. จากกระแสของหนังเรื่องนาคปรก ที่นำเสนอบางเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคม หนังที่ตั้งใจบอกให้เราต้องรับรู้อย่างเปิดเผย และกล้าที่จะนำเสนอผ่านสายตาผู้คน แน่นอนว่าเรื่องของศาสนา ก็เช่นเดียวกับการเมืองที่มักจะกลายเป็นข้อห้ามในแวดวงการสนทนา เพื่อป้องกันความขัดแย้ง การโต้เถียง ซึ่งอาจตามมาด้วยความรุนแรง เพราะเป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธา ที่ก่อให้เกิดพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเราเชื่อและศรัทธาในสิ่งดี พลังก็จะเป็นไปในทางสร้างสรรค์ หากเชื่อและศรัทธาในสิ่งไม่ดี ก็แน่นอน ว่าจะออกมาในภาพของการทำลายล้าง อย่างที่ปรากฎอยู่ . . ภาพของพระจีวรเกือบแดง ที่กำลังโกนผมให้ผู้หญิง พุทธศาสนิกชนที่เฝ้ามอง อาจรู้สึกขัดเคืองลูกกะตา แล้วก็ก่นด่าไปตามเรื่อง หรือภาพของพระที่เดินนำหน้าขบวน หรือแม้แต่ขึ้นเวทีปราศรัย หลายคนส่งเสียงถาม นั่นใช่กิจของสงฆ์หรือเปล่า . ยามเช้า แถวบ้านข้าพเจ้าจะมีพระมาเดินบิณฑบาต ทราบมาว่า พระก็มีสายเหมือนกัน คือถ้ามีมาจากหลายวัด ก็จะแบ่งสายกันเดิน ไม่เดินทับเส้นทางกัน แล้วก็ไม่ใช่ว่าท่านจะเดินมาจากวัดเสียทีเดียว แต่จะย่นระยะทางโดยการนั่งรถมาลงตรงต้นทางแล้วค่อยลงเดิน เมื่อเดินครบตามเส้นทาง ท่านก็จะกลับมาขึ้นรถ หรือไม่ก็นัดหมายให้คนขับรถมารับตรงจุดไหน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่เข้าใจได้ว่า พระบางท่านอายุมาก และถนนปูนซีเมนต์บางทีก็ร้อนจนเดินเท้าเปล่านานๆ ไม่ได้ ขามาไม่เท่าไหร่ ขากลับนี่สิ เพราะเวลานั้นแดดกำลังร้อนแจ๋ๆ และพระในกรุงเทพฯ กว่าจะกลับวัดก็สายโด่ง เพราะต้องเผื่อเวลาให้คนที่ตื่นสายได้มีโอกาสทำบุญบ้าง . . แถวตลาดใกล้บ้าน พระไม่ต้องเดินบิณฑบาต แต่มีเก้าอี้ให้นั่ง ตรงข้ามกับร้านขายอาหาร ซึ่งคนซื้อก็ซื้อตรงนั้น ซื้อเสร็จก็หันหลังหลับมาใส่บาตรได้เลย สะดวกสบายดีแท้ ข้าพเจ้าเคยไปใส่บาตรหน้าตลาดบ้างเหมือนกัน แต่บางครั้งก็ต้องรู้สึกขัดใจ เวลาที่ท่านกำลังสัพพี (เรียกอย่างนี้หรือป่าว ไม่แน่ใจค่ะ) สายตาของเราก็อยู่ประมาณบาตรของท่าน ก็แอบชำเลืองเห็นว่าท่านท่องไป มือก็สาละวนกับการแยกธนบัตรออกจากถุงใส่อาหาร ธนบัตรหลากสีจะถูกพับเรียงไว้ที่ก้นบาตร ส่วนถุงอาหารทั้งหลาย จะถูกโยนลงไปในถุงปุ๋ยหรือกระสอบด้านหลัง ถุงเบ้อเริ่ม บางวัน 2-3 ถุง พระองค์เดียวฉันอย่างไรก็คงไม่หมด แต่ไม่ต้องกลัวว่าของเหล่านี้จะถูกนำไปทิ้งขว้างให้เสียของ เพราะประมาณแค่ช่วงสายๆ จะมีคนขี่มอเตอร์ไซค์ นำถุงเหล่านี้กลับมาตระเวนขายในหมู่บ้าน สนนราคาก็อยู่ที่ถุงละ 10 บาท จากราคาปกติ 25-30 ถ้าเป็นพวกนมกล่อง ปลากระป๋อง 5 บาท 10 บาท ขายดิบขายดี หมดเกลี้ยงทุกวัน . . ที่บ้านข้าพเจ้าบอกว่า เรื่องของเขา ถ้าเราตั้งใจทำบุญ เราก็จะสบายใจ ใครคิดอะไร ทำอะไร ก็ได้อย่างนั้น หลายๆ ครั้งที่เห็น ก็เลยต้องทำใจ ปลงๆ ไปบ้าง จนดูเหมือนกับว่า เราเองก็มีส่วนที่ทำให้ศาสนาเสื่อมไปด้วยหรือเปล่า ฐานที่ทำตัวเคยชิน ซึ่งก็เท่ากับการยอมรับเหมือนกัน . สุดท้ายแล้วเมื่อไม่รู้จะคิดไปทำไมให้ปวดหัว ข้าพเจ้าก็ได้แต่สรุปเอาในใจคนเดียวว่า... ศาสนาไม่ได้เสื่อม เพราะศาสนาคือความดีงาม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นความจริง ความจริงที่ไม่มีวันดับสิ้น หรือสูญหาย เรื่องนี้พิสูจน์มาแล้ว ยาวนานเกือบ 3,000 ปี และก็จะยังคงเป็นเช่นนี้เรื่อยไป . ที่เสื่อมจริงๆ จึงน่าจะเป็นคน คนที่แอบอ้างใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ซึ่งก็คงเหมือนกับ คนเสื่อมที่อยู่ในสังคมอื่นๆ ในสาขาอาชีพอื่นๆ ที่มีทั้งคนดี และคนไม่ดีเข้าไปใช้ช่องทางทำมาหาประโยชน์ ที่เห็นชัดๆ ก็บรรดานักการเมือง เพราะการเมืองโดยเนื้อแท้ ระบอบโดยเนื้อแท้ ไม่ได้เลวทราม แต่คนต่างหากที่ทำให้เสื่อม ภาพนักการเมืองเลวๆ ทำให้ผู้คนมองว่าการเมืองเลว ระบอบเลว... ถ้าจะแก้ ต้องแก้ที่คน ไม่ใช่ไปแก้ที่ระบอบ ถ้าแก้ไม่ได้ อย่างน้อยเราก็ยังคงต้องเชื่อ ยึดมั่น และศรัทธาต่อไป คนดีจะเลิกคิดดีไม่ได้ จะท้อแท้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตก็อยู่ไม่ได้ เราจะปล่อยให้บ้านเมืองมีแต่คนเลวเต็มไปหมดได้อย่างไร . . วันนี้ ถ้าเราจะยกมือไหว้พระสักองค์ หลายคนคงคิดหนัก ก็ให้คิดเสียว่า ยึดมั่นในคำสั่งสอน ศรัทธาในความดีงาม ต้องแยกแยะ...ว่าเราเชื่อและศรัทธาในสิ่งใด “คำสั่งสอน หรือ ตัวบุคคล” . อีกทั้ง คนที่อยู่ในจีวรสีเหลือง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาคือพระสาวกของพระพุทธเจ้าเสมอไป . ศาสนาไม่เคยเสื่อม ที่เสื่อมลงๆ นั่นคือพวกมารศาสนาต่างหาก . |