ช้างศึก คืนฟอร์มเปิดบ้านอัด ฟิลิปปินส์ 3-0

ช้างศึก คืนฟอร์มเปิดบ้านอัด ฟิลิปปินส์ 3-0

"ช้างศึก" คืนฟอร์มเปิดบ้านอัด "ฟิลิปปินส์" 3-0 ลิ่วรอบชิงฯสมัยที่ 7 ฟันอัดฉีด 3 ล้าน

ศึกลูกหนังชิงแชมป์อาเซียน “ซูซูกิคัพ 2014” รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย พบ ฟิลิปปินส์ ซึ่งเกมนี้ทีมชาติไทยจำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียวจึงจะมีสิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ หลังจากที่นัดแรกบุกไปเสมอทีมชาติฟิลิปปินส์ 0-0 


เกมนี้ได้รับความสนใจจากแฟนบอลหลายหมื่นคนที่เดินทางมารอเข้าชมเกมนัดสำคัญของทีมชาติไทย

โดยแฟนบอลเดินทางมารอชมเกมตั้งแต่ช่วงบ่าย ขณะที่แฟนบอลที่ยังไม่มีบัตรเข้าชมเดินทางมาต่อคิวเพื่อซื้อบัตรตั้งแต่ 9.00 น. โดยไทยทิกเกตเมเจอร์นำบัตรเข้าชมการแข่งขันที่แฟนบอลจองผ่านทางอินเตอร์เน็ตแล้วไม่มารับบัตรมาจำหน่ายจำนวน1,500ใบ ซึ่งใช้เวลาเพียง 40 นาทีก็จำหน่ายหมด


ขณะที่ความพร้อมของทีมเกมนี้ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลประกาศอัดฉีด 1.5 ล้านบาท หากทีมชาติไทยเอาชนะฟิลิปินส์ได้ รวมถึงอัดฉีดให้อีกประตูละ 5 แสนบาท นอกจากนี้สมาคมฟุตบอลยังมอบเงินช่วยเหลือให้กับฟิลิปปินส์หลังโดนพายุฮากูปิตถล่มจนเสียหายอย่างหนักอีกจำนวน10,000เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 320,000 บาท โดยจะมอบเงินจำนวนนี้ผ่านทางสมาคมฟุตบอลฟิลิปปินส์


สำหรับเกมนี้ "ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ส่งนักเตะที่ดีที่สุดลงสนามประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, นฤบดินทร์ วีรวัฒนโนดม, สุทธินันท์ พุกหอม, พีรพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ชาริล ชัปปุยส์, สารัช อยู่เย็น, ประกิต ดีพร้อม, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคล ทศไกร และ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ 


เริ่มเกมได้ 6 นาที ทีมชาติไทย ได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายไปที่หน้าประตู มงคล ทศไกร กระโดดโหม่งย้อนกลับมาแถวสองให้ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ กดด้วยขวาบอลเสียบเสาแรกเป็นประตูให้ทีมชาติไทยนำ 1-0 เรียกเสียงเชียร์จากแฟนบอลหลายหมื่นคนที่เข้ามาชมเกมจนดังกึกก้องไปทั่วสนาม


ถัดมาอีก 3 นาที ไทย เกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ ชนาธิป จ่ายทะลุช่องให้ มงคล หลุดเข้าไปยิงติดเซฟของ แพทิก เดโต้ ผู้รักษาประตูฟิลิปปินส์ ออกหลังไป 


หลังได้ประตูขึ้นนำทีมชาติไทยเล่นด้วยความมั่นใจ ครองเกมบุกอยู่ฝ่ายเดียว นาที 37 ไทยมีลุ้นประตูอีกครั้ง นฤบดินทร์ วีรวัฒนโนดม เติมเกมมาสุดเส้นหลังก่อนจะเปิดบอลไปที่หน้าประตู บอลเลยไปถึง พีรพฒน์ โน๊ตชัยยา ที่เติมเกมขึ้นมายิงข้ามคานออกไปนิดเดียว


ท้ายครึ่งแรกนาที 43 ทีมชาติไทย มีโอกาสได้ประตูที่สองมากที่สุด สารัช อยู่เย็น เปิดบอลให้ ประกิต ดีพร้อม หลุดเดียวเข้าไปเอาบอลลงหนึ่งจังหวะ แต่ไม่ยอมยิงเลือกที่จะจ่ายให้ ชาริล ชัปปุยส์ แต่จ่ายไม่ดีบอลแรงออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย


ครึ่งหลัง นาที 57 เสียงเชียร์ดังลั่นทั่วสนามอีกครั้ง ทีมชาติไทย ได้ประตูขึ้นนำ 2-0 จากจังหวะที่ ประกิต ดีพร้อม แทงทะลุช่องให้ เกริกฤทธิ์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแปด้วยขวาบอลเสียบเสาสองเข้าประตูไปอย่างสวยงาม


จากนั้นรูปเกมยังเป็นทีมไทยที่เล่นได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน นาที 78 ชนาธิป จ่ายให้ เกริกฤทธิ์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงแต่วางเท้าไม่ดีบอลหลุดกรอบออกไป ช่วงท้ายเกม ฟิลิปปินส์ เหลือผู้เล่น 10 คน พอล เดอ ล่า มุลเดอร์ ไปทำฟาล์ว ประกิต โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม


เกมทำท่าว่าจะจบด้วยสกอร์นี้ แต่ท้ายเกมนาที 86 เกริกฤทธิ์ มายิงประตูที่ 2 ของตัวเอง เป็นประตูปิดท้ายช่วยให้ทีมชาติไทยเอาชนะ ฟิลิปปินส์ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสมัยที่ 7 โดยจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง มาเลเซีย และเวียตนาม ที่จะแข่งขันในวันที่ 11 ธ.ค.นี้


นอกจากนี้ทีมชาติไทยยังรับเงินรางวัลอัดฉีดจากสมาคมฟุตบอล 3 ล้านบาท


สำหรับรอบชิงชนะเลิศนัดแรกจะมีขึ้นในวันที่ 17 ธ.ค. โดยทีมชาติไทยจะลงเล่นที่สนามราชมังคลากีฬาสถานก่อน ส่วนนัดที่ 2 จะแข่งขันในวันที่ 20 ธ.ค. 57



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์