เมื่อวานได้นำเสนอเกร็ดประวัติคร่าวๆของศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ หรือการพบกันระหว่าง ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่พวกเขาจะพบกันอีกในศึกพรีเมียร์ลีก วันเสาร์นี้ ไปแล้วหนึ่งตอน
มีหลายครั้งที่คู่นี้มาเจอกันแล้วกลายเป็นแมตช์ในความทรงจำของแฟนบอลหลายท่าน เพราะดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ไม่เคยจบลงด้วยความน่าเบื่อ แม้ฝีเท้านักเตะบางช่วงอาจมีฝ่ายหนึ่งเป็นรอง แต่ด้วยศักดิ์ศรีแล้ว พวกเขาสู้เต็มร้อย 40 หนสุดท้าย มีเสมอ 0-0 แค่ 3 นัดเท่านั้น และเราก็ขอเลือกบางเกมที่หลายท่านอาจยังเกิดไม่ทัน, ลืมไปแล้ว หรืออยากย้อนเวลาเพื่อดูของเก่าๆ นำกลับมาให้ท่านชมกันอีกครั้ง ซึ่งเราก็จะได้เห็นซูเปอร์สตาร์มากมายที่เคยสร้างสีสันเอาไว้อย่างถ้วนหน้า
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1
เชื่อว่าแฟนบอล 43,246 คนในสนามวันนั้น (23 กันยายน 1989) ไม่มีใครลืมแมตช์ซึ่งถูกเรียกว่า การฆาตกรรมหมู่ที่เมน โร้ด เพราะนานๆจะได้ถล่มเพื่อนร่วมเมืองแบบสะใจเสียที ยุคนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพิ่งสร้างทีมใหม่ ยังคาดหวังอะไรไม่ได้ แมนฯซิตี้ก็เพิ่งเลื่อนชั้น และชนะเกมเดียวจาก 6 นัดก่อนหน้าจะเจอ ปีศาจแดง โดยผู้ทำสกอร์มีดังนี้ เดวิด โอลด์ฟิลด์ (นาทีที่ 11, 52), เทรเวอร์ มอร์ลี่ย์ (13), เอียน บิชอป (35), มาร์ค ฮิวจ์ส (50), แอนดี้ ฮินช์คลิฟฟ์ (62) ฤดูกาล 1989-90 แมนฯยูไนเต็ดจบด้วยอันดับ 13 มีคะแนนเท่ากับแมนฯซิตี้ แต่ผลต่างประตูดีกว่า 8 ลูก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3
ไนออลล์ ควินน์ เกือบสวมบทฮีโร่ให้แมนฯซิตี้ในศึกดาร์บี้แมตช์ที่ เมน โร้ด เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1993 เมื่อโหม่งคนเดียว 2 ประตู แต่กลายเป็นว่าพระเอกงานนี้มีถึง 2 คน และอยู่ทางฝ่ายแมนฯยูไนเต็ด เพราะ เอริก คันโตน่า ขี่ม้าขาวกดคนเดียว 2 ลูกได้เช่นกัน ก่อน รอย คีน ขโมยซีน ด้วยการพังประตูชัยก่อนหมดเวลาการแข่งขัน 3 นาที มันคือเกมที่แฟนบอล 35,155 คนในสนามรู้สึกคุ้มค่า แต่ฝั่งที่สะใจกว่าคือกองเชียร์ เร้ดอาร์มี่ หลังจากนั้นพวกเขาก็บุกมาชนะ เรือใบสีฟ้า อีก 3 ครั้งซ้อน ส่วน ปีศาจแดง จบฤดูกาล 1993-94 ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0
แมตช์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 1994 ท่ามกลางผู้ชม 43,738 คน ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด มันเป็นเกมที่ขาดลอยสุดในรอบ 55 ปีของศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ และ อันเดร อันตานาโซวิช แคนเชลส์กี้ส์ ปีกทีมชาติยูเครน ทำแฮ็ตทริก ขณะอีก 2 รายที่ทำสกอร์ได้ก็คือ เอริก คันโตน่า และ มาร์ค ฮิวจ์ส สองกองหน้าตัวหลักของ ปีศาจแดง ในยุคนั้น เกมที่ 2 (11 กุมภาพันธ์ 1995) เรือใบสีฟ้า ก็พ่ายคาบ้านไปอีก 0-3 ตอนนั้น แอนดี้ โคล, พอล อินซ์ และแคนเชลส์กี้ส์ ทำคนละประตู จบฤดูกาล 1994-95 แมนฯยูไนเต็ดเป็นรองแชมป์ลีก แมนฯซิตี้อยู่อันดับ 17
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1
ฤดูกาล 2002-03 แมนฯซิตี้อาจได้อันดับ 9 แต่ก็ชนะแชมป์ในตอนนั้นอย่างแมนฯยูไนเต็ด ทิ้งทวนการเตะดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์หนสุดท้ายที่ เมน โร้ด ด้วยสกอร์ 3-1 ท่ามกลางผู้ชม 34.649 คน นิโกลาส์ อเนลก้า (นาทีที่ 5) และ ฌอน โกเตอร์ (26, 50) ซัดให้เจ้าบ้าน ขณะแมนฯยูไนเต็ดทวงคืนมาหนึ่งลูกจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (8) ตอนนั้น ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ตำนานนายทวารแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ลงเล่นให้ เรือใบสีฟ้า ก่อนแขวนสตั๊ดเมื่อจบฤดูกาล และโกเตอร์ ชาวเบอร์มิวด้า ก็ยังทำประตูเกมที่พวกเขาบุกไปยันเสมอ ปีศาจแดง 1-1 เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2003
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1
วันที่ 14 มีนาคม 2004 เรือใบสีฟ้า นำก่อน 2-0 จาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (นาทีที่ 3) กับ โจนาธาน แม็คเคน (32) เด็กเก่าของ ผีแดง เป็นประตูเดียวที่ทำได้ในฤดูกาลนั้น (หนึ่งใน 2 ลูกที่ยิงตลอดการเตะพรีเมียร์ลีก) แม้ พอล สโคลส์ (35) ตีไข่แตกให้ทีมเยือน แต่พวกเขาก็โดนกระซวกอีก 2 เม็ดจาก เทรเวอร์ ซินแคลร์ (73) กับ ฌอน ไร้ท์-ฟิลลิปส์ (90) เรือใบสีฟ้า จึงคว้าชัยในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ หนแรกที่เล่นในสนาม ซิตี้ อ็อฟ แมนเชสเตอร์ โดยมีผู้ชม 47.284 คน และจบฤดูกาล 2003-04 ด้วยอันดับ 16 แมนฯยูไนเต็ดได้แชมป์เอฟเอ คัพ แต่พรีเมียร์ลีกจบด้วยอันดับ 3
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3
แมนฯยูไนเต็ดออกแรงหนักกว่าจะชนะแมนฯซิตี้เมื่อ 20 กันยายน 2009 แม้ขึ้นนำถึง 3 ครั้ง แต่โดนตีเสมอได้ตลอด ฮีโร่ของ เรือใบสีฟ้า คือ เคร็ก เบลลามี่ ดาวยิงผู้ยิงคนเดียว 2 ประตู เท่ากับ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ มิดฟิลด์เจ้าบ้าน ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องอาศัยลูกยิงในนาทีที่ 96 ของ ไมเคิ่ล โอเว่น หัวหอกตัวสำรอง ขณะ คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าอาร์เจนไตน์ ลงเจอสโมสรเก่าหนแรก ก็ทำอะไรไม่ถนัด ผ่านมาอีก 3 แมตช์เขายังยิงแมนฯยูไนเต็ดไม่สำเร็จ สำหรับ 4 จาก 5 นัดหลังที่เจอ ปีศาจแดง ยกเว้นเกมนี้ แมนฯซิตี้ไม่สามารถทำสกอร์ได้เลยเช่นกัน