อินทรีเหล็ก ถล่ม บราซิล ยับเยิน 7-1 เข้าชิงชนะเลิศบอลโลก โคลเซ่ทำสถิติใหม่
การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นการพบกันของสองทีมใหญ่ ระหว่าง บราซิล เจ้าภาพ ลงสนามพบ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน เกมนี้ ขุนพลเซเลเซา ทีมชาติบราซิล ลงเล่นในระบบ 4-3-3 ส่วนรายชื่อ 11 ตัวจริงประกอบไปด้วย ฮูลิโอ เซซาร์, ดาวิด ลุยซ์, เฟอร์นันดินโญ, มาร์เซโล, ฮัล์ก, เฟร็ด, ออสการ์, ดานเต้, หลุยส์ กุสตาโว, เบอร์นาร์ด, และ ไมค่อน
ส่วนอินทรีเหล็ก เยอรมนี ลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 พร้อมส่งนักเตะหลัก 11 ตัวจริงลงสนาม นำทีมโดย มานูเอล นอยเออร์, เบเนดิกซ์ โฮเวเดส, มัตส์ ฮุมเมิลส์, ซามี่ เคดิร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, เมซุต โอซิล, มิโรสลาฟ โคลเซ่, โธมัส มุลเลอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, โทนี่ โครส และ เยอโรม บัวเต็ง เจ้าภาพบราซิลขาด เนย์มาร์ ดาวดังซึ่งบาดเจ็บจากนัดพบโคลัมเบีย มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่น 3 คนขณะที่ฝั่ง “อินทรีเหล็ก”ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากนัดที่แล้วแต่อย่างใด
ช่วงพิธีการลงสู่สนามและร้องเพลงชาตินั้น เซซาร์ นายทวารแซมบ้า และเดวิด ลุยซ์ ร่วมกันถือเสื้อเบอร์ของ เนย์มาร์เป็นการให้เกียรติถึงเพื่อนที่บาดเจ็บกลับบ้านไมได้ลงเล่น หลังเสร็จสิ้นการร้องเพลงชาติ เริ่มการแข่งขันที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโลออริซอนเต้ เยอรมันเป็นฝ่ายเขี่ยบอลก่อน แค่นาทีแรก บราซิลก็ได้เตะมุมแต่แนวรับอินทรีเหล็กยังเคลียร์บอลพ้นอันตรายออกมาได้ ตลอด 5 นาทีแรกยังเป็นฝ่ายเจ้าภาพเปิดเกมรุกเข้าใส่วูบวาบ ฮัล์กได้บอลวิ่งทางกราบซ้ายก่อนเปิดเข้ามาหน้าประตู ทว่า นอยเอร์ นายทวารเยอรมันยังรับอลไว้ได้
นาทีที่ 10 มุลเลอร์ รับบอลโยนข้ามฟากมาให้ โอซิล ก่อนมิดฟิลด์จากอาร์เซนอลจ่ายบอลเข้ากลางมาให้เคดิราแปเน้นๆ แต่บอลกลับโดนก้นโครส เพื่อนร่วมทีมที่ยืนบังเสียเอง ถัดมาอึดใจ กองเชียร์แซมบ้าถึงกับช็อก เมื่อโทนี่ โครสโยนบอลข้ามฟากมาที่เสาไกล หลุดไปถึง โธมัส มุลเลอร์ที่วิ่งเข้ามาแปโล่งๆ แบบไม่มีใครประกบ บอลพุ่งหนีมือเซซาร์เข้าประตูให้เยอรมันขึ้นนำเร็ว 1-0
บราซิลพยายามเร่งเอาคืนสวนกลับบ้านแต่ก็ถูกผู้เล่นเยอรมันตัดบอลได้หมด ถึงนาทีที่ 16 แบร์นาร์ดได้บอลทะลุช่องมาทางขวา แต่ก็ถูกสกัดบอลเสียโอกาสไปอีก ถึงนาที 18 มาร์เซโลกระชากพาบอลหลุดเข้ามาในกรอบเยอรมัน แต่ฟิลิป ลาห์ม วิ่งสอดเข้ามาสไลด์สกัดบอลออกเส้นหลังไปหวุดหวิดมาร์เซโล ลุกขึ้นมาจะเอาจุดโทษ แต่บัวเต็งวิ่งเข้ามาเถียงเกิดฮึดฮัดกันทั้งสองฝ่าย ก่อนบราซิลจะได้เพียงแค่เตะมุม ทว่าก็ยังไม่ได้ลุ้นจังหวะสุดท้ายอยู่ดี
เกมผ่านไปถึงนาทีที่ 23 กองเชียร์เมืองเบียร์ได้ส่งเสียงกันลั่นอีกครั้ง จากจังหวะโทนี่ โครสแทงบอลเข้ากลางให้มุลเลอร์ ก่อนตอกส้นให้โคลเซ่ในกรอบเขตโทษฉีกมายิงเน้นๆแต่บอลติดเซฟเซซาร์ จังหวะแรก แฉลบไปเข้าทาง มิโรสลาฟ โคลเซ่ อีกครั้งเสียบตาข่าย ทำให้เยอรมัน นำห่างเป็น 2-0 และะทำสถิติยิง 16 ประตูสูงสุดในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ แซงหน้าโรนัลโด้ของบราซิล
ถัดมาอีกเพียงนาทีเดียว แนวรับบราซิลชักเละ เมื่อมุลเลอร์ได้บอลหลุดมาถึงโทนี่ โครส นอกกรอบก่อนยิงด้วยซ้ายเต็มๆ บอลพุ่งตุงตาข่าย ให้อินทรีเหล็กนำห่างเป็น 3-0 เกมของเจ้าภาพยิ่งออกอาการรวนเห็นได้ชัด ถึงนาที 26 แฟนบอลเซเลเซาเจ้าภาพถึงกับน้ำตาซึม ร้องไห้กันระงม เมื่อโทนี่ โครส แปเน้นๆ ส่งบอลเข้าไปกองตาข่ายกลายเป็นประตูให้เยอรมัน ไหลเป็น 4-0
ไม่เพียงเท่านั้นถึงนาทีที่ 29 ซามี่ เคดิรา กดประตูที่ห้า จากการทำชิ่ง ก่อน เมซุต โอซิลจะจ่ายให้เคดิราแปโล่งๆ ให้เยอรมัน นำสุดโต่งเป็น 5-0 ในช่วงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แม้จะนำขาดแต่เยอรมันยังคงโหมบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง หลุยส์ กุสตาโว เริ่มเสียจังหวะ จากการเข้าเสียบโครส ทำให้บราซิลเสียลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษอีกครั้งทว่าโอซิลปั่นด้วยซ้ายข้ามคานเสียของไป
จบครึ่งแรก แทบไม่น่าเชื่อว่า "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน จะนำ ห่างถึง 5-0 ประต้นครึ่งหลัง บราซิลต้องปรับเกมกันอุตลุต ส่งเปาลินโญ่ แทน แฟร์นันดินโญ่ และ รามิเรส แทน ฮัล์ก ที่เล่นไม่ออก ขณะที่เยอรมันเปลี่ยนเพอร์ แมร์เตซักเกอร์ ลงแทน มัตส์ฮุมเมิลส์
เริ่มครึ่งหลัง เป็นเจ้าภาพแซมบ้า ที่โหมเกมรุกเข้าใส่ รามิเรสรับบอลข้ามหัวมาจากกองหลังแต่จังหวะสุดท้าย แมร์เตซักเกอร์ เข้ามาสกัดบอลออกไปได้ทัน ช่วงสิบนาทีของต้นครึ่งหลังคล้ายกับช่วงสิบนาทีต้นครึ่งแรก ที่บราซิลบุกหนัก แต่จากนั้น เยอรมันเริ่มตั้งหลักได้ และกลับมาสวนกลับเป็นระลอก
ถึงนาที 58 อินทรีเหล็ก เปลี่ยนตัว มิโรสลาฟ โคลเซ่ วัย 36 ปีลงมาพัก และส่ง อังเดร ชูร์เล ลงไปแทน จังหวะถัดมา เคดิรา แทงบอลหลุดขึ้นมาทางขวา ให้ชูร์เล ลากมาทางริมเส้น แต่ผู้เล่นบราซิลช่วยกันเคลียร์พ้นอันตรายไปได้ ถึงนาที 67เยอรมันยังได้บอลบุกขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เคราะห์ยังดี เซซาร์ของบราซิลยังปัดบอลพ้นอันตรายไปได้หวุดหวิด
นาที 68 ดานเต้ผู้เล่นบราซิลโดนใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกม ถัดมานาทีเดียว ลาห์มได้บอลขึ้นมาแบบไม่มีใครประกบ ก่อนจะปาดมาหน้าประตูให้เพื่อน อังเดร ชูร์เลเข้ามาซัดเต็มข้อ ก่อน มุลเลอร์ เพื่อนร่วมทึมจะถึงบอลส่งบอลเข้าตาข่ายกลายเป็นประตูที่ 6 สยบความหวังที่จะฮึดของบราซิลไปอีกเม็ด
นาที 70 บราซิลเปลี่ยนผู้เล่นส่ง วิลเลียน ลงแทน เฟร็ด แต่สถานการณ์ของเจ้าภาพยังไม่ดีขึ้นถึงนาที 76 เยอรมันเปลี่ยน จูเลียน ดรักซ์เลอร์ ลงแทน ซามี เคดิรา จังหวะถัดมาลุยซ์ เริ่มหัวเสีย จังหวะยันบอลกับ มุลเลอร์ ถึงกับมีปากเสียงกันเคราะห์ดีไม่มีใครโดนใบเหลือง ทว่าถึงนาที 79 เยอรมันโยนบอลยาวเข้ามาเกือบถึงเส้นหลังก่อน โธมัส มุลเลอร์ เบียดแย่งบอลกับ ดานเต้ก่อนจะดีดบอลกลับมาให้ชูร์เล่จับบอลด้วยขวาก่อนตวัดยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งงัดเเสยใต้คานเข้าประตูเป็นอีก กลายเป็นสกอร์ให้เยอรมัน นำห่าง บราซิล ถึง 7-0
ท้ายเกมนาที 89เยอรมันเกือบหนีห่างเป็น ประตูที่ 8 จากการหลุดเข้ายิงโล่งของโอซิลแต่บอลเฉียดเสาสองไปนิดเดียว จังหวะสวนกลับเร็ว ออสก้าร์ลากบอลหลุดเดี่ยวขึ้นมาบ้าง ก่อนล็อกหนึ่งจังหวะแล้วสับไกยิงเต็มข้อเป็นประตูตีไข่แตกให้ขุนพลเซเลเซา
จบเกม เยอรมัน ถล่ม บราซิล ไปอย่างท่วมท้นถึง 7-1 กลายเป็นสกอร์สูงสุดในทัวร์นาเม้นต์นี้และยังเป็นการเสียประตูชนิดย่อยยับของเจ้าภาพบราซิล อย่างชนิดช็อกความรู้สึกของแฟนบอล ขณะที่ผู้เล่นเยอรมันเดินปลอบใจนักเตะบราซิล โดยเฉพาะดานเต้ที่เป็นเพื่อนร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิกด้วยกัน ทั้งนี้ เยอรมันเข้าไปรอชิงชนะเลิศกับทีมระหว่างฮอลแลนด์หรืออาร์เจนตินา ในวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค. ส่วนบราซิลรอเล่นนัดชิงที่ 3 วันเสาร์ที่ 12 ก.ค.