)
ไอลีน วอร์นอสเป็นฆาตกรต่อเนื่อง 8 ศพชาวอเมริกัน ที่มีอดีตวัยเด็กที่น่ากลัว
เธอเกิดที่มิชิแกน ในครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด จนต้องไปอยู่กับตา
ซึ่งในช่วงนั้นเธอถูกทารุณกรรมอย่างสุดแสนสาหัส ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย
และทางเพศ และการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง จนเธอขายตัวตั้งแต่ยังเด็ก
(เอาบุหรี่มาแลกก็เอา) จนท้องตั้งแต่อายุ 13 (ซึ่งเมื่อคลอดเด็กก็ถูกไปเลี้ยงต่อ
ที่สถานสงเคราะห์) จากนั้นพออายุ 15 ก็ออกจากบ้านทำงานเป็นโสเภณี
และปล้นลักเล็กขโมยน้อย มีชีวิตสมรสที่เลวร้ายแต่งงานกับชายอายุ 70 ปีและหย่าขาด
อย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้เธอเป็นโรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคม
ในเวลาต่อมาเธอพบคนรักเลสเบี้ยนเพศเดียวกันที่ชื่อทีเรีย และเธอทำงานเป็นโสเภณี
เลี้ยงคู่ขาของตน และนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
เธอก่อคดีฆ่าผู้ชายไป 8 ศพระหว่างทำกิจกรรมทางเพศ โดยการใช้ปืนจุด .22 ยิง
หลังถูกจับกุมไอลีนอ้างว่าเธอถูกข่มขืนอย่างหฤโหด เธอฆ่าพวกเขาเพื่อเป็นการป้องกันตัว
แต่สุดท้ายศาลสั่งให้ประหารชีวิต ซึ่งไอลีนยอมรับคำพิพากษานั้นแถมยังเร่งศาล
ให้ประหารชีวิตเธอให้เร็วขึ้นอีก
สุดท้ายไอลีนถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือดในวันที่ 9 ตุลาคม 2002
เวลา 9.47 น. เมื่ออายุได้ 46 ปี หลังจากการฟื้นฟูโทษประหารเมื่อปี 1976 เธอเป็นผู้หญิง
คนที่ 10 ของอเมริกา และคนที่ 2 ของรัฐฟลอริด้าที่ถูกประหารชีวิต
เธอปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย แต่ขอกาแฟถ้วยหนึ่ง
เรื่องราวของไอรีนถูกนำมาใช้ในสื่อต่างๆ มากมาก ไม่ว่าจะเป็นสารคดี หนังสือ อุปรากร
ละครโทรทัศน์ และนำมาสร้างภาพยนตร์เรื่อง Monster(2003) ซึ่งคนรับบทเป็นเธอ
ได้รับรางวัลออสการ์นักแสดงหญิงที่ดีที่สุด
000
000
000
4. Rosemary west (29 พฤศจิกายน 1953)
เรื่องราวของนาง
มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์) คู่สามีภรรยานั้นน่าขนลุกและน่าเหลือเชื่อว่าคู่สามีภรรยานี้
จะฆ่าเด็กสาวและลูกในไส้ของตนเองได้อย่างโหดเหี้ยมลงคอ นอกจากทำการฆาตกรรม
และยังหั่นศพเอาไปซ่อนในบ้านเลขที่ 25 บนถนนครอมเวลล์ (ในเมืองเมืองกลูเซสเตอร์)
ของพวกตน ที่รายล้อมด้วยเพื่อนบ้านมากมาย จนกลายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
ที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในประเทศอังกฤษคดีหนึ่งทีเดียว
ในช่วงชีวิตเด็กของโรสแมรี่นั้นเธอเกิดมาพร้อมอาการผิดปกติทางจิต ชอบซาดิสต์
และมีอารมณ์ทางเพศสูง เธอได้สามีคือนายเฟรดที่มีประวัติก่ออาชญากรรม
ทั้งคู่มีความบ้าคลั่งทางเพศไม่รู้จักพอ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทำการฆาตกรรมหญิงสาว
เพื่อเป็นเครื่องระบายความเครียดแก่พวกเขา
นางโรสแมรี เวสต์ได้ร่วมมือกับสามี นาย
และฆ่าสตรีและเด็กสาวมากกว่า 10 ราย พวกเขาฆ่าเหยื่อแล้วเอาศพไปซ่อนที่ห้อง
ใต้เพดาน (แต่ศพ ฮีทเธอร์ ถูกฝังอยู่ใต้ลานในสวนหลังบ้าน) เมื่อเวลาผ่านไปนานวัน
กลิ่นศพเน่าก็เหม็นอย่างร้ายกาจ จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสามีภรรยาถึงได้รู้ที่มา
ของกลิ่นนี้คืออะไร ตำรวจบางนายถึงขั้นจำกลิ่นนี้เก็บเป็นความทรงจำไม่จางหาย
แต่ที่น่าตกใจคือเหยื่อ 1 ในนั้นเป็น ฮีทเธอร์ ลูกสาวคนโตวัย 16 ของทั้งคู่
โดยประวัติชีวิตของฮีทเธอร์นั้นช่างน่าสงสารจับใจ เพราะเธอถูกพ่อแม่บังคับร่วมเพศ
อยู่บ่อยครั้ง จนกระทั้งเธอเอาเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนที่โรงเรียน
และเมื่อเรื่องนี้ถึงหูโรสและเฟรดทั้งคู่ถึงกับเดือดดานลูกสาว ถึงขั้นจับทรมานอย่างป่าเถื่อน
ลูกสาวร้องขอให้พ่อแม่สงสารเธอเถอะ ปล่อยหนูได้แล้ว สุดท้ายพ่อแม่ก็เอาเชือดรัดคอ
ลูกสาวจนตายคามือ ก่อนที่จะถูกหั่นศพเป็นชิ้นๆ แล้วไปฝังที่สวนหลังบ้าน...
เฟร็ด ผู้สามี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม แต่เขาชิงผูกคอตายในห้องขังก่อนจะถูกนำตัวขึ้นศาล
ส่วนโรสไม่ยอมรับสารภาพ ซ้ำเธอไม่เคยหลั่งน้ำตาให้แก่ เหยื่อของเธอ ไม่รู้สึกรู้สากับ
ความเจ็บปวดของครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกไปเพราะการกระทำของเธอและสามี
สุดท้ายศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ทุกวันนี้โรสยังชดใช้ความผิดอยู่ในเรือนจำบรอนซ์ฟิลด์
ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ตั้งอยู่ใกล้เขตแอชฟอร์ด เมืองมิดเดิลเส็กซ์
000
000
000
3. Elizabeth Báthory (วันที่ 17 สิงหาคม 1560-วันที่ 21 สิงหาคม 1614)
หลายคนถึงกับอุทานว่า “ทำไมชื่อของเอลิซาเบธ บาโธรี่ ถึงไม่ติดอันดับหนึ่ง
“อันเนื่องมาจากอันดับในเว็บจัดอันดับดังกล่าวนั้น ค่อนข้างยึดข้อมูลหลักฐานที่สามารถ
พิสูจน์ได้มากกว่าจะเน้นตำนาน ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าเรื่องราวของอลิซาเบธนั้น
ความจริงแล้วยังไม่สามารถอธิบายแน่ชัดว่า เธอเป็นฆาตกรสาวกระหายเลือดอย่างที่
ตำนานเล่าลือหรือไม่ หรือเธอก็เป็นอีกคนที่ถูกใส่ร้ายในหน้าประวัติศาสตร์เหมือนบุคคลดัง
คนอื่นๆ ในอดีต
หากเราจะเชื่อแบบตำนานล่ะก็ เอลิซาเบธ บาโธรี่ เป็นภรรยาของขุนนางในฮังการี
ตระกูลบาโธรี่ เธอได้รับฉายาว่า “สาวเลือดแห่งเซติซ” อันเนื่องจากพฤติกรรม
และความโหดเหี้ยมที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าเธอได้ร่วมมือกับคนรับใช้ทั้งสี่
ฆ่าหญิงสาวจำนวนมากกว่า 650 คน (แต่หลายคนเชื่อว่า 80 คน) ด้วยเหตุผลคือ
หากได้อาบเลือดของหญิงสาวพรหมจารีแล้ว จะทำให้รักษาความอ่อนเยาว์ของตนได้
ตลอดไป
โดยเธอนำตัวเหยื่อมาฆ่าที่ปราสาทเซติซ (ตั้งอยู่ในประเทศสโลวาเกียซึ่งในอดีต
เป็นส่วนหนึ่งราชอาณาจักรฮังการี) ด้วยวิธีที่หลากหลายเพื่อรีดเลือดเหยื่อไหลมากที่สุด
เธอทำเช่นนี้มานานหลายปี กษัตริย์แมทเทียสที่ 2 ได้ทราบข่าวลือว่า หลายปีมานี้
มีเด็กผู้หญิงชาวไร่ชาวนาหายไปในเขตการปกครองของพระองค์ จนต้องออกมาทำการ
ตรวจค้นที่ปราสาทของเธอ และจนได้พบศพของเด็กหญิงที่ตายอย่างโหดร้ายสุดจะบรรยาย
เช่น ร่างพรุนด้วยเข็ม ศพไหม้ หรือศพโดนตัดแขนหรือขาหรือส่วนสำคัญของร่างกายออก
บางศพมีการบิดเนื้อบิดหน้าแขน และส่วนเกี่ยวกับร่างกายอื่นๆ และทำให้อดอาหารตาย
โดยเหยื่อทั้งหมดถูกคำนวณไว้เกินกว่าร้อยศพ แต่เนื่องจากสถานะเกี่ยวกับสังคมของเธอ
เอลิซาเบธ บาโธรี่ จึงไม่ถูกประหาร แต่ให้ขังตลอดชีวิตในห้องขังเดี่ยวๆ ใต้หอคอยแทน
จนกระทั้งขาดใจตายในที่สุด
แต่ปัจจุบันหลายๆ ฝ่ายพยายามศึกษาประวัติศาสตร์ว่าเรื่องจริงของอลิซาเบธเป็นอย่างไร
กันแน่ เพราะว่าจากหลักฐานประวัติศาสตร์ที่ออกมานั้น ได้ขัดแย้งกับตำนานที่เรารู้จัก
ชนิดเรียกว่าคนละเรื่อง ใช่ เธอเป็นผู้หญิงฆาตกรโรคจิตแน่นอน ประวัติของเธอเป็นบ้าจริง
และนับถือลัทธินอกรีต เป็นผลทำให้คริสตจักรไม่ชอบขี้หน้าเธอเท่าไหร่
ที่แน่ๆ โดยตำนานของอลิซาเบธนั้นปรากฏครั้งแรกใน ปี 1729 จากหนังสือของสมาชิก
นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าทางโบสถ์คาทอลิกนำเรื่องของเธอมาแต่งเป็น
นิทานเพื่อช่วยให้ลัทธิของพวกเขามีความเชื่อถือในเรื่องพระเจ้ากับซาตาน
ส่วนตำนานที่อ้างว่าเธอตบสาวใช้จนเลือดสาวใช้ติดมือ แล้วเมื่อเธอล้างออก
เธอก็เชื่อว่าผิวหนังสดใสนั้นมีผู้เสนอแย้งว่าถึงแต่งเติมขึ้นภายหลัง หากเป็นเรื่องจริง
คงเป็นเพียงแค่เธอมีความรู้สึกตื่นเต้นทางเพศเมื่อเห็นเลือด หรือใช้เลือดในการ
ประกอบพิธีกรรมมนต์ดำของเธอเท่านั้น ส่วนเรื่องเธอฆ่าสาวใช้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย
ในสมัยนั้นแต่อย่างใด ในกฎหมายยุโรปกลางได้ระบุว่าเจ้านายสามารถลงโทษคนใช้อย่างไร
ก็ได้เพราะเจ้านายเป็นเจ้าชีวิตของพวกเขา และอลิซาเบธนั้นทรงโปรดปานการทรมาน
นักโทษจริงแต่นักโทษเหล่านี้ไม่ใช้สาวบริสุทธิ์อย่างที่เข้าใจกัน หากแต่นักโทษเหล่านั้น
คือพวกตุรกีที่เป็นเชลยศึกสงครามในช่วงเวลานั้น
นอกจากนั้นพวกนักโทษก็ยังมีชาวบ้านที่เป็นกบฏที่ถูกลงโทษด้วยวิธีที่โหดร้ายซึ่งถือว่า
เป็นวิธีประหารชีวิตธรรมดาในสมัยนั้น ส่วนเรื่องราวนอกเหนือจากนั้นเป็นข่าวลือที่แต่งเติม
จนเกินความจริง แต่กลายเป็นว่าเธอกลายเป็นหญิงสาวกระหายเลือด
นอกจากนี้คนที่ทำการจับกุมคือกษัตริย์แมทเทียสที่ 2 ซึ่งประวัติได้ระบุว่าเขาเป็นลูกหนี้
ของอลิซาเบธที่ยืมเงินเธอไปรบในสงครามมากมายแล้วไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ เขาจึงใส่ร้าย
อลิซาเบธซึ่งตามกฎหมายยุโรปกลางระบุว่า หากเจ้าหนี้ติดคุกถือว่าเรื่องหนี้สินที่แล้วมันต้อง
มีอันยกเลิกไป
และปัจจุบันทางการฮังการีพยายามที่จะล้างมลทินให้แก่เธออยู่ แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่า
เรื่องราวจริงๆ ของอลิซาเบธนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ แต่กระนั้นตำนานของเคาส์เตสผู้สูงศักดิ์
ที่ชอบเลือดของหญิงสาวพรหมจารีเพื่อรักษาความอ่อนเยาว์นั้นถูกนำไปสร้างเป็นตำนาน
บทใหม่ในฐานะแวมไพร์หญิงที่หลายคนรู้จักกันทั่วโลกปัจจุบันเรื่องราวของอลิซาเบธ
ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์หลายเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเธอ เช่น Countess Dracula (1971),
Stay Alive (2006), Bathory(2008) ส่วนเว็บข้างล่างคือผลวิจัยล่าสุดของอลิซาเบธ
ในหัวข้อ “เธอถูกใส่ร้ายว่าเป็นสาวกระหายเลือด”
000
000
000
2. Jane Toppan (1857-1938)