แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างชื่อในเรื่องความเป็นที่สุดอีกครั้ง หลังผลสำรวจยกให้เป็นทีมกีฬาที่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลมากที่สุดในโลก ตามเชียร์กันถึง 659 ล้านคน
แม้จะเพิ่งพบกับฤดูกาลแห่งความว่างเปล่า หลังประสบความล้มเหลวไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือแม้แต่รายการเดียว ทว่า "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับครองตำแหน่งแชมป์เป็นทีมกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก หลัง คานเทอร์ บริษัทวิจัยด้านการตลาดชั้นนำระดับโลกได้สำรวจเรื่องดังกล่าวมานานถึง 5 ปีแล้ว แถมยังรวบรวมความคิดเห็นของแฟนกีฬาตามทวีปต่างๆ กว่า 54,000 รายจาก 39 ประเทศทั่วโลก
ปรากฏว่า "ปีศาจแดง" คว้าตำแหน่งนี้ไปครองได้แบบไร้คู่แข่ง เพราะมีแฟนบอลจากทั่วทุกมุมโลกคอยติดตามเชียร์มากถึง 659 ล้านคน โดยแบ่งออกเป็นแฟนบอลตามภูมิภาคต่างๆ ได้ดังนี้ ทวีปอเมริกา 71 ล้านคน, ทวีปยุโรป 90 ล้านคน, ทวีปแอฟริกา 173 ล้านคน และทวีปเอเชียมากที่สุดถึง 325 ล้านคน แถมยังมีแนวโน้มว่าจะมีผู้คนหันมาเชียร์ลูกทีมของ "เฟอร์กี้" เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย เนื่องจาก "ฟุตบอล" ยังคงเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะมีผู้คนจากทั่วโลกคอยติดตามดูเกมลูกหนังมากกว่า 1.6 พันล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลการสำรวจล่าสุดของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ที่ระบุตัวเลขของแฟนบอลเอาไว้ในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน
ริชาร์ด อาร์โนลด์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด "ปีศาจแดง" เปิดเผยถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้สโมสรได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกแบบนี้ เนื่องจากแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมลูกหนังที่มีประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จมายาวนานมาก ไล่ตั้งแต่ ยุคของเซอร์แมตต์ บัสบี กุนซือผู้ล่วงลับที่เคยปลุกปั้นทีมชุด "บัสบี เบ็บส์" ในช่วงทศวรรษ 60 จนกระทั่งมาถึงยุคสมัยปัจจุบันในยุคของเซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ที่เคยมีดาวดังระดับ "ซูเปอร์สตาร์" อย่าง เอริก คันโตนา, เดวิด เบ็คแฮม และคริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นตัวชูโรง
ก่อนหน้านี้ ฟรอบส์ แม็กกาซีน นิตยสารธุรกิจชื่อดังระดับโลกเคยประกาศให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ครองแชมป์เป็นทีมกีฬาที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก เพราะมีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 672.9 ล้านยูโร (ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท) แถมยังมีผลสำรวจที่ระบุเอาไว้ว่า "ปีศาจแดง" มีแฟนบอลจากทั่วทุกมุมโลกคอยเฝ้าติดตามดูผลงานผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในช่วงที่ลงสนามฟาดแข้งในแต่ละเกมมากถึง 1.15 พันล้านครัวเรือน
ขณะเดียวกัน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แชมป์คาร์ลิง คัพ ได้ตัวผู้จัดการทีมคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัว เบรนดาน ร็อดเจอร์ส กุนซือ "หงส์ขาว" สวอนซี ให้เข้ามารับงานคุมทัพเป็นเวลา 3 ปี เพื่อทดแทนการจากไปของ "คิงเคนนี" เคนนี ดัลกลิช โค้ชคนก่อนที่ถูกปลดจากเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์ เพราะทำผลงานในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงฤดูกาลที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ยังคงต้องเปิดโต๊ะเจรจาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยให้ สวอนซี กันต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 250 ล้านบาท) เนื่องจากโค้ชชาวไอริชวัย 39 ปีรายนี้ยังเหลือสัญญาคุมทีมอยู่ในถิ่นลิเบอร์ตี สเตเดี้ยม อีกถึง 3 ปีครึ่ง โดย ร็อดเจอร์ส ได้วางแผนเตรียมดึงตัวศิษย์เก่าอย่าง กิลฟี ซิกูร์ดสสัน กองกลางทีมชาติไอซ์แลนด์เข้ามาช่วยงานในถิ่นแอนฟิลด์เป็นรายแรกทันที แม้ "หงส์ขาว" เพิ่งจะเซ็นสัญญาคว้าตัวมิดฟิลด์วัย 22 ปีรายนี้มาจากโฮฟเฟนไฮม์ แบบเป็นการถาวรก็ตาม
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
