ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 10 ของฤดูกาล ที่สนามไวท์ ฮาร์ท เลน เป็นการพบกันระหว่าง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ อันดับ 5 ของตาราง ที่ยังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ รับการมาเยือนของ "แชมป์เก่า" เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 12 ของตาราง
เจ้าถิ่นที่มีเมาริซิโอ โปเช็ตติโน คุมทัพ หมดสิทธิ์ใช้งานมุสซา ซิสโซโก้ ที่ติดโทษแบนเป็นเกมที่ 2 จาก 3 นัด รวมถึง 2 นักเตะกำลังหลักอย่างโทบี้ อัลเดอร์ไวเรล และแฮร์รี เคน ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ รวมถึงเอริค ลาเมลา ที่ป่วย ชวดลงสนามเช่นกัน นอกนั้นนักเตะกำลังหลักของทีมอย่าง แยน แฟร์ตองเก้น, วิคเตอร์ วานยามา รวมถึงเดลเล อัลลี พร้อมลงสนามกันถ้วนหน้า ด้านเกมรุกฝากความหวังไว้ที่คริสเตียน อิริคเซน, ซน เฮือง-มิน และวินเซนต์ แยนส์เซน ในระบบ 4-1-4-1
ขณะที่ผู้มาเยือนอย่างเลสเตอร์ ไม่มีปัญหาในการจัดตัวผู้เล่นลงสนาม ขาดเพียงแค่นัมพาลีย์ เมนดี้ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ โดยเกมนี้มาในระบบ 4-4-2 เช่มเดิม แนวรับมีคริสเตียน ฟุชส์, โรเบิร์ต ฮูธ, เวสต์ มอร์แกน และแดนนี ซิมป์สัน ลงทำหน้าที่เช่นเคย ตรงใช้เป็นการทำเกมร่วมกันของแอนดี้ คิง และแดนนี ดริ๊งวอเตอร์ ขณะที่คู่ศูนย์หน้าวันนี้ใช้เจมี วาร์ดี้ จับคู่กับชินจิ คาซากิ
ช่วง 15 นาทีแรกทั้งสองทีมยังมีโอกาสบุกใส่กันไม่มาก โดยเลสเตอร์ได้โอกาสทักทายก่อนจากจังหวะหลุดเข้าไปในเขตโทษของมูซา แต่เจ้าตัวดันยิงบอลน้ำหนักเบาเกินไป จนสุดท้ายไปเข้ามือโยริส ช่วงนาทีที่ 9 ขณะที่สเปอร์สก็ได้ทักทายทีมเยือนในจังหวะบุกป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษ สุดท้ายลูกยิงไกลของเดมเบเล ยังไปติดบล็อกแนวรับแชมป์เก่า รวมถึงโอกาสยิงไกลอีกหนของเจ้าถิ่นโดยอัลลีและโรส แต่ชไมเคิลยังปฏิเสธลูกยิงดังกล่าวได้หวุดหวิด ในนาทีที่ 13 และ 14
จากนั้นเกมเป็นของเจ้าถิ่นเป็นส่วนมาก และมาได้โอกาสลุ้นหวาดเสียวอีกครั้งจากลูกฟรีคิกระยะราว 25 หลา ของอิริคเซน ที่ซัดบอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว ในนาทีที 20
นาทีที่ 33 แชมป์เก่าทำเกมบุกลุ้นประตูเป็นโอกาสที่สองของเกม และเป็นมาห์เรซที่ครอสบอลมาถึงศีรษะของโอคาซากิ ได้จังหวะขึ้นโขก แต่บอลยังเหินข้ามคาน และอีก 8 นาทีถัดมา สปอร์สพลาดได้ประตูออกนำอีกครั้ง เมื่อวอร์คเกอร์จัดการปาดบอลบริเวณริมเส้นฝั่งขวามาเข้าทางอัลลีได้ง้างเต็มข้อ และบอลดันไปชนคานอย่างจัง
ถัดมานาทีที่ 44 สเปอร์สที่บุกต่อเนื่องมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อโรเบิร์ต ฮูธไปดึงเสื้อแยนส์เซนจนล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าที่จะเป่าเป็นจุดโทษให้เจ้าถิ่น และเป็นหอกชาวฮอลแลนด์ที่ลุกขึ้นมาสังหารไปตรงกลางประตูชนิดที่ชไมเคิลหมดสิทธิ์ป้องกัน และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้