ใน urban dictionary มีคนพยายามให้ความหมายของ 420 หรือ 4/20 ไว้ 7 ความหมาย
แต่หนึ่งความหมายที่ได้รับการโหวตว่าน่าเชื่อถือที่สุด รวมทั้งวิกิพีเดียเองก็นำมาประมวลไว้ว่า
เป็น origin ของ 420 ก็คือ ..
ในปี 1971 กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นของโรงเรียนมัธยมซาน ราฟาเอล แคลิฟอร์เนีย
ที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า The Waldos จะมาพบกันเพื่อสูบกัญชาที่รูปปั้นของหลุยส์ ปาสเตอร์
หลังโรงเรียนเลิกในเวลา 4.20 p.m.หรือ 16.20 น.(ตามหลักการอ่านเวลาในบ้านเรา)
แต่..บางข้อมูลกล่าวว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1970 ในวันที่ 20 เดือน 4
ที่บุปผาชนต่างลุกขึ้นมาจุดไฟใส่บ้องและสูบควันกัญชาเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นควันกำจาย
เพื่อประท้วงกฎหมายว่าด้วยเรื่องกัญชายาเสพติดของอเมริกา
จวบจนปัจจุบันนี้ บรรดาคอกัญชาฝรั่งทั้งหลายจะเป็นอันรู้กันว่า วันที่ 20 ของเดือนเมษายน
เป็นวันสูบกัญชาแห่งชาติ(อย่างไม่เป็นทางการ)หรือ National Pot Smoking Day.
และแน่นอนว่ายังคงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแต่ตำรวจก็จนปัญญาที่จะจัดการ
เนื่องจากว่า ประดาคอกัญชาทั้งหลายที่เข้าร่วมงาน 420 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
และที่สำคัญก็คือ งานที่ว่านี้ ไม่ได้ไปพ่นควันใส่หน้ารูปปั้นหลุยส์ ปาสเตอร์
อย่างที่ว่าไว้ใน urban dictionary หากแต่จัดกันอย่างเอิกเกริก เปิดเผย
ภายในรั้วมหาวิทยาลัยโคโลราโด ซึ่งผู้เข้าร่วมงานก็มีทั้งนักศึกษาของมหาวิทยาลัย
และคอบ้อง คอกัญชา รวมถึงบุปผาชนซึ่งเดินทางมาจากทั่วอเมริกาและประเทศอื่นๆ
คร่าวๆแล้วแต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมงานนี้ราวๆหมื่นคน
แต่ทางมหาวิทยาลัยก็มิได้วางเฉยต่อเหตุนี้ เพราะทางมหาวิทยาลัยได้ส่งจดหมาย
ไปถึงผู้ปกครองของนักศึกษาให้ช่วยพูดคุยกับลูกๆเรื่องการใช้ยาเสพติด และตอบกลับ
ว่าเด็กในปกครองมีประวัติการใช้ยาเสพติดใดหรือไม่
นอกจากนี้ 420 ยังหมายถึง โค๊ดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สื่อสารกัน
แทนความหมายของคำว่ากัญชา
กัญชา คือ พืชชนิดหนึ่ง ซึ่งมีฤทธิ์ในการกล่อมประสาท และบรรเทาอาการเจ็บปวด
แต่เมื่อได้ชื่อว่าเป็น 1 ในยาเสพติดให้โทษ กัญชาก็คงจะไม่ใช่พืชสมุนไพรปกติธรรมดา
ที่จะหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป
เมื่อเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย แต่ยังมีผู้ที่หลงใหลในกลิ่นกัญชาอยู่มากมาย ซ้ำร้าย
แหล่งปลูกกัญชาสำคัญก็ยังมีรั้วติดกันกับอเมริกาเสียอีกนี่ จึงมีผู้ที่แสดงความเห็นแย้งว่า
อเมริกาก็ควรจะทำให้กัญชาเป็นยาเสพติดที่ถูกกฎหมาย ภายใต้ชื่อของหนึ่งพืชสมุนไพรเสียเลยดีกว่า
เพื่อตัดปัญหาเรื่องแก๊งค์ค้ายาเสพติดตามแนวพรมแดนอเมริกา-เม็กซิโก
และยังมีการเปรียบเทียบความสูญเสียอันเกิดจากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์และผู้ที่สูบกัญชา
ไว้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ไม่ว่าจะเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่แต่ละปีจะมีผู้ที่สูญเสีย
จากอุบัติเหตุเพราะการดื่มไม่ต่ำกว่า 14,000 คน
แต่แทบจะไม่มีอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากผู้ที่สูบกัญชาเลย ซึ่งก็มีการวิจัยรองรับคำกล่าวนี้
ไว้ว่าเกิดจากการที่ผู้ที่สูบกัญชาจะระมัดระวังตัวเองมากขึ้นและขับรถในอัตราความเร็วที่ต่ำ
กว่าที่กฏหมายกำหนด
ในแต่ละปีจะมีผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ตายเป็นร้อยๆคน จากพิษสุราเรื้อรังและการดื่มจนเกินขนาด
แต่ยังไม่เคยปรากฎว่ามีผู้ที่เสียชีวิตจากการสูบกัญชาเกินขนาด
นอกจากนี้ก็ยังมีผลสำรวจต่อไปอีกว่า ปีที่แล้วมีผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์
ก่อเหตุที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพในชีวิตบุคคลอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคดี
ไม่ว่าจะคดีทำร้ายร่างกาย อนาจารรวมทั้งข่มขืน แต่ไม่ปรากฎว่ามีผู้สูบกัญชา
ก่อคดีในลักษณะดังกล่าว เพราะผู้ที่สูบกัญชาจะเคลิบเคลิ้มอยู่แต่กับตัวเอง
ก็ว่ากันไป .. ที่นำเสนอก็เพราะเบื่อข่าวประดาผู้แทนราษฎรปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำเงินในรัฐสภาไทย
เลยขอเลี่ยงไปชำเลืองข่าวนอกบ้านดูบ้าง ก็ปะเข้ากับข่าวนี้ที่ดูเหมือนว่ากำลังจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์
ในหมู่ผู้พิสมัยกลิ่นกัญชาของอเมริกา เพราะจากเทศกาล 420 ครั้งล่าสุดก็ปรากฏว่าทูตเม็กซิโก
ในอเมริกา ถึงกับออกปากเอาใจคอกัญชาว่า อเมริกาก็น่าจะทำให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฏหมาย
ซะก็สิ้นเรื่อง เพราะไหนๆแล้วยาเสพติดที่ข้ามมาจากเม็กซิโกและถูกทางการอเมริกาจับได้
กว่าครึ่งก็เป็นกัญชา ( .. เม็กซิโกจะได้มีรายได้จากการส่งออกกัญชาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
.. เติมให้ )
สรุปหนีเสือปะจระเข้ .. ขึ้นชื่อว่านักการเมือง ที่ไหนๆก็ดูเหมือนจะต้องมีความคิดและการกระทำ
คล้าย ๆ กันหมด คือ ไม่พยายามหาหนทางยุติความชั่วร้าย หากแต่พยายามโน้มน้าว
ให้เรายอมรับความชั่วร้ายว่าเป็นกิจวัตรอันชอบควร เพราะมันง่ายดี