ไม่ว่าจะเป็นการให้คะแนนของ เดฟ โมเร็ตติ, เกล็น เฟลด์แมน และ เบิร์ต เอ. คลีเมนต์ส 118-110, 116-112 และ 116-112 แยกเป็นจำนวนยกที่ทั้งหมดให้ฟลอยด์ชนะถึง 10, 8 และ 8 ยกตามลำดับ
จากกฎกติกาการให้คะแนนมวยสากลที่หากฝ่ายไหนชกเหนือกว่าตั้งแต่ระดับสูสีจนเห็นชัดเจนจะได้10คะแนนอีกคนได้ 9 คะแนน, ไล่ยำข้างเดียวแต่อีกฝ่ายไม่โดนนับ 8 จะได้ 10-8 คะแนน ไม่ต่างจากการมีนับ 8 ก็จะได้แต้ม 10-8 เช่นกัน แต่ถ้ามี 2 นับต่อยกเป็น 10-7, มากกว่า 2 นับ 10-6 และสูสีให้เสมอกันได้ 10-10
ขณะที่สถิติการชกไฟต์นี้ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือฟลอยด์แทบจะเหนือกว่าทั้งหมด แม้หลายคน โดยเฉพาะแฟนมวยปาเกียวจะคิดว่าฝ่ายหลังออกหมัดและเดินเข้าใส่กำปั้นชาวอเมริกันอยู่ฝั่งเดียวก็ตาม
ทั้งจำนวนหมัดที่ชกออกมาทั้งหมดเป็นฟลอยด์ที่มากกว่า435-429โดยหมัดเข้าเป้าก็ยังเป็นฝ่ายแรกที่มากกว่า 148-81 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 34-19 ไม่ต่างจากหมัดแย็บที่ 267-193 แย็บเข้าเป้า 67-18 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 25-9 จะมีแค่การออกหมัดเต็มแรงที่เมย์เวทเธอร์น้อยกว่า 168-236 แต่เมื่อดูจากหมัดเข้าเป้าก็ไม่พ้นเป็นฟลอยด์ที่เหนือกว่า 81-63 หมัดอยู่ดี คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 48-27
จนปาเกียวถึงกับโวยทั้งระหว่างให้สัมภาษณ์บนเวทีและหลังการชกว่าถูกปล้นชัย แต่แล้วกระแสกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อบรรดาอดีตมวยดัง และคนในวงการมวยที่มีความน่าเชื่อถือหลายรายมีความเห็นเกือบเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟลอยด์เป็นฝ่ายชนะคะแนนจริง แต่ไม่วายเหน็บแนมกันเป็นแถวว่า เป็นการชกน่าเบื่อไม่สมกับเป็นไฟต์แห่งศตวรรษแต่อย่างใด
หลังจากนั้นแค่ 2 วัน เว็บไซต์มวยที่ชื่อ "บ็อกซิ่งนิวส์24ดอทคอม" (boxingnews24.com) ได้เปิดประเด็นเอาใจแฟนฝั่งปาเกียวด้วยการใช้ทีมงานนั่งชมเทปการชก ชนิดมีทั้งภาพปกติไปจนถึงภาพช้า และซุปเปอร์สโลว์โมชั่น พร้อมให้คะแนนกันยกต่อยก
ปรากฏว่าฟลอยด์ออกหมัดชกมากกว่าปาเกียวจริง แถมเป็นตัวเลขที่มากกว่าสถิติอย่างเป็นทางการหลังการชก (435-429 หมัด) เสียอีกที่ 471-414 หมัด แต่ที่แตกต่างกันอย่างลิบลับคือหมัดเข้าเป้าจากเดิมคือ 148-81 กลับกลายเป็น 68-98 หมัด โดยหมัดของปาเกียวใกล้เคียงกับสถิติเดิม ทว่าของฟลอยด์กลับน้อยกว่าถึง 1 เท่าตัว
http://www.matichon.co.th/online/2015/05/14316865451431686562l.jpg
แถมคะแนนที่ออกมาก็ยังเท่ากันที่ต่างฝ่ายต่างชนะกันคนละ 6 ยก จนมีคะแนนเท่ากันที่ 114-114 ชนิดที่ดูแล้วปาเกียวน่าจะเป็นฝ่ายเฉือนชนะเสียด้วยซ้ำ
ประเด็นก็คือ เว็บไซต์ดังกล่าวเผยข่าวนี้มาตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม แต่ "เดลี่ เมล" ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อมีชื่อระดับโลกของประเทศอังกฤษ เพิ่งเอามาขยายความในอีก 7 วันถัดมา
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าสื่อเจ้านี้เคยให้ เจฟฟ์ พาวล์ หนึ่งในนักข่าวดังของสำนักพิมพ์ไปเกาะติดถึงริงไซด์ และวิเคราะห์คะแนนหลังการชกทันควันว่า ฟลอยด์กับปาเกียวควรจะเสมอกันที่ 115-115 คะแนนมาแล้ว แถมยังเป็นสื่อที่เอาประเด็นว่ากรรมการอาจให้คะแนนผิดฝั่งจากการที่นักมวยทั้งคู่นั่งคนละมุม (แดง-น้ำเงิน) กับใบคะแนนที่ปรากฏในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กมากระจายข่าวอีก
นอกจากสื่อที่ทำท่าไม่ยอมจบเรื่อง "เสี้ยม" หลังไฟต์นี้ง่ายๆ แล้ว ตัว "คน" ก็ไม่ต่างกัน ทั้ง "จอมโว" อย่างฟลอยด์ที่ทำตัวเป็นพ่อพระกับการให้สัมภาษณ์ยกย่องปาเกียว และอาจเปิดโอกาสให้แก้มือในไฟต์สุดท้ายที่ 49 ก่อนแขวนนวมของตัวเอง ทั้งที่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ซีเนียร์ ผู้เป็นทั้งพ่อและเทรนเนอร์ยืนยันตั้งแต่หลังชกเสร็จว่า ไม่มีความจำเป็นที่ลูกชายของตนจะต้อง "รีแมตช์" กับปาเกียว เพราะผลลัพธ์ทุกอย่างก็จะออกมาเหมือนเดิม แถมจะเป็นการชนะที่มากยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ