สัมภาษณ์เนมานย่า วิดิช
เป็นเวลา 5 ปีแล้วที่ เนมานย่า วิดิช ย้ายมาเล่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และในขณะนี้เซนเตอร์แบ็คทีมชาติเซอร์เบีย ซึ่งได้กลายเป็นผู้นำ และผู้เล่นตัวหลักของทีมปีศาจแดงก็ได้มาให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเวลาครึ่งทศวรรษที่เขาอยู่กับทีม
ย้อนกลับไปเกมแรกที่คุณได้ลงสนามในเดือนมกราคมปี 2006 ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ กับแบล็คเบิร์น ในตอนนั้นคุณได้คาดคิดมั๊ยว่าจะได้อยู่กับทีมมาจนถึงปี 2011 ในฐานะผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในทีม รวมทั้งได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมด้วยน่ะ
จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นหรอกนะ ตอนมาที่นี่ครั้งแรกเป้าหมายหลักของผมคืออยากลงเล่น และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วสิ่งอื่นๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมาเอง ผมโชคดีด้วยแหละ เพราะว่ารอบข้างผมมีแต่นักเตะที่ยอดเยี่ยม และโค้ชที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งเรายังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีเยี่ยมมากๆ ซึ่งมันก็ช่วยคุณอย่างมาก ผมภูมิใจมากอยู่ที่นี่มาถึง 5 ปีแล้วแต่รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ นะ เมื่อหลายวันก่อนมีแฟนคนหนึ่งเอารูปสมัยที่ผมเพิ่งมาร่วมทีมมาให้ผมเซ็นให้ ตอนนั้นผมดูแปลกๆ แล้วก็ผมยาวด้วย ผมเอาให้แพท (เอฟร่า) ดู ซึ่งเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ย้ายมาพร้อมๆ กับผม แล้วผมก็บอกว่า 'ดูสิ แพท เรากำลังแก่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะเนี่ย' แต่ก็ขอบคุณที่เราทั้งสองคนยังไม่มีใครรู้สึกว่าตัวเองแก่นะ ที่นี่เป็นสโมสรที่เยี่ยมมากที่ได้ร่วมเล่นด้วย และทีมของเราก็ประสบความสำเร็จมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมก็หวังว่าเราจะประสบความสำเร็จต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้านะ
มีช่วงเวลาไหนที่เป็นไฮไลท์ของคุณกับสโมสรนี้บ้างมั๊ย
มีเยอะเลยนะ เกมที่มอสโคว (ปีที่คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2008) ก็ยอดเยี่ยมมาก และการคว้าแชมป์ลีก 3 ปีติดต่อกันก็เป็นสิ่งที่พิเศษมาก เราเล่นในลีกที่มีการแข่งขันสูง และคุณก็ต้องต่อสู้ตลอดทั้งฤดูกาลเพื่อคว้าแชมป์ มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพื่อคุณประสบความสำเร็จ
นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ทั้งในแง่การเป็นนักฟุตบอล และในชีวิตส่วนตัว
ในชีวิตส่วนตัว มันก็ยากที่จะพูดนะ แต่ผมก็คิดว่าผมเหมือนเดิม แต่ผมว่าเรื่องนี้คุณน่าจะถามครอบครัว และเพื่อนของผมดีกว่า ส่วนในฐานะนักฟุตบอล อย่างแรกเลยผมคิดว่าผมได้เปลี่ยนแปลงไปเพื่อปรับตัวให้เข้ากับเกมทุกๆ เกม และผมก็มีความกระหายที่จะเล่นให้ดี พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และคว้าแชมป์ให้ได้
คุณได้บริหารตัวคุณเองเพื่อรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีให้คงเส้นคงวาได้อย่างไรในทุกๆ ฤดูกาล
ผมคิดว่าผมมาถูกสโมสรในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับอาชีพของผม ผมย้ายมาครั้งแรกด้วยอายุ 24 ปี และผมก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อคุณมีเหล่านักเตะที่ยอดเยี่ยม และมีความเป็นมื่ออาชีพมากมายรายล้อม มันก็ย่อมช่วยให้คุณพัฒนาขึ้น ผมรู้ว่าผมต้องปรับตัวให้เข้ากับสโมสรใหม่นี้ รวมถึงเกมที่นี่ ดังนั้น ผมจึงซ้อมอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองในทุกด้านทั้งร่างกายและเทคนิคการเล่น คุณมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี และได้รับแรงกระตุ้นเสมอจากผู้จัดการทีม เพื่อนนักเตะ และโค้ช ถ้าคุณฝึกซ้อมอย่างหนักคุณก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในสนามเองแหละ
คุณได้ตั้งเป้าหมายสำหรับตัวเองเป็นพิเศษในช่วง 2 - 3 ปีข้างหน้านี้หรือเปล่า
ก็ไม่เชิงนะ อย่างที่บอกไปว่าผมแค่หวังว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างที่เคยทำได้มาตลอด ตอนนี้ผมเป็นนักเตะมากประสบการณ์คนหนึ่งในทีม และผมก็มีความสุขดีกับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ผมยังคงต้องการที่จะเล่นให้ดี และพัฒนาอยู่เสมอ และผมก็ยังต้องการช่วยนักเตะอายุน้อยให้พัฒนาขึ้นด้วย การฝึกซ้อม และการเล่นของผมจะเป็นตัวอย่างให้กับพวกเขา ผมได้เห็นตัวอย่างที่ดีมาแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมย้ายมา จากทั้งไรอัน, สโคลซี่, แกรี่, ริโอ และเอ็ดวิน และนั่นก็ทำให้ผมอยากทำแบบพวกเขา
โดยส่วนตัวแล้ว คุณมีความสุขกับบทบาทกัปตันทีมมากแค่ไหน
ผมรู้สึกภูมิใจมากเลยล่ะ แม้ว่าผมจะค่อยข้างประหลาดใจนิดหน่อยกับตำแหน่งนี้เพราก่อนหน้านี้ผมรับหน้าที่ไม่กี่ครั้ง ผู้จัดการทีมบอกผมว่าเขาต้องการใครบางคนที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ แกรี่, ไรอัน และริโอ มีปัญหานิดหน่อยกับอาการบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงต้องการคนที่ได้เล่นเกือบทุกเกม ผมรู้ว่ามันเป็นเกียรติอย่างมากทีเดียว และผมก็มีความสุขกับบทบาทนี้ ผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายกับตัวเอง (นับตั้งแต่เป็นกัปตันทีม) แต่คุณก็ต้องคิดมากขึ้นเกี่ยวกับความรับผิดชอบของคุณ พฤติกรรมของคุณ วิธีที่คุณเล่นในสนาม และการฝึกซ้อม ผมรู้ว่าผมต้องเป็นตัวเองที่ดีทั้งใน และนอกสนาม
ปลอกแขนกัปตันทีมเปลี่ยนแปลงคุณบ้างมั๊ย หรือว่ามันทำให้คุณรู้สึกแปลกๆ บ้างมั๊ย
ไม่เชิงนะ ที่จริงก็คือคุณเดินนำเพื่อนร่วมทีมออกสู่สนาม และเป็นตัวแทนในการโยนเหรียญก่อนเริ่มเกมแค่นั้น แต่ในความเห็นของผมมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก ผมค่อนข้างจะพูดมากในสนามอยู่แล้ว ในฐานะกองหลังคุณต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม และจัดการสิ่งต่างๆไม่ว่าคุณจะเป็นกัปตันทีมหรือไม่ก็ตาม ผมพยายามไม่คิดถึงการเป็นกัปตันทีมในขณะที่ลงเล่น ผมแค่ต้องการมุ่งมั่นทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดอย่างที่ผมทำเสมอมา
เมื่อมองกลับไปถึงนักเตะยอดเยี่ยมมากมายในทีม ดูเหมือนจะเป็นทีมที่ง่ายต่อการเป็นกัปตันทีมนะ
ใช่ แน่นอนเลยล่ะ ในทีมของเรามีผู้นำมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ริโอ, แกรี่, กิ๊กซี่, สโคลซี่ และเอ็ดวิน การที่พวกเขาคอยช่วยเหลือนักเตะคนอื่นๆ มันยอดเยี่ยมมาก มีนักเตะที่ยอดเยี่ยมหลายคนในสโมสรนี้แรงจูงใจ และความกระหายของพวกเขายังคงเต็มเปี่ยม พวกเขาช่วยให้ผมพัฒนาขึ้น และผมก็ต้องการช่วยนักเตะอายุน้อยต่อไปเช่นกัน
คุณเคยเป็นกัปตันทีมที่เรด สตาร์ เบลเกร็ด และเป็นกัปตันทีมชาติของคุณเองด้วย นั่นช่วยคุณในการรับตำแหน่งนี้บ้างมั๊ย
ผมคิดว่ามีอะไรมากมายให้ทำกับสภาพจิตใจของนักเตะ ตลอดอาชีพของผมมีความคิดที่ต้องการเอาชนะอยู่เสมอ มันอยู่ในตัวผมตั้งแต่เด็กเมื่อตอนที่เล่นให้เรด สตาร์ อย่างที่มันเกิดขึ้นในใจของนักเตะที่เติบโตมาในทีมแมนฯ ยูไนเต็ดนี่แหละ และความคิดแบบนี้ก็ช่วยผมมาก การได้เป็นกัปตันทีมไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดคิดตั้งแต่แรกที่มาร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ผมแค่อยากพัฒนาตัวเอง ทั้งถ้วยแชมป์ การได้รางวัลในฐานะนักเตะยอดเยี่ยม หรือการได้เป็นกัปตันทีมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาเอง ซึ่งมันทำให้ผมภูมิใจมาก แต่อย่างที่ผมบอกนั่นแหละสิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องมีความคิดที่ต้องการเอาชนะ คุณต้องมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุดไม่ว่าคุณจะเป็นกัปตันทีมหรือไม่ก็ตาม นักเตะทุกคนที่นี่มีความรับผิดชอบที่จะต้องเล่นให้ดีในทุกสัปดาห์ ให้ได้ในระดับที่ผู้จัดการทีม เหล่าสต๊าฟโค้ช และแฟนๆ คาดหวัง
ตลอด 2 - 3 ปีมานี้ คุณเล่นได้เข้าขากันมากกับริโอ เฟอร์ดินานด์ เขาเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของคุณในการเล่นกองหลังคู่กันเลยหรือเปล่า
ใช่ แน่นอนเลยล่ะ แม้ว่าผมต้องบอกเลยว่าผมและ Mladen Krstajić ก็มีความสัมพันธ์ที่เยี่ยมมากเช่นกันในทีมชาติเซอร์เบีย ผมไม่ได้ดูถูกหรือไม่เคารพคู่กองหลังคนอื่นๆ ของผมนะ เพียงแต่ว่าผลงานที่ผมได้ลงเล่นกับทั้ง 2 คนนี้แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าเรามีความเข้าใจกันดีมาก และเราต่างก็ช่วยกันพัฒนาการเล่นของแต่ละคน