คูบ้าฮีโร่!โปแลนด์เฮครึ่งหลังเฉือนยูเครน 1-0

ศึกฟุตบอลยูโร 2016 เกมนัดสุดท้ายของกลุ่มซี ที่สนามสต๊าด เวโลโดรม ในเมืองมาร์กเซย์ เป็นการพบกันระหว่าง ยูเครน ทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่มที่ตกรอบไปแล้ว พบ โปแลนด์ ทีมอันดับสองของกลุ่ม มี 4 คะแนน จากการลงสนาม 2 นัด

มิคเฮย์โล โฟเมงโก้ กุนซือยูเครน จัด 11 ผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม พร้อมกับให้โอกาสผู้เล่นตัวสำรองลงสนามหลายคน ในระบบ 4-2-3-1 นำมาโดย อันเดร ปยาตอฟ เป็นผู้รักษาประตู เยฟเฮน คาเชริดี้,โอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ จับคู่ในแดนหลัง ขณะที่แนวรุกมี รุสตัน โรตัน กองกลางกัปตันทีมวัย 34 ปี และโรมัน โซซัลยา เป็นตัวทีเด็ด

ด้านโปแลนด์ ยังคงใช้ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ยืนเฝ้าเสา ในระบบ 4-4-2 นำมาโดย คามิล กลิค, เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ศูนย์หน้ากัปตันทีม

เกมเริ่มมาได้เพียง 2 นาที โปแลนด์ได้โอกาสทักทายก่อนจากการยิงบริเวณด้านขวาของกรอบเขตโทษยูเครนของอาร์คาดิอุสซ์ มิลิค แต่ยังไม่ติดเซฟของอันเดร ปยาตอฟนายทวารยูเครน และโอกาสซัดบอลจ่อๆบริเวณหน้าปากประตูของเลวานดอฟสกี้ ในนาทีถัดมา

ยูเครนได้โอกาสทักทายโปแลนด์ชนิดที่ได้ลุ้นประตูในนาทีที่ 9 จากการจ่ายบอลตัดกองหลังโปแลนด์ของโอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้มาถึงโรมัน โซซัลยาได้จังหวะยิงติดบล็อกแนวรับโปแลนด์ และจังหวะต่อเนื่องของอังเดร ยาโมเลนโก้ แต่ยังไม่ผ่านมือลูคัส ฟาเบียนสกี้

นาทีที่ 18 ยูเครนพลาดการได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะตัดบอลกลางสนามของรุสตัน โรตันเข้าให้อังเดร ยาโมเลนโก้ ได้โอกาสดวลเดี่ยวๆกับลูคัส ฟาเบียนสกี้ แต่สุดท้ายเป็นนายด่านของโปแลนด์ที่ออกมาปิดมุมไว้ได้ทัน

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 30 กลายเป็นยูเครนที่ตกรอบไปแล้ว สร้างสรรค์เกมบุกได้ดีกว่าโปแลนด์ และเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้งจากลูกยิงไกลของเยฟเฮน โคโนปลิยานก้า ทว่าบอลกลับหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ขณะที่โปแลนด์ยังไม่สามารถทำเกมไปสู่พื้นที่สุดท้ายของยูเครนได้มากเท่าที่ควร

ช่วงเวลาที่เหลือยังคงเป็นยูเครนที่ได้โอกาสทำเกมบุกเข้าทำใส่โปแลนด์อยู่ฝ่ายเดียว แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ผ่านแนวรับของโปแลนด์ และจบสกอร์ไม่เฉียบคมพอ โดยอาศัยการคุมจังหวะเกมแดนกลางของ รุสตัน โรตัน ที่คอยป้อนบอลให้บรรดาแข้งแนวรุกของทีม สลับกับการเล่นจังหวะฉาบฉวยของ โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้ ในการโจมตีพื้นที่สุดท้าย แต่สุดท้ายยังไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังคง 0-0

ครึ่งเวลาหลังโปแลนด์ไม่รอช้าสำหรับการขยับเปลี่ยนตัวผู้เล่น ถอดปิออเตอร์ ซีลินสกี้ ออก แล้วส่งแข้งจอมเก๋าอย่างยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ลงเข้าเล่นแทน

ช่วงเวลาที่เหลือในครึ่งหลัง กลายเป็นโปแลนด์ที่สร้างโอกาสบุกลุ้นทำประตูหนีห่างยูเครนได้บ่อยครั้งกว่าครึ่งแรก โดยเน้นการครองบอล จ่ายบอลที่แม่นยำ ขณะที่เกมบุกของยูเครนดูขาดความต่อเนื่องไม่เหมือนในครึ่งแรกที่ไล่ทำเกมรุกกดดันโปแลนด์ตลอด และเกือบได้ประตูตีเสมอช่วงท้ายเกมนาทีที่ 84 แต่สุดท้ายยังเป็นเกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค สกัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ท้ายที่สุดไม่มีฝ่ายใดทำสกอร์เพิ่มได้

จบเกม โปแลนด์เอาชนะยูเครน 1-0 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไปในฐานะทีมอันดับสองของกลุ่มซี ทำได้ 7 คะแนน จากการลงสนาม 3 นัด ขณะที่ยูเครนจบอันดับสุดท้ายของกลุ่มซี ตกรอบไปตามระเบียบ