สุดยอดข่าวกีฬา 2014
สุดยอดข่าวกีฬา 2014 : 24 ปีที่รอคอย เยอรมัน-ยุโรปชาติแรก หยิบแชมป์บอลโลกจากแดนละติน
ตลอดปี 2014 ที่กำลังผ่านพ้นไป มหกรรมฟุตบอลโลก ที่บราซิล ได้รับความสนใจอย่างมากจากแฟนบอลทั่วโลก ที่เฝ้าติดตามชมระหว่างวันที่ 12 มิ.ย. - 13 ก.ค.
ทีม อินทรีเหล็กเยอรมนี ผงาดคว้าแชมป์โลกได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงาม ดุดัน เกมรุกเฉียบคม โดยนัดชิงเฉือนทีม ฟ้าขาวอาร์เจนตินา 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากลูกยิงของ มาริโอ เกิตเซ่ กองกลางตัวสำรอง
เป็นแชมป์สมัยที่ 4 หลังเคยได้มาแล้วเมื่อปี 1944, 1974 และ 1990
นับเป็นครั้งแรกที่ทีมจากยุโรป สามารถคว้าแชมป์โลกได้ที่ดินแดนอเมริกาใต้
ขณะเดียวกัน มิโรสลาฟ โคลเซ่ หัวหอกเยอรมันวัย 36 ปี จากสโมสรลาซิโอ สร้างประวัติศาสตร์ครองดาวยิงสูงสุดตลอดกาลฟุตบอลโลก เมื่อซัดเพิ่มอีก 2 ลูก จากเกมเสมอกานา 2-2 และเกมรอบรองชนะเลิศ ถล่มบราซิล 7-1
รวมยิงทั้งหมด 16 ลูก ทำลายสถิติของโรนัลโด้ ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิล ที่ทำไว้ 15 ลูก
แม้อาร์เจนตินาจะได้แค่รองแชมป์ แต่สำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้ากัปตันทีมก็โชว์ผลงานในฟุตบอลโลกได้ดีที่สุด ยิงทั้งหมด 4 ประตู
ในปีนี้ เมสซี่นำอาร์เจนตินาเข้าชิง พร้อมกับคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน
สำหรับทัพนักเตะแซมบ้าบราซิลเจ้าภาพ อดีตแชมป์ 5 สมัย ถือว่าผลงานผิดหวังอย่างสิ้นเชิง ก่อนแข่งพวกเขาเป็นตัวเต็งที่จะคว้าถ้วยฟีฟ่าสมัยที่ 6 ต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่น เพราะได้เปรียบทุกอย่าง แต่ผลงานในสนามย่ำแย่ ไม่สมกับที่แฟนบอลคาดหวังจะได้เห็นสไตล์ แซมบ้า ที่ตื่นตาตื่นใจ และเต็มไปด้วยเทคนิคแพรวพราวเหมือนอดีต
บราซิลต้องฝันร้ายพ่ายยับเยินที่สุดคาบ้านหลังแพ้เยอรมนี1-7 ในรอบรองชนะเลิศ
ส่วนนัดชิงที่ 3 บราซิล แพ้ ฮอลแลนด์ 0-3 ได้เพียงอันดับ 4
ขณะที่ทีมเต็งอื่นๆ ร่วงรอบแรกกันหลายราย โดยเฉพาะ กระทิงดุสเปน แชมป์เก่าพลิกตกรอบแรกอย่างไม่น่าเชื่อ ชนะ 1 นัด แพ้ 2 นัด รั้งอันดับ 3 ของกลุ่มบี ปล่อยให้ฮอลแลนด์ และชิลี เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
ส่วน สิงโตคำรามอังกฤษ ก็เช่นกัน ไม่ชนะทีมใดเลย แพ้ 2 นัด เสมอ 1 นัด รั้งบ๊วยของกลุ่ม ตกรอบแรก พร้อมอิตาลี ทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม ผลงานชนะ 1 นัด แพ้ 2 นัด
นอกจากนี้ ฝอยทองโปรตุเกส เป็นอีกทีมเต็งที่ร่วงรอบแรก
ภายใต้การนำทัพของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าจากรีล มาดริด เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า หรือฟีฟ่า บัลลงดอร์ โปรตุเกสอยู่กลุ่มจี จบอันดับ 3 มี 4 แต้มเท่ากับสหรัฐ ทีมอันดับ 2 แต่ประตูได้เสียเป็นรอง จึงตกรอบ
ฟุตบอลโลกครั้งนี้นักเตะโนเนมสร้างชื่อมากมาย โดยเฉพาะผู้รักษาประตูที่โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ ทั้ง ทิม ฮาวเวิร์ด ของสหรัฐ เคลาดิโอ บราโว่ ของชิลี เคย์เลอร์ นาบาส ของคอสตาริกา กิเยร์โม่ โอชัว ของเม็กซิโก
เช่นเดียวกับประตูสุดสวยมีให้จดจำหลายช็อตหลายลูก โดยเฉพาะลูกพุ่งโหม่งของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ ในเกมรอบแรก ก่อนชนะสเปน 5-1
ลูกยิงสุดสวยขั้นเทพของ ฮาเมส โรดริเกซ กองกลางดาวรุ่งโคลัมเบีย ในรอบสอง ที่ยิงชนะอุรุกวัย 2-0 ทิม เคฮิลล์ กองหน้าตัวเก๋าของออสเตรเลียก็ทำประตูได้สวยงามในเกมที่แพ้ฮอลแลนด์ 2-3
ขณะเดียวกัน มีเรื่องอื้อฉาวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย กัดไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ในเกมรอบแรกของกลุ่มดี จนโดนโทษแบนห้ามเล่นทีมชาติ 9 นัด และแบนอีก 4 เดือน
สำหรับ ฮาเมส โรดริเกซ กองหน้าทีมชาติโคลัมเบีย คว้าดาวซัลโวสูงสุด หรือโกลเด้น บู๊ต อวอร์ด จากการทำได้ทั้งหมด 5 ประตู
ส่วนทีมชาติโคลัมเบีย ได้รับรางวัลมารยาทยอดเยี่ยม หรือฟีฟ่า แฟร์เพลย์ อวอร์ด
ด้าน มานูเอล นอยเออร์ นายทวารมือ 1 ทีมชาติเยอรมนี ได้รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม หรืออาดิดาส โกลเด้น โกลฟ อวอร์ด จากผลงานที่ทำให้เยอรมนีเป็นแชมป์โลก
ส่วนรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม เป็นของ พอล ป๊อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส
ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่ม มีชาวบ้านประท้วงตามเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซาเปาโล นครริโอ เดอ จาเนโร เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ทุ่มงบฯ ไปกับการเตรียมจัดฟุตบอลโลก โดยไม่สนใจแก้ปัญหาความยากจน ข้าวของแพง ระบบสาธารณูปโภค และการศึกษาประชาชน แต่การแข่งขันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
พร้อมความสำเร็จของ อินทรีเหล็กเยอรมนี กับแชมป์โลกสมัยที่ 4