ย้อนรอย ปีศาจแดง ก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่


ชื่อเต็ม
 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟุตบอล คลับ
ชื่อเดิม นิวตัน ฮีธ แอล แอนด์ วายอาร์
ฉายา เรด เดวิลส์
ก่อตั้ง 1878
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด (1910 - ปัจจุบัน)
ความจุ 76,212 คน
สนามเดิม นอร์ธ โร้ด (1880-1893), แบงค์ สตรีท (1893-1910), เมน โร้ด (1941-1945)
เจ้าของ มัลคอล์ม เกลเซอร์
ประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส
ประธานสโมสรร่วม โจเอล เกลเซอร์, อัฟราม เกลเซอร์
ผู้บริหารสูงสุด เดวิด กิลล์
ทูตสโมสร ไบรอัน ร็อบสัน
ผู้จัดการทีม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (1986 - ปัจจุบัน)
ผู้จัดการทีมในอดีต เออร์เนสต์ มังนัลล์ (1903-1912), จอห์น เบนท์ลี่ย์ (1912-1914), จอห์น ร็อบสัน (1914-1921), จอห์น แชปแมน (1921-1926), คลาเรนซ์ ฮิลดิทช์ (1926-1927), เฮอร์เบิร์ต แบมเลตต์ (1927-1931), วอลเตอร์ คริคเมอร์ (1931-1932), สกอตต์ ดันแคน (1932-1937), วอลเตอร์ คริคเมอร์ (1937-1945), แมตต์ บัสบี้ (1945-1969), วิล์ฟ แม็คกินเนสส์ (1969-1970), เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (1970-1971), แฟรงค์ โอฟาร์เรลล์ (1971-1972), ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ (1972-1977), เดฟ เซ็กซ์ตัน (1977-1981), รอน แอตกินสัน (1981-1986)


ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยแรก ฤดูกาล 1992-1993

คุณยังจำครั้งแรกได้หรือเปล่า? คุณไม่มีทางลืมมันแน่ กับการสิ้นสุดการรอคอย 26 ปี ที่ปราศจากแชมป์ลีก การลงเล่นสี่เกม ในแปดวัน ที่สุดแสนจะตื่นเต้นในการชิงแชมป์ไม่มีทางลบไปจากควาทรงจำแน่นอน และการสามารถผ่านจุดนั้นมาก็ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน ลีดส์ ยูไนเต็ด อยู่ที่ไหนแล้ว? 

ความทรงจำที่แจ่มชัดที่สุดก็เห็นจะเป็นการฉลองชัยอย่างสุดเหวี่ยง ในวินาทีที่สตีฟ บรู๊ซ กระโดดโขกบอลเป็นประตูที่สองในเกมที่พบกับเชฟฟิดล์ เวนส์เดย์ ในบ่ายกลางเดือนเมษายน ที่บ้าคลั่ง เป็นการคัมแบ๊กกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ลาซารัส (จาการหาข้อมูล ลาซารัส เป็นคนที่พระเยซูปลุกให้ฟื้นจากความตายครับ - คนแปล) และยอดเยี่ยมที่สุดก่อนแมตช์ที่ตูริน และคัมป์ นู และเป็นชัยชนะนัดที่สองในเจ็ดนัดรวดที่เราทำได้ และการชนะรวดครั้งนั้น ก็ทำให้ทำลายโอกาสของนอริช ซิตี้ และแอสตัน วิลล่า ในการเบียดลุ้นแชมป์ไปทันที ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยทำคะแนนทิ้งห่างถึง 10 คะแนน 

และเป็นผู้เล่นที่มาใหม่อย่าง คันโตน่า ที่ย้ายมาช่วงคริสมาสต์ จากเอลแลน โร้ด ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญพาทีมเถลิงบัลลังค์ ไม่ว่าจะเป็นคนยิงตีเสมอเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3-3 ในวันบ็อกซิ่ง เดย์ หรือนำทีมถล่มโคเวนทรี 5-0 และไล่ยิงสเปอร์ส 4-1 ในอีกสองเกมถัดมา 

และยังมีฮีโร่อีกอีกหลายคน มาร์ค ฮิวจส์ ซึ่งทำไป 16 ประตู เขาเคยเกือบจะพาทีมเป็นแชมป์ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 และมาทำสำเร็จในครั้งนี้ เหล่ากองหลังอย่าง ยักษ์ใหญ่ ชไมเคิ่ล, บรู๊ซ, พัลลิสเตอร์, เออร์วิน, ปาร์คเกอร์, อินซ์ และ แมคแคลร์ ในแดนกลาง และทางปีกซ้าย เด็กหนุ่มอายุ 19 อย่างไรอัน กิ้กส์ ก็ยึดครองตำแหน่งโดยพลาดการลงเล่นไปเพียงนัดเดียวเท่านั้น 

เซอร์ อเล็กซ์ จุดไฟแห่งความสำเร็จที่มอดไปนานตั้งแต่สมัยเซอร์ แมตต์ และเริ่มต้นยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองของตัวเอง 

เกมสำคัญ 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 1 
โอลด์ แทรฟฟอร์ด 10 เมษายน 1993
 

ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่สอง ฤดูกาล 1993-1994

นอกจากดับเบิ้ลแชมป์ ในฤดูกาลนี้แล้ว ที่น่าจดจำอย่างยิ่งก็คือ ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของทีม พาปีศาจแดง เข้าป้ายทั้งแชมป์ลีก และเอฟเอ คัพ สองใบในปีเดียวเป็นทีมที่สี่ในศตวรรษที่ 20 และนั่นก็เป็นเหมือนการสรรเสิญเซอร์ แมตต์ บัสบี้ ตำนานของทีมที่จากไปเมื่อเดือนมกราคม (เซอร์ แมตต์ เสียชีวิตเมื่อ 20 มกราคม 1994) 

นอกจากนั้นผู้เล่นเก่าๆ ก็เริ่มหายไป ไบรอัน รอบสัน เริ่มหลุดจากทีมตัวจริง โดยผู้ที่เข้ามาแทนกัปตันมาร์เวล คือหนุ่มน้อยที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเป็นสถิติของเกาะอังกฤษตอนปิดฤดูกาล 3.75 ล้านปอนด์ นาม รอย คีน ผู้ซึ่งประเดิมสนามด้วยการยิงสองประตูในชัยชนะเหนือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-0 ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด 

รอบสัน ซึ่งก็ทำประตูได้ในวันนั้น ชูถ้วยพรีเมียร์ ลีก อีกครั้งกับสตีฟ บรู๊ซ ซึ่งเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่พาทีมเป็นดับเบิ้ลแชมป์ เอริค คันโตน่า โชว์ฟอร์มกระทุ้ง 18 ประตูจาก 34 นัด ก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปี ช่วยพาทีมเป็นแชมป์ด้วยคะแนนทิ้งห่าง 8 แต้มจากทีมที่สร้างจากการทุ่มเงินของมหาเศรษฐี แจ๊ค วอร์ลเกอร์ อย่าง แบล๊กเบิร์น โรเวอร์ส 

ด้วยนักเตะอย่าง แคนเชลสกี้, ชาร์ป และกิ๊กส์ เกมบุกของทีมนั้นดุดันอย่างมาก ทำไปถึง 80 ประตู และแพ้ไปเพียงเกมเดียวจนถึงเดือนมีนาคม เกมไฮไลท์นั้นรวมถึงเกมถล่มโอลด์ แฮม และเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ด้วยสกอร์ 5-2 และ 5-0 เมื่อจบฤดูกาล เซอร์ อเลกซ์ ก็ได้ตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปีเป็นครั้งแรก 

เกมสำคัญ 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 0 
สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด - 16 มีนาคม 1994
 

ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่สาม ฤดูกาล 1995-1996

เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่หนักหนาสำหรับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากตัดสินใจขายสามผู้เล่นที่เป็นกำลังหลักของทีมในซีซั่นก่อนอย่าง ฮิวจ์ส, อินซ์ และแคนเชลสกี้ ซึ่งทำให้แฟนๆ เกิดความไม่พอใจ 

เฟอร์กี้หมดตัวผู้เล่นดีๆ แล้วหรือ? เปล่าเลย ในทางกลับกันเขากลับมีตุนไว้อีกเพียบ เหล่าผู้เล่นที่ถูกขัดเกลา และพร้อมจะขึ้นมาสะเทือนบัลลังก์พรีเมียร์ ลีก แล้ว เหล่าผู้เล่นเหล่านั้นก็คือ เบคแฮม, สโคลส์, บัตต์ และเนวิลล์ เหล่านักเตะดาวรุ่งที่เกิดขึ้นจากนโยบายการสร้างนักเตะเยาวชน 

คุณไม่มีวันคว้าแชมป์ได้จากพวกเด็กๆ นี่คือคำทำนายจากอลัน แฮนเซ่น ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์เกม หลังจากที่ปีศาจแดง พ่ายต่อแอสตัน วิลล่า ในแมตช์เปิดฤดูกาล เยี่ยมมาก อลัน! แต่ปี 1996 ไม่ใช่ปีทองของเด็กๆ แต่เป็นปีของราชันย์ต่างหาก 

เอริค คันโตน่า กลับมาลงเล่นหลังจากการชดใช้โทษที่ไปกระโดดถีบยอดอกแฟนบอลพาเลซ ไปเก้าเดือน คันโตน่ากลับมาลงสนามได้อย่างถูกจังหวะในการพบกับลิเวอร์พูล ในเดือนตุลาคม และสังหารจุดโทษตีเสมอให้ทีมในเกมที่จบ 2-2 หลังจากนั้นก็ช่วยทีมยิงไป 13 ประตู รวมถึงลูกวอลเล่ย์ประตูชัยในเกมกับนิวคาสเซิล ตอนต้นเดือนมีนาคม ชัยชนะนัดนั้นก็ทำให้นิวคาสเซิล ร่วงหล่นจากการชิงชัยแชมป์ลีก ไปโดยปริยาย 

และช่วงที่ทอปฟอร์มนั้นทีมปีศาจแดง ก็เป็นทีมที่ไม่มีใครหยุดอยู่ ดูจากการเก็บชัยชนะ 13 นัดจาก 16 เกมสุดท้าย และเกมเดียวที่พ่ายก็คือ เกม(เสื้อ)สีเทาในเซาแธมป์ตัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ลูกทีมของเควิน คีแกน นำห่างถึง 12 คะแนน แต่ปลายเดือนเมษายน ก็ปรากฎว่าเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดในตาราง จนเมื่อเหลือสองเกมสุดท้าย หลังจากนิวคาสเซิล บุกไปชนะลีดส์ 1-0 

เควิน คีแกน ตบะแตกในการให้สัมภาษณ์ด่าเฟอร์กี้สดๆ ผ่านทางช่องสกาย สปอร์ต แต่เรื่องนั้นก็ไม่มีผลกระทบสำหรับเรา โดยเฉพาะหลังจากนั้นนิวคาสเซิล ทำได้เพียงบุกไปเสมอ 1-1 กับฟอเรสต์ ทำให้นัดสุดท้ายของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการพบกับมิดเดิลสโบรซ์ ที่ริเวอร์ไซด์ นั้น แค่เก็บชัยการันตีตำแหน่ง 

เมย์, โคล และกิ้กส์ ก็ซัดคนละลูกให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มสบายๆ 3-0 คราวนี้มาร้องพร้อมกัน We won the football league again, down by the Riverside, down by the Riverside (เราได้แชมป์ลีกอีกครั้ง ที่ริเวอร์ไซด์) 

เกมสำคัญ 
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 
เซนต์เจมส์ ปาร์ค - 4 มีนาคม 1996
 

ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่สี่ ฤดูกาล 1996-1997

ตอนจบฤดูกาล 1996/97 นั้น แต้มห่างระหว่างสี่อันดับแรกมีเพียงแค่เจ็ดคะแนนเท่านั้น และทั้งเจ็ดแต้มเป็นของเรา ที่ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ในฤดูกาล ที่มีการขับเคี่ยวตำแหน่งแชมเปี้ยนอย่างดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ ลีก ทั้งนี้ต้องยกประโยชน์ให้การเก็บคะแนนในเกมที่เจอกับผู้ท้าชิงได้นั่นเอง 

การเก็บหกคะแนนเต็มทั้งเหย้า และเยือน จากอาร์เซนอล และลิเวอร์พูล ไม่เพียงแต่ได้คะแนนมาเท่านั้น แต่ยังส่งผลทางจิตใจอย่างมากด้วย อาร์เซนอลนั้น ต้องยกเครดิตให้พวกเขาด้วยการกลับมาเป็นแชมป์ในปีถัดไป แต่กับลิเวอร์พูลนั้นก็ยังต้องไขว่คว้าหาแชมป์ลีก ที่ห่างเหินกันมาต่อไป 

แต่ไม่ใช่เราจะโชว์ฟอร์มได้ดีตลอดทั้งฤดูกาล โดยช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฟอร์มของทีมก็ตกต่ำเหมือนใบไม้ ด้วยการพ่ายแพ้อย่างถล่มทลายถึงสองนัด ออกไปแพ้นิวคาสเซิล 5 - 0 ลงใต้ไปโดนนักบุญถล่มปีศาจ 6 - 3 ตามด้วยการแพ้เชลซี อีก 2 - 1 แต่หลังจากถูกถล่มซ้ำจากเหล่านักข่าวหนังสือพิมพ์ เซอร์ อเล็กซ์ ก็กลับมาตั้งหลัก มุ่งมั่นตั้งใจพาทีมไม่แพ้ใครติดต่อกัน 16 นัดรวม ตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน จนถึง 8 มีนาคม และเป็นชัยชนะถึง 12 นัด 

และเกมที่เป็นไฮไลต์ในช่วงนั้นคือ นัดที่ถล่มซันเดอร์แลนด์ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ดไป 5 - 0 โดยเอริค คันโตน่า ยิงไป 2 ประตู ซึ่งฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลสุดท้ายที่เขาอยู่กับทีม และในลูกที่สองที่เขาชิพบอลข้ามหัวผู้รักษาประตูเข้าไป เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดที่เขาทำได้เลยทีเดียว

นอกจากนั้น ฤดูกาลนี้ยังเป็นการแจ้งเกิดของ เพชรฆาตหน้าทารก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ หลังจากย้ายมาร่วมทีมฤดูกาลแรก แต่ทำได้ 18 ประตู แซงหน้าคันโตน่า และโคล เป็นดาวซัลโวของสโมสร แต่ประตูที่เด่นที่สุดในฤดูกาลคือลูกยิงครึ่งสนามของเดวิด เบ็คแฮม ผ่านนีล ซุลลิแวน เข้าไปตุงตาข่าย

เกมสำคัญ 
ลิเวอร์พูล 1 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 
แอนฟิลด์ - 19 เมษายน 1997 

เป็นอีกหนึ่งเกมที่ ความเฟอะฟะ ของเดวิด เจมส์ นายประตูลิเวอร์พูล ทำลายความหวังลุ้นแชมป์ของยอดทีมจากเมอร์ซี่ย์ ไซด์ หลังจากวืดลูกโยนของแกรี่ เนวิลล์ ให้บอลไปเข้าเท้าแอนดี้ โคล ซัดประตูสู่แชมเปี้ยน ของปีศาจแดง

ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ห้า ฤดูกาล 1998-1999

คุณต้องไปอยู่ในถ้ำ หรือถูกขังลืมอยู่ที่ไหนแน่ๆ ถ้าคุณไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่เมื่อปี 1999 คุณจำได้หรือเปล่าว่าทุกอย่างเริ่มต้นยังไง? 

ทีมที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของฟุตบอล เหล่าผู้เล่นที่จะถูกจารึกชื่อที่สเตรทฟอร์ด เอนด์ ไปอีกนานเท่านาน 

เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการเสมอ 2 - 2 กับเลสเตอร์ ซิตี้ ในบ้านของตัวเอง ถ้าผลการแข่งขันนัดนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นรูปแบบที่เราประสบความสำเร็จ ประตูที่ช่วยเซฟแต้มสำคัญให้กับทีม ประตูมหัศจรรย์ จากเดวิด เบคแฮม ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในการคุมทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เราก็ไม่ได้สังเกตจนกระทั่งมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นแหละ 

ด้วยกองหน้าอย่างดไวท์ ยอร์ค ที่ย้ายทีมมาอย่างเซอร์ไพร์ส จากแอสตัน วิลล่า ยืนคู่กับแอนดี้ โคล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รักษาสถิติไม่แพ้ใครตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม ไปจนกระทั่งจบฤดูกาล ยอร์ค และโคล ซัดรวมกันในลีกถึง 35 ประตู (ยิงได้ในเกมเดียวกันถึง 6 ครั้ง) 

ในแผงกองกลาง รอย คีน ก็แสดงผลงานได้อย่างสุดยอด พลาดการลงสนามเพียงสามเกมเท่านั้น ในขณะที่กองหลังตัวใหม่อย่างยาป สตัม ก็พิสูจน์ตัวเองว่าคุ้มค่ากับตำแหน่งปราการหลังที่แพงที่สุดในโลก และเขาจะมาทุกครั้งที่คุณต้องการ นักเตะอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ก็ยิงประตูได้ถึง 12 ประตู จาการลงสนามเพียง 19 เกม (10 นัดในฐานะตัวสำรอง) ซึ่งนั้นก็รวมถึงเหมาสี่ประตูภายในสิบนาทีในการลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมที่ถลกหนังเจ้าป่า ฟอเรสต์ กระจุยกระจาย 8 - 1 ด้วย 

ตลอดทั้งเดือนเมษายน แมนฯ ยูไนเต็ด และอาร์เซนอล ยังขับเคี่ยวตำแหน่งจ่าฝูงแบบหายใจรดต้นคอ จนถึงนัดสุดท้ายเพื่อตัดสิน ขอบคุณประตูที่ 17 ในฤดูกาลของแอนดี้ โคล ในเกมเปิดบ้านชนะสเปอร์ส 2 - 1 ทำให้ปีศาจแดง คว้าแชมป์ด้วยแต้มห่างเพียง 1 คะแนน เป็นการแก้แค้นที่เสียแชมป์ให้ทีมของเวนเกอร์ เมื่อปีที่แล้วด้วยคะแนนเดียวเหมือนกัน

เกมสำคัญ 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 วิมเบิลดัน 1 
โอลด์ แทรฟฟอร์ด - 17 ตุลาคม 1998 

มันมีเกมที่ยากกว่านี้หลายเกมในฤดูกาล แต่เกมนี้เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นการประสานงานอันลงตัวของคู่กองหน้าดำทมิฬของเรา โคลซัดไปสอง ในขณะที่ยอร์ค ก็มีเอี่ยวอีกหนึ่งลูกในชัยชนะถล่มทลาย


ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่หก ฤดูกาล 1999-2000

แม้จะผ่านค่ำคืนอันยอดเยี่ยมที่บาร์เซโลน่า มาแล้ว แต่อัศวินใหม่ถอดด้ามอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ไม่ได้คิดที่หยุดพักความสำเร็จ ด้วยการท้าทายเหล่าผู้เล่นว่า พิสูจน์ว่าพวกเรายังต้องการความสำเร็จอีก 

และถ้ามีคนที่จะไม่มีคำถามว่ายังหิวกระหายในชัยชนะหรือเปล่า นั่นก็คือ รอย คีน แม้ว่าการเจรจาต่อสัญญากัปตันทีมผู้นี่จะยืดเยื้อจนถึงเดือนธันวาคม เมื่อสิ้นสุดเดือนกันยายน การเอาชนะลีดส์ ยูไนเต็ด และนิวคาสเซิล สบายๆ ในบ้าน 

การบุกไปเอาชนะอาร์เซนอล ถึงไฮบิวรี่ และชัยชนะ 3 - 2 เหนือลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ (จำได้มั้ยว่าใครยิงเข้าประตูตัวเองสองประตู) แสดงให้เห็นว่าความมุ่งมั่นของเหล่านักเตะยังไม่หายไปไหน 

การลาทีมของปีเตอร์ ชไมเคิล ทำให้มาร์ค บอสนิช ได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนซึ่งก็ทำผลงานได้พอใช้ แต่เฟอร์กี้ ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ เลยไปดึงตัวผู้รักษาประตูชาวอิตาเลี่ยนอย่าง มัสซิโม่ ตาอิบี้ แต่ว่าการถูกเชลซี ถลุง 5 - 0 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แล้วถูกสเปอร์ส ไล่ทุบ 4 - 1 แสดงให้เห็นว่านี้เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด 

แต่หลังจากที่รอย คีน จรดปากกาเซ็นสัญญาฉบับใหม่ ทีมก็กลับมาเข้ารูปเข้ารอย แม้กระทั่งการออกไปเผชิญความยากลำบากถึง 10 วันที่บราซิล ในรายการ FIFA's World Club Championship ก็ไม่อาจจะหยุดฟอร์มอันร้อนแรงในลีกของเราได้ เราไล่บี้คู่อริเมืองใกล้เคียงอย่างลีดส์ แบบไม่เห็นฝุ่น จากการแพ้เพียงนัดเดียวในสี่เดือน และการบุกไปชนะ 1 - 0 ถึงเอลแลน โร้ด ก็ยอดเยี่ยม สกอร์ 7 - 1 ต่อเวสต์ แฮม ต่อด้วย 4 - 0 ที่ แบรดฟอร์ด จากการวอลเล่ย์มหัศจรรย์จากพอล สโคลส์ นอกจากนั้นยังซัดสี่ประตูได้อีกในเกมในบ้านกับซันเดอร์แลนด์ และนัดออกไปเยือนมิดเดิ้ลสโบรซ์ 

และในวันสุดท้ายในการรับแชมป์ที่เซาแธมป์ตัน แม้แต่ฟิล เนวิลล์ ก็ทำประตูได้ แมนฯ ยูไนเต็ด จบอันดับหนึ่งด้วยการทิ้งห่างอันดับสองถึง 18 คะแนน ทำประตูได้ถึง 97 ประตู ทั้งทีมยังอยากที่จะเป็นผู้ชนะอยู่จริงๆ ด้วย 

เกมสำคัญ 
อาร์เซนอล 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 
ไฮบิวรี่ - 22 สิงหาคม 1999 

กัปตันของเรา รอย คีน ระเบิดฟอร์มเหมือนอย่างที่ในตูริน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี่อีกครั้ง โดยการเหมาคนเดียวสองประตู พลิกกลับจากตาม 1 - 0 เป็นชัยชนะอันหอมหวาน


ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่เจ็ด ฤดูกาล 2000-2001

การคว้าแชมป์ลีกสามครั้งรวด มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นยากมากๆ เช่นเดียวกับการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามสร้างสถิตินี่ตั้งแต่เริ่มความยิ่งใหญ่ช่วงทศวรรษที่ 90 แต่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงสามครั้งเท่านั้นในประวัติศาสตร์ และล่าสุดก็คือลิเวอร์พูล ในช่วงที่ครองความยิ่งใหญ่เมื่อปี 80 

เริ่มจาก เซอร์ อเล็กซ์ เซ็นสัญญาคว้าตัวผู้รักษาประตูทีมชาติฝรั่งเศส ฟาเบียน บาร์กเตซ จากโมนาโก แม้ว่าการคว้ากองหน้าชาวดัตช์อย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย จะต้องยกเลิกหลังจากกองหน้ารายนี้บาดเจ็บจากการฝึกซ้อม แต่ก็ดูเหมือนขุมกำลังของแมนฯ ยูไนเต็ด จะพร้อมรบแล้ว 

สถิติที่ทีมยิงได้น้อยกว่าฤดูกาล 1999/2000 ไป 14 ประตู บ่งบอกว่าแมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเกมรับมากขึ้น และแม้ว่าฤดูกาลนี้จะไม่ได้เป็นฤดูกาลที่ยากลำบากในการคว้าแชมป์ โดยเฉพาะตั้งแต่หลังช่วงคริสต์มาส แต่ทีมก็ยังถือว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างดีตามมาตรฐาน 

แมนฯ ยูไนเต็ด นำโด่งไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เมื่ออาร์เซนอล ต้องบุกมาเยือนเพื่อจะพยายามลดช่องว่างสักนิดก็ยังดี แต่ก็โดนถลุงกลับลอนดอนแทบไม่ถูกด้วยสกอร์ 6 - 1 และดไวท์ ยอร์ค ก็สามารถซัดแฮตทริก แรกให้กับทีมโดยใช้เวลาเพียง 19 นาที โดยอาร์เซนอล ตามหลังอยู่ถึง 16 แต้ม 

หกอาทิตย์หลังจากนั้น สิ่งที่รู้ก่อนมาเป็นเดือนก็ได้รับการยืนยัน ตอนรอย คีน ยกถ้วยแชมป์ต่อหน้าแฟนๆ ด้วยการทิ้งห่างอาร์เซนอล 10 แต้ม

เกมสำคัญ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 1 
โอลด์ แทรฟฟอร์ด - 1 มกราคม 2001 

แม้ว่าเกมถล่มปืนกระบอกแตกจะเป็นเกมที่ดี แต่การทุบค้อนกระจายเกมนี้เป็นเกมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดมากกว่า


ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่แปด ฤดูกาล 2002-2003

หลังจากออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ แย่ที่สุดของทีมตั้งแต่มีพรีเมียร์ ลีก อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ออกมาพูดถึง การเปลี่ยนแปลงอำนาจ ช่วงเวลาอันเรืองรองของทีมสิ้นสุดไปแล้ว? ความล้มเหลวเริ่มเข้ามาปกคลุมทีม? 

ด้วยความสามารถอันเอกอุของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่พยายามจัดการทีมให้เข้ารูปเข้ารอย นี่เป็นฤดูกาลแรกของริโอ และเป็นเพียงฤดูกาลที่สองของ รุด ฟาน นิสเตลรอย และ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และทีมก็เริ่มติดเครื่องตอนกลางฤดูกาล โดยชัยชนะเหนือนิวคาสเซิล, ลิเวอร์พูล จากสองประตูของฟอร์ลัน ที่แอนฟิลด์ และอาร์เซนอล 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เร่งเครื่องบีบช่องว่างเก้าคะแนนเหลือเพียงแค่สาม การแพ้มิดเดิ้ลสโบรซ์ ตอนวันบ็อกซิ่ง เดย์ อาจจะดูเหมือนหยุดโอกาสไป แต่การกลับมาชนะหกนัดรวดก็พาทีมกลับมาสู่เส้นทางคว้าแชมป์อีกครั้ง 

เหลืออีก 10 นัด และอาร์เซนอล นำอยู่ 5 แต้ม แต่นั่นไม่พอหรอก น้อยไปด้วยซ้ำ สิบนัดสุดท้าย ปีศาจแดงซัดไป 29 ประตู และเก็บชัยไปเก้าเกม มันไม่ใช่ทีมฟุตบอลแล้ว นี่มันหน่วยรบชัดๆ และดาวซัลโวก็ไม่ใช่ใครอื่น รุด ฟาน นิสเตลรอย จัดการซัดไป 13 ประตูจาก 8 เกม ยิงรวมทั้งฤดูกาล 25 ลูก 

และเหยื่อรายใหญ่ที่สุดก็คือ นิวคาสเซิล ที่จบฤดูกาลด้วยอันดับสาม โดนพอล สโคลส์ ซัดแฮตทริก ในนัดที่ไปเยือนเซนต์ เจมส์ ปาร์ค แล้วกลับออกมาด้วยชัยชนะ 6 - 2 ต่อด้วยการถล่มลิเวอร์พูล 4 - 0 ในโอลด์ แทฟฟอร์ด โซลชาร์ ซัดประตูปิดชัยนาทีสุดท้ายได้เช่นเคย 

กลางเดือนเมษายน แมนฯ ยูไนเต็ด มีแต้มนำอยู่สามแต้ม และเล่นมากกว่าอาร์เซนอล หนึ่งเกม การบุกไปยันเสมอ 2 - 2 ที่ไฮบิวรี่ จากการโหม่งประตูตีเสมอไรอัน กิ้กส์ ที่ไม่ค่อยได้โหม่ง ทำให้เราถือความได้เปรียบอยู่เต็มประตู และหลังจากอาร์เซนอล พลาดทั้งเกมกับโบลตัน และลีดส์ ถ้วยแชมป์ก็กลับบ้าน 

เกมสำคัญ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 ลีดส์ ยูไนเต็ด 1 
โอลด์ แทรฟฟอร์ด - 5 มีนาคม 2003 

มันดีทุกครั้งที่ชนะลีดส์ ยูไนเต็ด ได้ และดีกว่าถ้าได้ประตูชัยช่วงท้ายๆ จากคนที่ไม่คิดว่าจะยิงได้ เป็นมิเกล ซิลแวสตร์ ที่ดอดขึ้นมาโหม่งประตูชัยในขณะที่เหลืออีก 11 นาทีจะหมดเวลา

Credit: www.redarmyfc.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์