ทีมสิงโตคำรามได้โอกาสทักทายอีกครั้งในนาทีที่ 26 จากลูกตั้งเตะของเวย์น รูนีย์ โยนบอลมาเข้าทาง แกรี่ เคฮิลล์ ได้เทคตัวโหม่ง แต่ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก ก่อนที่บอลไปเข้ามือของเวย์น เฮนเนสซี่ย์
รูปแบบการเล่นส่วนใหญ่เป็นในครึ่งแรกเป็นอังกฤษที่มีโอกาสครองบอลบุกได้มากกว่า แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่มีทีเด็ดอะไรเจาะเกมรับของเวลส์ได้ ขณะที่เวลส์อาศัยการเกมเล่นโต้กลับโจมตีอังกฤษเป็นสำคัญ แต่ก็ยังมีโอกาสไม่มากนัก
ช่วงท้ายเกมในครึ่งเวลาแรกอังกฤษที่ยังคงบุกอยู่ฝ่ายเดียวพลาดการได้ประตูออกนำอีกครั้ง จากจังหวะลูกเตะมุมของเวย์น รูนีย์ ที่รับเหมาลูกตั้งเตะของทัพสิงโตคำราม โยนบอลเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่ คริส สมอลลิง ได้โขกเหน่งๆแต่บอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย รวมถึงโอกาสการพลาดได้ลูกโทษที่จุดโทษ จากจังหวะที่แนวรับเวลส์ใช้มือเล่นบอล แต่ผู้ตัดสินปฏิเสธโอกาสดังกล่าวอย่างไม่ลังเล
กระทั่งนาทีที่ 42 เกมตั้งรับและรอสวนกลับของเวลส์ กลับมาได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 เมื่อเวย์น รูนีย์ กัปตันทีมอังกฤษตัดฟาวล์ฮัลล์ ร็อบสัน-คานู บริเวณนอกกรอบเขตโทษ ก่อนที่แกเร็ธ เบล เจ้าเดิมที่รับหน้าที่สังหารลูกฟริคิกระยะกว่า 20 หลา บอลลอยหนีกำแพงชนิดที่โจ ฮาร์ทพุ่งปัดไม่ถึงก่อนจะพุ่งลงพื้นเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้จบครึ่งเวลาแรก ทัพมังกรแดงออกนำไปก่อน 1-0
ช่วงต้นเกมในครึ่งเวลาหลังเกมบุกของอังกฤษดูหวือหวา มีมิติขึ้น ขณะที่เวลส์ยังคงแทบไม่มีโอกาสได้บุกอังกฤษเช่นเดิม
จนกระทั่งนาทีที่ 56 แฟนบอลอังกฤษได้เฮลั่นสนาม เมื่อแอชลีย์ วิลเลียมส์ โหม่งบอลสกัดจากจังหวะเกมบุกของอังกฤษไม่ดีพอ จนบอลมาเข้าทางเจมี วาร์ดี้ ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาในครึ่งหลัง ได้โอกาสซัดเหน่งๆผ่านมือ เวย์น เฮนเนสซีย์เข้าประตูไปซุกก้นตาข่าย อังกฤษไล่ตีเสมอ 1-1
เกมดำเนินมาถึงช่วงกลางของครึ่งเวลาหลัง เวลส์เริ่มขยับเปลี่ยนตัวผู้เล่นตัวจริงจากนัดที่แล้วอย่างเดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ และจอนนี วิลเลียมส์ลงสนาม เพื่อหวังได้โอกาสครองบอลหวังใช้เกมโต้กลับโจมตีบ้าง ขณะที่อังกฤษเพื่อตัวคนสุดท้ายด้วยการส่ง มาคัส รัชฟอร์ด ลงแทน อดัม ลัลลานา
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม รูปเกมยังคงเป็นอังกฤษที่ไล่บุกกดดันเวลส์อย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่แม่นยำพอ บวกกับเกมรับของเวลส์ก็ยังคงช่วยกันได้ดี ขณะที่เวลส์ก็ยังไม่มีโอกาสบุกอังกษเลยแม้แต่น้อย มีเพียงการส่องประตูนอกกรอบเขตโทษของเดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ แต่ก็ยังคงไม่ได้ลุ้นอะไร
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+2 อังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากตัวสำรองอย่างแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ยิงฉีดยาผ่านแนวรับและนายทวารทัพมังกรแดงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
หมดเวลาการแข่งขันของศึกดาร์บี้แมตช์แห่งสหราชอาณาจักร อังกฤษได้ 2 ตัวสำรองลงสนามเป็นซูเปอร์ซับทำประตูตีไล่แซงเวลส์ไป 2-1 คว้า 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ