ปอมปีย์เฉือนเปรสตันหวิวทดเจ็บ-โบโร่รีเพลย์

ทีม "ปอมปีย์" พอร์ทสมัธ โกงความตายเมื่อเป็นฝ่ายเอาชนะเปรสตัน ได้หวุดหวิด 1-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายทั้งที่เป็นรองตลอดทั้งเกม ขณะที่ "สิงห์แดง" มิดเดิลสโบรช์ ทำได้แค่เสมอกับ "ดาบคู่" เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต้องรอเล่นรีเพลย์กันอีกนัด ในเกมเอฟเอ คัพ รอบที่ 5


ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบที่ 5 (17 ก.พ.2551)
 
เชฟฯ ยูไนเต็ด 0-0 มิดเดิลสโบรช์
สนาม : บรามอลล์ เลน
ประตู : -


ที่บรามอลล์ เลน "ดาบคู่" เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เจ้าบ้านที่เพิ่งร่วงหล่นจากพรีเมียร์ลีกมาในฤดูกาลนี้ ได้โอกาสล้างตากับทีมในลีกสูงสุดอย่าง "สิงห์แดง" มิดเดิลสโบรช์ ในศึกเอฟเอ คัพ รอบที่ 5
 
เกมเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองทีมเปิดฉากลุยเข้าใส่กันทันที แมตธิว คิลกัลลอน มีโอกาสใกล้เคียงหนแรกให้กับทีมเจ้าบ้าน เมื่อได้ลองยิงจากมุมเขตโทษในนาทีที่ 6 แต่มาร์ค ชวาเซอร์ ยังปัดออกไปได้
 
ด้านโบโร่ ก็มีตอบโต้มาเหมือนกันจากลูกยิงของสจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ที่แพดดี้ เคนนี่รับเข้าซองไม่พลาด ก่อนที่มิโด้ จะโยนโอกาสทองทิ้งในนาทีที่ 26 เมื่ออุตส่าห์ได้หลุดเข้าไปกับเฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์สองคน แต่ก็ยังส่งบอลไปตุงตาข่ายไม่ได้
 
ช่วงที่เหลือในครึ่งแรก ทั้งสองทีมก็ยังเปิดฉากรุกไล่เข้าใส่กันอย่างเมามัน แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบ 45 นาทีสกอร์จึงยังนิ่งอยู่ที่ 0-0
 
เข้าสู่ครึ่งหลัง โบโร่ เริ่มจะเล่นได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด และมีโอกาสเหน่งๆที่น่าจะได้ประตูขึ้นนำถึง 4 ครั้งซ้อนๆในเวลาห่างกันแค่ 5 นาที
 
โดยเป็นลูกตีลังกายิงของมิโด้ในนาทีที่ 58 ที่โดนเคนนี่เซฟได้ ก่อนที่เดวิด วีเธอร์จะโขกให้เคนนี่เซฟอีกครั้ง ตามด้วยลูกวอลเล่ย์ของดาวนิ่งกับโรเชมบัคที่หลุดกรอบออกไป
 
ช่วงเวลาที่เหลือของเกม โบโร่ พยายามบุกมากกว่า มีการส่งอฟอนโซ่ อัลเวส กองหน้าชาวบราซิลลงมาด้วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี จบเกมด้วยการเสมอ 0-0 ต้องไปรีเพลย์อีกนัดที่ริเวอร์ไซด์


เปรสตัน 0-1 พอร์ทสมัธ
สนาม : ดีปเดล
ประตู : 0-1 ดาร์เรน คาร์เตอร์ น.90 (เข้าประตูตัวเอง)


อีกคู่ที่สนามดีปเดล เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ได้เปิดบ้านรับมือกับทีมระดับกลางของพรีเมียร์ลีกอย่างพอร์ทสมัธ ที่เกมนี้ได้ตัวเก่งซุลลาย มุนตารี่ กลับมาในแดนกลาง
 
เปรสตัน ดูจะเริ่มต้นได้ดีกว่ามีการประสานงานต่อบอลกันเข้าเล่นงานแนวรับปอมปีย์ได้ดี พอล แม็คเคนน่า น่าจะได้ลุ้นในโอกาสทำประตูถ้าไม่ติดบล็อกของปาปา บูบา ดิย็อปก่อน
 
แต่จากนั้นเกมก็ปิดตาย แทบไม่มีจังหวะทำประตูกันจนกระทั่ง ซุลลาย มุนตารี่ ได้ลองปั่นฟรีคิกในช่วงก่อนหมดครึ่งแรก 8 นาทีซึ่งก็หลุดกรอบออกไปอีก สุดท้ายจบครึ่งแรกก็เลยยังเจ๊ากันอยู่ 0-0
 
เข้าครึ่งหลัง เกมพลิกไปอีกทางทันที เมื่อทั้งสองทีมเตะกันมันสะเด็ด โดยเฉพาะเจ้าบ้านเปรสตันที่ต่อบอลกันได้ดีจนดูไม่ออกว่าเป็นทีมโซนท้ายตารางแชมเปี้ยนชิพ
 
จุดเปลี่ยนที่สำคัญของเกมนี้มาเกิดขึ้นเมื่อซิลแว็ง ดิสแต็ง ไปดักบิลลี่ โจนส์ ล้มในเขตโทษผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที แต่ไซมอน วาลีย์ กลับยิงไปติดเซฟของเดวิด เจมส์ แบบน่าเสียดาย
 
เปรสตันยังไม่ละความพยายาม เดินหน้าขึงจนปอมปีย์ย่ำแย่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จนหมดเวลา 90 นาที ที่เกมทำท่าจะจบลงด้วยการเสมอกันอยู่แล้ว
 
แต่พอร์ทสมัธ ก็มาได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อโถมบุกจนได้ลูกเตะมุม ครานชาร์เปิดโค้งมานักเตะเปรสตัน พลาดหมดทุกคน และเป็นดาร์เรน คาร์เตอร์ ที่สงเคราะห์ทีมเยือนด้วยการสกัดบอลเข้าประตูตัวเองไปแบบงี่เง่า ทำให้จบเกมเปรสตันจึงต้องพ่ายไปแบบเจ็บปวดสุดๆ 1-0 ส่วนปอมปีย์ ได้เข้ารอบต่อไปแบบมีโชคช่วย


ขอบคุณข้อมูลข่าวดีๆจาก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์