สิ่งที่รอคอยจากปาก ริโอ?
ไม่บ่อยครั้งนักที่ได้เห็นตารางคะแนนของลีกที่ได้รับความนิยมมากที่ สุดในโลกอย่างศึก พรีเมียร์ลีก ที่แสดงให้เห็นถึงผลงานของทีมที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีค่าเฉลี่ยการเสียประตูต่อเกมสูงกว่า 1 ลูก แถมยังควานหาชัยชนะจากการกรีฑาทัพไปยังถิ่นคู่แข่งได้แม้แต่นัดเดียวจน กระทั่งถูกทีมตกถังข้าวสารอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปแสยะยิ้มอยู่ในอันดับที่เหนือกว่าซะงั้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาในเกมรับของ ปีศาจแดง ดูเหมือนจะยังไม่เป็นที่น่ากังวลเท่าไหร่ เพราะว่ายังมีสถิติในเกมรุกที่เฉียบคมพอสมควรด้วยการซัดไปทั้งสิ้น 16 ประตู จาก 7 นัด นั่นหมายความว่าเฉลี่ยยิงได้แมตช์ละมากกว่า 2 ประตู ด้วยอานิสงค์จากอาการ องค์ลง ของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ หัวหอกแดนโยเกิร์ตที่เหมาคนเดียวไปถึง 6 ประตู ซึ่งดูเหมือนว่าดาวยิงเจ้าชองฉายา เฮียเฉื่อย จะแสดงศักยภาพที่แท้จริงเพื่อลบเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย (รวมถึงตัวผม) ว่าเล่นไม่คุ้มค่าตัวกว่า 1,500 ล้านบาท ได้อย่างหมดจด
ย้อนกลับมาที่เรื่องแผงเกมรับของทีมในช่วงต้นฤดูกาลนี้ แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ส์ ต้องฝากความหวังไว้กับคู่เซนเตอร์แบ็กอย่าง เนมันย่า วิดิช ซึ่งปราการหลังชาวเซิร์บ เป็นเพียงคนเดียวในแผงหลังของทีมที่ดูจะไว้วางใจได้มากที่สุด ทั้งความแข็งแกร่งในการบัญชาการเกมรับ แถมได้ใจของแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเต็มๆ จากการออกมาประกาศว่า ข้าไม่หิวเงิน หลังจากปัดโอกาสไปขุดทองกับทั้ง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน ที่จ้องจะกระชากตัวไปร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จนบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องตบรางวัลด้วยการมอบสัญญาใหม่และปลอกแขนกัปตันทีมให้ไปเชยชม
แต่สิ่งที่ดูน่าเป็นห่วงคือคนที่จะมาจับคู่กับแข้งเจ้าของฉายา เซอร์บิเนเตอร์ เมื่อคู่หูอย่าง จอนนี่ อีแวนส์ ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเพชรน้ำงามจากอคาเดมี่ของทีม กลับแสดงอาการฝีเท้ายังไม่ถึงขั้นที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักของทีมอย่าง เต็มตัวสักเท่าไหร่ แม้ว่าจะแสดงพัฒนากาแบบก้าวกระโดดให้เห็นจากผลงานในซีซั่นที่แล้วก็ตาม
ขณะที่นักเตะที่ทุกคนต่างรอคอยให้กลับมายืนเป็นปราการเหล็กคู่กับ วิดิช คงจะหนีไม่พ้น ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งเพิ่งจะลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกไปเพียงนัดเดียว (และหวังว่านัดที่ 2 ในซีซั่นจะเกิดขึ้นในเกมกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน) หลังจากถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วจนส่ง ผลให้ได้ลงโชว์ลีลาบนฟลอร์หญ้าไปเพียง 12 นัด ในเกมลีก เท่านั้น
จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ดาวเตะวัย 31 ปี ก็ได้รับเกียรติที่นักฟุตบอลอาชีพทุกคนใฝ่ฝันคือการได้มีชื่อติดทีมชาติ อังกฤษ ชุดลุยศึก เวิลด์ คัพ 2010 แถมยังได้เป็นผู้นำของทีมแทนที่นักเตะของบางทีมที่ไปสร้างความอื้อฉาวจนถูก ยึดปลอกแขนในที่สุด แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อชะตาลิขิตให้อดีตแข้งลูกหม้อทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต้องอดทำหน้าที่ที่สำคัญดังกล่าวด้วยสาเหตุที่น่าเจ็บปวดสุดขีด เมื่อถูกไม้ตีพริกในคราบนักฟุตบอลนามว่า เอมิล เฮสกีย์ บรรจงเอาปุ่มสตั๊ดประทับไปบนเข่าของเขาพร้อมกับกระทืบโอกาสอันทรงเกียรติ ครั้งนี้ไปจนสูญสิ้น
ที่แย่ยิ่งกว่านั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักเตะที่ชอบพูดด้วยการกระดกริมฝีปากข้างเดียว (ไม่เชื่อลองไปหาคลิปดู) ยังไม่สามารถสลัดอาการเดี้ยงเรื้อรังที่เข่าได้จนถึงทุกวันนี้ ออกอาการ 3 วันดี 4 วันเดี้ยง มาโดยตลอด แถมพี่แกยังยืนยันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ด้วยคำพูดที่บาดใจกองเชียร์ ปีศาจแดง (แต่ไม่ได้เชียร สิงโตคำราม) อย่างผม ว่า ผมยังไม่สามารถเลิกเล่นให้กับทีมชาติได้??
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด สำหรับนักเตะสายพันธุ์อสูรแดงที่โบกมืออำลาการับใช้ชาติแล้วสามารถโชว์ผลงาน ได้อย่างโดดเด่นกับต้นสังกัด เช่น พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์ และรายล่าสุดอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ต่างก็โชว์ฟอร์มกันแบบลืมแก่กันเลยทีเดียว เพราะต้องยอมรับว่านักฟุตบอลอาชีพระดับ พรีเมียร์ลีก ที่อายุล่วงเลยเข้าเลข 3 คงไม่มีใครที่จะสามารถกรำศึกหนักได้ติดต่อกันโดยที่ไม่มีอาการบาดเจ็บถามหา แน่ แถมการเดี้ยงแต่ละครั้งยังต้องลุ้นอีกว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ ซึ่งนี่คือสถานการณ์ที่ปราการหลังเจ้าของค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษ กำลังเผชิญอยู่
ดังนั้น สิ่งรอคอยจากปากของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในตอนนี้ คือ การประกาศอำลาทัพ ทรี ไลอ้อนส์ อย่างเป็นทางการ เพื่อทุ่มเทให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงอย่างเดียว แต่คงเป็นเรื่องที่ลุ้นยากถึงยากที่สุดอย่างน้อยก็จนกว่าจะผ่านพ้นศึก ยูโร 2012 เพราะคาดว่านักเตะยังมีปมในใจที่ค้างคาจากอิทธิฤทธิ์ของดาวยิงไม้ตีพริกใน ช่วงฟุตบอลโลกปี 2010 อยู่...