มาร์ วิลม็อตส์ กุนซือเบลเยียม เปลี่ยนแปลงทีมบางตำแหน่งหลังเกมนัดแรกแพ้อิตาลี 0-2 ในระบบ 4-2-3-1 ผู้รักษาประตูยังคงใช้งานธิโบต์ กูร์ตัวส์ แนวรับนำมาโดย แยน แฟร์ตองเก้น,โทมัส แฟร์มาเลน,โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ ด้านแนวรุกมีเอเด็น อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์ รวมถึงยานนิค แฟร์ไรรา การ์รัสโซ และมุสซา เดมเบเล ที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริงเป็นเกมแรก และโรเมอู ลูกากู เป็นตัวทีเด็ด
ขณะที่ทีมยักษ์เขียว ของมาร์ติน โอนีล ไม่มี โจนาธาน วอลเตอร์ส ที่มีอาการบาดเจ็บจากเกมแรกที่เสมอสวีเดน 1-1 ในระบบ 4-4-1-1 นำมาโดยแข้งกำลังหลักเก๋าประสบการณ์อย่าง จอห์น โอเชีย กัปตันทีม, ซีมุส โคลแมน, เกล็น วีแลน, เวส ฮูลาฮาน โดยมี เชน ลอง เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า
ช่วง 15 นาทีแรกเป็นเบลเยียมที่มีโอกาสครองบอลบุกกดดันไอร์แลนด์ได้มากกว่า แต่บรรดาแข้งแนวรุกของทีมอย่างเอเดน อาร์ซา, เควิน เดอ บรอยน์ ยังคงใช้ทักษะความสามารถเฉพาะตัวหาพื้นที่เจาะแนวรับของทีมยักษ์เขียวไม่ได้ โดยทัพปิศาจแดงแห่งยุโรปได้โอกาสทักทายก่อนนาทีที่ 13 จากลูกโหม่งของโทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ ในจังหวะเตะมุม ทว่าบอลก็ยังหลุดเสาออกไป
ถัดมานาทีที่ 21 เบลเยียมพลาดได้โอกาสขึ้นนำจากการทำเกมบุกกดดันใส่ไอร์แลนด์อย่างต่อเนื่อง เมื่อเควิน เดอ บรอยน์ ได้โอกาสเปิดบอลทางริมเส้นฝั่งขวามาลุ้นในเขตโทษ และบอลมาเข้าทางเอเดน อาร์ซา ได้โอกาสสับไกลเต็มข้อ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 26 เบลเยียมบุกกดดันไอร์แลนด์และเกือบลุ้นได้ประตูออกนำอีกครั้ง จากลูกยิงและจังหวะตามซ้ำของยานนิค แฟร์ไรรา การ์รัสโซ แต่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะแรกที่ดาวเตะหมายเลข 11 ได้สัมผัสบอลไปแล้ว
ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรก ไอร์แลนด์แทบไม่มีโอกาสทำเกมบุกกดดันใส่เบลเยียม แม้จะใช้เกมมโต้กลับบุกกดดันบ้าง แต่แนวรับของเบลเยียมอาศัยจังหวะเพรสซิงสกัดบอลอยู่เสมอ ขณะที่เบลเยียมยังคงทำเกมบุกกดดันทุกรูปแบบ ทั้งการยิงไกล จ่ายบอลเข้าทำประตู ตลอดจนการลุ้นจากลูกตั้งเตะรูปแบบต่างๆ ทว่าโอกาสสุดท้ายก็ยังทำอะไรไม่ได้ และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลังได้เพียง 3 นาที เบลเยียมได้ประตูออกนำจากการเล่นเกมโต้กลับของเควิน เดอบรอยน์ ที่จัดการกระชากบอลขึ้นทางกราบขวา มาให้ โรเมลู ลูกากู ได้โอกาสยิงบริเวณหัวกะโหล ชนิดที่บอลกผ่านมือ ดาร์เรน แรนดอล์ฟ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม เบลเยียมออกนำ 1-0
ทัพยักษ์เขียวพยายามทำเกมบุกเพื่อหวังลุ้นทำประตูตีเสมอซึ่งแทบไม่เห็นในช่วงครึ่งแรกอยู่หลายครั้ง ทั้งจากลูกโยนมาลุ้นในเขตโทษของซีมุส โคลแมน และการซัดของร็อบบี้ เบร์ดี้ แต่ก็ยังไม่ผ่านแนวรับของเบลเยียม
กระทั่งนาทีที่ 61 ทัพปิศาจแดงแห่งยุโรปมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 จากการครอสบอลบริเวณริมเส้นฝั่งขวาของมัส เมอร์นิเยร์ มาเข้าทางแอ็กเซล วิทเซล โหม่งเต็มศีรษะตุงตาข่าย
เบลเยียมได้สกอร์หนีห่างออกไปถึง 3-0 จากเกมโต้กลับเร็วของเอเดน อาร์ซา ที่อาศัยความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลกว่าครึ่งสนามมาให้ โรเมลู ลูกากู ซัดจ่อๆผ่านมือดาร์เรน แรนดอล์ฟ เข้าประตู
เวลาที่เหลือไอร์แลนด์พยายามทำเกมบุกโจมตีเบลเยียมเพื่อหวังได้ประตูทวงคืน แต่จังหวะสุดท้ายก็ยังไม่สามารถเอาชนะเกมรับที่เหนียวแน่นของเบลเยียมได้ ขณะที่เบลเยียมเน้นการตั้งรับรอสวนกลับเป็นสำคัญ
ท้ายที่สุดไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้ จบเกม เบลเยียมถล่มไอร์แลนด์ยับ 3-0 คว้าสามคะแนนแรกในยูโร 2016 ได้สำเร็จ เพิ่มโอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ต่อไป โดยต้องลุ้นในเกมนัดสุดท้ายกับสวีเดน ขณะที่ทัพยักษ์เขียวยังคงต้องควานหาชัยชนะในเกมสุดท้ายกับอิตาลี