'ลิเวอร์พูล' ทัพใหญ่เฝ้ารังรับ 'เซาแธมป์ตัน' ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 21 ก.ย.ด้าน 'เชลซี' สุดปึ้กเปิดบ้านดวล 'ฟูแลม' สถิติข่มไม่เคยแพ้คารัง 34 ปี
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 21 กันยายนนี้ มีโปรแกรมฟาดแข้งทั้งหมด 6 คู่ เริ่มจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง แข่ง 4 นัด มี 10 แต้ม เตรียมเปิดถิ่นแอนฟิลด์ต้อนรับ "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน ทีมอันดับ 11 แข่ง 4 นัด มี 5 แต้ม ในเวลา 21.00 น. เกมนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเจ้าบ้านตั้งเป้าหวังเก็บชัยให้ได้ เพื่อรักษาตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ฟิลิปป์ คูตินโญ ที่มีปัญหาบาดเจ็บตรงบริเวณหัวไหล่ แต่มีลุ้นได้ตัว ดาเนียล แอ็กเกอร์ ที่เพิ่งหายเดี้ยงพร้อมกลับมายืนคุมแนวรับอีกครั้ง
คาดว่า "หงส์แดง" ยังคงพร้อมจัดทัพใหญ่เหมือนอย่างเกมนัดล่าสุดที่บุกไปเสมอ สวอนซี 2-2 แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงนักเตะในบางตำแหน่ง โดยพร้อมส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง ลงไปช่วยปั้นเกมในแผงแดนกลางแทน ฟิลิปป์ คูตินโญ เพื่อประสานงานร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลูคัส ไลวา และสตีเวน เจอร์ราร์ด ขณะที่แนวรับ มามาดู ซาโก น่าจะหลุดไปนั่งเป็นตัวสำรอง เพราะต้องหลีกทางให้ ดาเนียล แอ็กเกอร์ ลงไปยืนจับคู่กับ มาร์ติน สเคอร์เทล ส่วนแดนหน้ายังคงเป็นหน้าที่ของ วิคเตอร์ โมเซส กับ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์
ด้านทีมเยือนของ เมาริซิโอ โปเซตติโน ยังต้องรอเช็กความฟิตของ 2 ฟูลแบ็กอย่าง ดาเนียล ฟอกซ์ และลุค ชอว์ ที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ยังคงพร้อมยึดผู้เล่นชุดเดิมจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านเสมอ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม 0-0 แม้จะสะกดคำว่าชนะไม่เป็นมาแล้วถึง 3 เกมแล้วก็ตาม คาดว่า ปาโบล ออสวัลโด จะได้ยืนล่าตาข่ายคู่กับ ริกกี แลมเบิร์ต ต่อไป ส่วนแข้งหลักรายอื่นๆ ยังพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อาเธอร์ โบรุค, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน, วิคเตอร์ วานยามา และ อดัม ลัลลานา
ขณะที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมอันดับ 6 แข่ง 4 นัด มี 7 แต้ม เตรียมทำศึกแห่งศักดิ์ศรี "ลอนดอนดาร์บีแมทช์" เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแลม ทีมอันดับ 14 แข่ง 4 นัด มี 4 แต้ม ในเวลา 23.30 น. เกมนี้ ชูเซ มูรินโญ กุนซือเจ้าถิ่นยังคงมีสภาพทีมสมบูรณ์มาก เพราะไม่มีปัญหานักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บ แม้จะเพิ่งเหนื่อยล้ามาจากเกมสโมสรยุโรปเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามอย่างแน่นอน เพื่อหวังแก้ตัวจาก 2 เกมล่าสุดที่โชว์ฟอร์มได้แบบน่าผิดหวัง หลังพบกับความพ่ายแพ้ไปแบบพลิกล็อก
คาดว่า เฟอร์นันโด ตอร์เรส น่าจะได้รับโอกาสให้ยืนเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า เพื่อประสานงานในแผงแนวรุกร่วมกับ อังเดร ชูร์เล และเอเดน อาซาร์ด ขณะที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด พร้อมกลับมายืนคุมแผงแดนกลางร่วมกับ ออสการ์ และรามิเรส อีกครั้ง หลังถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในเกมนัดก่อน ส่วนแนวรับ จอห์น เทอร์รี จะได้กลับมายืนคู่กับ แกรี เคฮิลล์ นอกจากนี้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ยังพกสถิติข่มทีมเยือนอีกด้วย เพราะไม่เคยเป็นฝ่ายแพ้ ฟูแล่ม คาถิ่นของตัวเองมานานถึง 34 ปีแล้ว นับตั้งแต่พลาดท่าแพ้คารัง 0-2 ในศึกดิวิชั่น 2 เมื่อปี 1979
สำหรับโปรแกรมคู่อื่น เวลา 18.45 น. นอริช (15) พบ แอสตัน วิลล่า (17) ส่วนที่เหลืออีก 3 คู่ลงเตะเวลา 21.00 น. นิวคาสเซิล (8) พบ ฮัลล์ (16), เวสต์บรอมวิช (19) พบ ซันเดอร์แลนด์ (20), เวสต์แฮม (10) พบ เอฟเวอร์ตัน (9)