ก่อนอื่นขอตามกระแสแสดงความยินดีกับพลพรรค ปีศาจแดง ที่สามารถยัดเยียดความปราชัยนัดแรกใน ลีกนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลให้กับ เชลซี ได้เป็นผลสำเร็จด้วยสกอร์ 1-0 ซึ่งถ้าผู้ที่ทำประตูเป็น รุด ฟาน นิสเตลรอย ศูนย์หน้าหมายเลข 1 ของทีม หรือคนอื่นที่จัดว่าเป็นดาวเด่นก็คงจะไม่เจ็บแสบเท่ากับโดน ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ลูกรักของท่านเฟอร์กี้ (ที่แฟนผีรู้จักพิษสงดีว่า...ขนาดไหน) เอาหัวไปสัมผัสบอลลอยเข้าตาข่ายไปแบบเฮงสุดๆ
ท่านใดที่ดูเกมการแข่งขันของคู่นี้ คงจะลุ้นเป็นพิเศษ ไม่เว้นแม้แต่สาวกทีมอื่นที่ต้องการให้ ผีแดง หยุดความซ่าของ สิงห์บลูส์ ให้ได้ เพราะอย่างน้อยระยะห่างของคะแนนก็จะได้เหลือน้อยลง ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่นั่งดูเกมนี้ และยอมรับว่าเป็นเกมที่ แมนฯ ยูฯ เล่นได้ดีที่สุดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา
และทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีดยาวก็ถึงกับดีใจยิ่งกว่าได้แชมป์เสียอีก เอาวะ! ถึงไม่ได้แชมป์อย่างน้อยก็ชนะ เชลซี ล่ะว้า..ฮ่าๆๆ ชัยชนะครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับ แมนฯ ยูฯ และทุกทีม เป็นการแสดงให้เห็นว่าโคตรทีมอย่างสิงห์บลูส์ก็สามารถสะดุดได้เช่นกัน
ปีศาจแดง..ขอกู้ศักดิ์ศรีตอบแทนศรัทธาแฟนบอล
หากจะมองกันจริงๆ แล้ว การพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาลของ เชลซี เพราะนับแต่เปิดฤดูกาลมานับทุกถ้วยทุกรายการรวมแล้ว ยอดทีมจากลอนดอน พ่ายมาแล้วถึง 3 นัด ครั้งแรกคือวันที่ 26 ต.ค. เชลซี ตกรอบในศึกคาร์ลิ่ง คัพ รอบ 3 ที่โดน ชาร์ลตัน เฉือนชนะด้วยการดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งก่อนหน้านั้น 3 วัน เชลซี ก็เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1
จากนั้น 1 พ.ย. ยกพลออกไปพ่าย รีล เบติส 0-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และล่าสุดก็พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พ.ย. แถมยังเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันไว้ที่ 40 นัดด้วย
ถึงแม้ว่า แมนฯ ยูฯ จะประสบความสำเร็จด้วยการกำชัยเหนือ เชลซี ในนัดนี้ได้ แต่ระยะทางที่ทอดยาวไปจนถึงสิ้นสุดฤดูกาลนี้นั้นยังอีกยาวไกล ยังคงต้องดูกันยาวๆ ว่าชัยชนะที่ได้มาจะเรียกความมั่นใจกลับมาได้มากแค่ไหน ซึ่งหากโชว์ฟอร์มได้ดีเช่นนี้อย่างต่อเนื่องก็คงไม่มีอะไรน่าห่วงมาก
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดสำหรับ ผีแดง ตอนนี้ก็คือ ปัญหาจากแฟนบอล และปัญหาความขัดแย้งภายในทีม
อย่างแรกปัญหาเกี่ยวกับแฟนบอลของ แมนฯ ยูฯ ก็คือ เหล่าสาวก เร้ด อาร์มี่ ทั้งหลายรับไม่ได้กับฟอร์มที่ตกแบบกราวรูดขนาดนี้ ถึงขนาดโห่ทีมตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในศึก พรีเมียร์ชิพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เกิดการแพ้แบบติดต่อกัน ชนิดที่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซึ่งส่งผลอย่างยิ่งในการทำให้แฟนบอลผู้จงรักภักดีทั้งหลายไม่สามารถยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะด้วยความที่ แมนฯ ยูฯ ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมาโดยตลอด ทำให้บรรดาแฟนบอลคิดว่าทีมรักของพวกเขาจะต้องเป็นหนึ่งเสมอไป
การพ่ายแพ้ต่อ อาร์เซน่อล, เชลซี, ลิเวอร์พูล หรือ นิวคาสเซิ่ล ในแต่ละฤดูกาล อาจจะไม่มีผลต่อความเชื่อมั่นในทีมรักตัวเองมากนัก แต่ถ้าหาก ผีแดง ต้องพลาดแชมป์ถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกัน อย่าว่าแต่แฟนปีศาจแดงตัวยงเลย ผมเองก็รับไม่ได้เช่นกัน
ชัยชนะที่มีเหนือ เชลซี อาจจะช่วยกู้ศรัทธาคืนมาได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมดเพราะเชื่ออย่างยิ่งว่ายังไม่มีใครไว้ใจฟอร์มของ แมนฯ ยูฯ ที่จะเกิดขึ้นในนัดต่อๆ ไป จนกว่าพวกเขาจะแสดงให้เห็น จนกระทั่งจบฤดูกาลด้วยการมีโทรฟี่ติดมือ
ปัญหาอย่างที่สอง เป็นเรื่องความสามัคคีระหว่างนักเตะด้วยกัน และผู้จัดการทีมอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ค่อนข้างจะมีเรื่องระหองระแหงกันมาตลอด ทำให้มีผลกับสภาพจิตใจนักเตะและฟอร์มการเล่นของทีมได้ โดยเฉพาะล่าสุดที่ รอย คีน กัปตันทีมพันธุ์ดุ ได้ออกมาวิจารณ์ลูกทีมอย่างรุนแรงเรื่องฟอร์มการเล่นผ่านรายการของเขาทางเอ็มยู ทีวี จนต้องโดนท่านเซอร์แบนในที่สุด
ซึ่งถ้ามองอีกนัยหนึ่งอาจจะเป็นผลดีกับทีมเสียด้วยซ้ำ เพราะการออกมาวิจารณ์ของ คีน ถือเป็นการจี้จุด ให้ทีมมีแรงฮึดมากขึ้น และสิ่งนี้เองอาจจะมีส่วนช่วยให้กำชัยเหนือ เชลซี ก็เป็นได้ไม่มากก็น้อย
แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า แมนฯ ยูฯ ไม่จำเป็นต้องเล่นเพื่อกู้ศรัทธาจากแฟนบอลอีกแล้ว เพราะศรัทธาแฟนบอลมีให้เสมอและเป็นศรัทธาที่ออกมาจากใจจริงไม่มีเรื่องเงินๆ หรือผลตอบแทนแอบแฝง เพราะพวกเขาเชียร์ด้วยใจที่รักสโมสร ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับทีม
ฉะนั้น...การสร้างความสามัคคีกันในทีม และพยายามสร้างสรรค์ผลงานให้ดีสม่ำเสมอ ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการตอบแทนศรัทธาอันยิ่งใหญ่จากสาวกผีแดงที่มีต่อสโมสรแล้ว