขู่จะตัดแต้มลงโทษมาแล้ว

ผมว่าไม่มีใครลืมลูกปัญหาของหลุยส์ การ์เซีย แน่นอนครับ

ในเกมวันนั้น กรรมการ ตัดสินใจที่จะให้เชลซียังมี ปีเตอร์ เชค ในสนาม โดยให้ลูกยิงของการ์เซียเป็นประตู แทนที่จะแจกใบแดงด้วยเหตุที่ไปรวบขาบารอส และให้ลิเวอร์พูลได้จุดโทษ ซึ่งจะทำให้เชลซีเสียเปรียบมากกว่านั้นหลายเท่า

เพราะการตามหลัง แค่ 0-1 และนักเตะยังครบ 11 คน ขอแค่ลูกยิงตีเสมอเท่านั้น เชลซีก็จะผ่านเข้ารอบไปได้ทันที

เมื่อเทียบกับการเสียโกล์มือหนึ่ง และการเสียจุดโทษที่มีโอกาสสูงที่จะโดน 0-1 และทีมเหลือ 10 คน มันยากกว่าหลายเท่า

หลังจากจังหวะลูกยิงของการ์เซียนั้น ผู้เล่นของเชลซี ไม่ประท้วงนะครับ คือมีโวยวายบ้างแต่ก็ยอมรับในการตัดสิน ดีกว่าจะให้ เชก โดนใบแดง

เพราะผู้เล่นเชลซีเชื่อมั่นว่า เวลาที่เหลืออีกตั้งร่วม 90 นาที ทีมต้องยิงคืนได้

แต่ก็ทำไม่ได้

มูรินโญ่ จึงนำลูกทีมออกมาประท้วงกรรมการตามเคย และยังจะยกให้ลูกยิงการ์เซีย เป็นลูกยิงอัปยศด้วยความดื้อดึงว่า เชลซี สมควรเข้าชิงมากกว่าลิเวอร์พูล และลิเวอร์พูลไม่สมควรชนะเชลซีได้ด้วยประการทั้งปวง

ร้อนถึงกรรมการต้องมาชี้แจงว่า หากไม่ให้ลูกยิงการ์เซียเป็นประตู ตนก็กำลังจะตัดสินให้ ปีเตอร์ เชก โดนใบแดง และเชลซีเสียจุดโทษซะด้วยซ้ำ (หรือถ้าเชลซีต้องการแบบนั้นจริงๆ คราวหลังจะได้จัดให้ )

แม้แต่การพบกันใน UCL ปีนี้ มูรินโญ่ก็ยังนำลูกทีมออกมาจวกประตูของการ์เซียอีกครั้ง และมั่นใจว่าจะเขี่ยลิเวอร์พูล ตกรอบแบ่งกลุ่มไปซะด้วย

แต่ผลออกมาหงส์แดงกลับทำได้ดีกว่าใน UCL โดยคว้าแชมป์กลุ่มไป และเชลซีได้อันดับสองต้องไปชนของแข็งอย่าง บาร์ซ่า

แถมยังต้องเสีย เดอะ บัฟฟาโล่ เอสเซียง ตัมคุมเกมคนสำคัญไปสองนัด หลังจากย่ำโหดใส่ฮามันน์ ในเกม 0-0 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์

อันนี้เรียกว่ากรรมตามทันมั้ยครับ

สิ่งที่ผมยกย่องมูรินโญ่ คือ ความมั่นใจในตัวเอง และการปลุกเร้าทีมให้แกร่งและมั่นใจ แต่ในทางกลับกัน การเล่นนอกเกมของมูรินโญ่ ผมมองเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่

การเล่นสงครามจิตวิทยาของกุนซือ เป็นเรื่องปกติ แต่ มูรินโญ่กลับทำเกินเลยความเหมาะสมไปหลายครั้ง

ในขณะที่ เบนิเตซ กลับดูเป็นสุภาพบุรุษ ให้ความเคารพคู่แข่ง มากกว่ามูรินโญ่เสียอีก

จุดที่ผมไม่ชอบ มูรินโญ่เอาซะเลย ก็คือการกดดัน อันเดรียส ฟรีสค์ จนต้องเลิกจากอาชีพกรรมการ ทั้งที่เขาเป็นกรรมการที่ยอดเยี่ยมคนนึงของวงการ จน ฟีฟ่า ต้องมอบรางวัลเกียรติยศให้ ฟรีสค์ โดยเฉพาะ เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจกับสิ่งที่เขาตัดสินใจลงไป

แต่ถึงอย่างไรก็ดี ผมว่า มูรินโญ่ เป็นกุนซือที่ ทำให้วงการลูกหนังคึกคักไม่ใช่น้อย การที่มูรินโญ่ พูดแทนความรู้สึกของลูกทีม โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ทำให้ตัวเองเป็นเป้าโจมตีแทนนักเตะ

คือแบกรับความกดดันของลูกทีมไว้ที่ตัวเองคนเดียวว่างั้นเหอะ นักเตะเชลซีเลยไม่ตกเป็นเป้าให้วิจารณ์มากนัก ผิดกับเฮียมูที่โดนด่าจากทั่วสารทิศ ตรงจุดนี้ กลับเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกทีมฮึดสู้เพื่อเขาไปซะอีก

ตรงจุดนี้ การจัดการทีมของมูรินโญ่ ต้องยอมรับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ

แต่เอาตามความรู้สึกจริงๆนะครับ

ถ้าลิเวอร์พูลมีงบให้เบนิเตซเต็มตามที่ต้องการ เวลานั้นเฮียมูก็หนาวครับ 555

ในขณะที่ลิเวอร์พูลกำลังเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อยๆ และเชลซีก็ยังแข็งแกร่งต่อไป

อีกไม่นานครับ เชลซี - ลิเวอร์พูล จะเป็นคู่เดือดอันดับ 1 ในพรีเมียร์ลีก แน่นอน

รอดูกันต่อไปครับ ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะวัดกึ๋นของยอดกุนซือแห่งยุคคู่นี้

สรุปผลงานของมูรินโญ่

แชมป์ลีก(ปอร์โต้) 2 ครั้ง (เชลซี) 1 ครั้ง
แชมป์ UCL(ปอร์โต้) 1 ครั้ง
แชมป์ยูฟ่าคัพ(ปอร์โต้) 1 ครั้ง
แชมป์ลีกคัพ (เชลซี) 1 ครั้ง

ผลงานของเบนิเตซ

แชมป์ลีก (บาเลนเซีย) 2 ครั้ง
แชมป์ยูฟ่า (บาเลนเซีย) 1 ครั้ง
แชมป์ UCL (ลิเวอร์พูล) 1 ครั้ง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์