หลังจบบิ๊กแมตช์นัดแรกของฟุตบอลโลก 2014 แชมป์เก่า "กระทิงดุ" สเปน โดน "อัศวินสีส้ม" เนเธอร์แลนด์ พลิกขย้ำไปแบบเหนือความคาดหมาย 5-1 ทำให้มีการตั้งคำถามจากแฟนบอลทั่วโลกว่า "หมดเวลาของสเปนแล้วหรือยัง?"
สเปนเจอความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดเมื่อฟุตบอลโลก ปี 1950 ครั้งนั้นแพ้ บราซิล 1-6
และแมตช์ที่ผ่านมาถือเป็นความเละเทะที่รองลงมา ซึ่งถ้ามองย้อนไป การที่สเปนแพ้ในแมตช์นี้เป็นสถิติใหม่ของแชมป์เก่าที่เจอความปราชัยหนักหนาสาหัสที่สุดในแมตช์แรกของรอบแบ่งกลุ่มเสียด้วย
ในฟุตบอลโลก 2014 ทีมกระทิงดุชุดนี้มีค่าเฉลี่ยการลงเล่นทีมชาติ 60 แมตช์ต่อคน บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือทำทีมแพ้เพียง 8 จาก 85 นัด และไม่เคยเสียประตูในรอบน็อกเอาต์ของ 3 ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ หลังสุด คือยูโร 2008 ฟุตบอลโลก 2010 และยูโร 2012 ซึ่งสเปนคว้าแชมป์ได้ทั้งหมด
ฟุตบอลโลก 2010 สเปนในฐานะแชมป์ยูโร 2008 โดน สวิตเซอร์แลนด์ เฉือนชนะ 1-0 ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม วันนั้นก็โดนวิจารณ์ไม่น้อย แต่หลังจากนั้นก็คว้าชัยทุกนัดและคว้าแชมป์โลกในที่สุด แต่วันนั้นไม่ใช่วันนี้!
นิยายกระทิงดุ หมดยุคหรือ หักมุม
ว่ากันว่าฤทธิ์ของสเปนเริ่มอ่อนลงตั้งแต่ฟุตบอลคอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ 2013 เมื่อปีที่แล้ว กว่าจะเอาชนะ อิตาลี ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยการดวลจุดโทษ ก็เล่นเอาหืดจับ ก่อนจะไปโดนบราซิลสอยแบบหมดรูปในรอบชิงชนะเลิศ 3-0
ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้สเปนชุดนี้ดูอ่อนลง คือ 6 จาก 23 คน เป็นนักเตะของ บาร์เซโลน่า ที่ชวดทุกแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมา ต่างจากหลายทัวร์นาเมนต์หลังที่
บาร์ซ่าเป็นทีมจากต่างดาวโดยแท้ คว้าแชมป์ติดมือได้ทุกปี ส่วนทีมที่ผลงานขั้นเทพและคว้าแชมป์ลีกได้ รวมทั้งเป็นรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอย่าง แอตเลติโก้ มาดริด มี ฆวน ฟราน, ดิเอโก้ คอสต้า, โกเก้ ติดทีมมาเพียง 3 คน นักเตะในแนวรุกจาก รีล มาดริด แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ไม่มีติดทีมมาแม้แต่คนเดียว
ที่สำคัญที่สุด สเปนชุดนี้ถูกมองว่าอิ่มกับความสำเร็จตลอดช่วง 6 ปีหลังสุด ไม่ว่าจะกับทีมชาติหรือสโมสร ที่นักเตะแต่ละคนเก็บมาได้กันแบบสนุกมือ จนทำให้ฟอร์มของพวกเขาแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดในแมตช์ที่ผ่านมา
หรืออีกมุมหนึ่งนักเตะคนสำคัญอย่าง ชาบี้ เอร์นานเดซ มิดฟิลด์เวิลด์คลาสที่มีอายุถึง 34 ปีแล้ว มีข้อผิดพลาดในการเล่น อีเคร์ กาซิยาส นายทวารจอมหนึบก็ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว จนได้เห็นความเฟอะฟะผสมกับซุปเปอร์เซฟหลายต่อหลายครั้งแบบที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับกาซิยาสมาก่อน
ประสบการณ์ของนักเตะกระทิงดุเมื่อเทียบกับแข้งอัศวินสีส้มชุดนี้ต่างกันลิบลับ สเปนมีนักเตะชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 อยู่ในทีมชุดนี้ถึง 16 คน
ส่วนเนเธอร์แลนด์มี 6 คน การรับใช้ทีมชาติรวมกันของทั้งทีม สเปน 1,375 นัด เนเธอร์แลนด์ 645 นัด ต่างกันเกินครึ่ง หรือเป็นการชี้ให้เห็นว่าความสุดยอด "ติกี้ ตาก้า" การผ่านบอลเพื่อครองเกมของแชมป์เก่ากำลังโดนทำลายลงไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้แมตช์นี้อาจจะเป็นเพียงสัญญาณเตือนลูกทีมของเดล บอสเก้
แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสป้องกันแชมป์ เพราะครั้งที่แล้วหลังจากแพ้สวิตเซอร์แลนด์ ก็ชนะ ชิลี และ ไนจีเรีย ได้ สองนัดในรอบแบ่งกลุ่มบีในครั้งนี้ ถึงแม้ชิลีจะน่ากลัวแต่ก็ไม่ใช่ว่าสเปนจะเอาชนะไม่ได้ ส่วน ออสเตรเลีย น่าจะเป็นงานเบาๆ ของกระทิงดุ
ถ้าสเปนชนะชิลีไม่ได้ ถึงจะพูดได้เต็มปากว่า ยุคเรืองอำนาจของกระทิงดุได้จบลงแล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ ฝรั่งเศส แชมป์ฟุตบอลโลก 1998 และยูโร 2000 ก็เคยเจอมาเช่นกัน
ในอีกมุมหนึ่ง ชัยชนะของดัตช์แมน อาจจะไม่ใช่การถอยหลังของสเปน แต่เป็นการยกระดับความดุดันของเนเธอร์แลนด์เองก็ได้ เพราะจริงๆ แล้วเรามักจะมองหาจุดอ่อนของผู้แพ้ มากกว่าการให้เครดิตผู้ชนะด้วยซ้ำ
โลกของฟุตบอลไม่ต่างจากหนังหรือนิยาย ฉากจบมักจะมีเรื่องหักมุมอยู่บ่อยๆ เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถพลิกข้ามหน้าไปอ่านตอนจบก่อนใครได้แค่นั้นเอง